หลังจากวันที่เธอไปสร้างวีรกรรมเมาแอ๋ในผับหรูวันนั้น ตื่นเช้ามาเธอก็โดนทั้งพ่อและพี่ชายบ่นจนหูชาบนโต๊ะอาหารมื้อเช้า ที่มีเขานั่งร่วมโต๊ะด้วย เพราะเขาได้ทำการรายงานพฤติกรรมของเธอให้พ่อและพี่ชายเธอฟังทั้งหมด
พ่อของเธอปฏิบัติต่อเขาเหมือนที่ปฏิบัติต่อลุงโทมัสเพื่อนรัก เพราะพ่อของเธอทั้งเอ็นดู รักใคร่ ไว้ใจและสนับสนุนเขาทุกอย่าง จนคนตัวบางแอบเบะปากด้วยความหมั่นไส้อยู่หลายครั้ง
แตกต่างจากเธอที่ถึงแม้พ่อกับพี่ชายจะรักและตามใจมากเหมือนไข่ในหิน แต่พวกเขาก็ชอบเจ้ากี้เจ้าการและขี้บ่น ไม่ค่อยให้อิสระกับเธอสักเท่าไหร่ ขนาดแค่เมานิดเดียวยังโดนบ่นเสียหูชา ว่าถ้าไม่มีเขาไปด้วย เธอจะอยู่ในสภาพไหน
ก็แล้วมันจะมีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นกับเธอซะที่ไหนกัน ในเมื่อแค่อยากจะออกไปซูเปอร์มาร์เก็ตหน้าปากซอยบ้าน ยังต้องมีบอดี้การ์ดตามไปคุม
เพราะฉะนั้น เธอจะเมา จะหลับ จะหมดสภาพแค่ไหน ยังไงก็กลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัยอยู่ดี
พรุ่งนี้เธอกับเขาก็ต้องขนย้ายสัมภาระจำเป็นไปไว้ที่คอนโดมิเนียมหรูใกล้มหาวิทยาลัยของเธอ ที่ต้องใช้เวลาเดินทางจากที่นี่หลายชั่วโมง เธอควบคุมแม่บ้านจัดกระเป๋าเดินทางให้เธอเสร็จแล้ว จึงตั้งใจจะลงมาหาอะไรดื่มก่อนนอน แต่เมื่อเดินผ่านห้องนั่งเล่นก็ต้องชะงักฝีเท้าลง แล้วเสียมารยาทยืนแอบฟังอยู่ตรงนั้น
“ฉันไปคุยกับเธอให้เอาไหม”
พอล คลาร์ก นายใหญ่ผู้มีพระคุณเอ่ยถามขึ้น เมื่อพูดคุยกันมาสักพัก แล้วถามถึงเคธี่คนรักของเขา ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมกับเธอจบกันแล้ว เธอเลือกทางเดินชีวิตของเธอแล้ว มีคนที่ดีและเหมาะสมกว่าผมมาดูแล และคงจะมีความสุขดี”
“นายอย่าด้อยค่าตัวเองแบบนั้น เธอต่างหากที่คิดผิด ที่ทิ้งนายไป อีกอย่างมันเป็นเพราะฉันอยากให้นายมาดูแลยัยพลอย แทนที่จะได้เริ่มทำงานตามที่นายอุตส่าห์ร่ำเรียนมา”
“อย่าคิดแบบนั้นสิครับ ผมดูแลคุณพลอยใกล้ชิดแบบนี้โดยที่ไม่ได้ทำอย่างอื่นแค่สองปี จากนั้นคุณพอลก็จะให้ผมช่วยงานคุณพลอยที่โรงแรมนี่ครับ”
“มันก็ใช่ แต่เคธี่เธอรอไม่ได้ไง ถ้าฉันไปพูดกับเธอ เธออาจเปลี่ยนใจ”
เขากับเคธี่คบกันตั้งแต่ตอนเรียนปริญญาตรี เมื่อเรียนจบก็พากันไปต่อปริญญาโท เราทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแบบคู่ผัวตัวเมีย นิสัยหลายๆ อย่างของเขากับเธอเข้ากันได้ดี จึงคบกันได้เรื่อยมาไม่มีปัญหาอะไร
จนในที่สุด เจ้านายผู้มีพระคุณของพ่อและเขา ขอร้องให้เขามาช่วยดูแลลูกสาวสุดที่รักให้หน่อย เพราะไม่มีใครทนอยู่กับเธอได้นาน และไม่มีใครที่ไว้ใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์นอกจากเขาอีกแล้ว
ในตอนนั้น ถ้าเขาไม่มีเคธี่ในชีวิต คงไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก สามารถตอบตกลงเจ้านายผู้มีพระคุณได้ทันที แต่เมื่อมีอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังวางแผนถึงการสร้างอนาคตร่วมกัน มันทำให้เขาคิดหนักและสุดท้ายก็ต้องตัดสินใจเลือกที่จะทิ้งแผนการทำงานสร้างอนาคตกับเธอ มาทำงานให้ผู้มีพระคุณของเขาก่อน
ตอนนั้นเขาและเธอทะเลาะกันรุนแรง เพราะเธอไม่เข้าใจว่าแค่เจ้านายของพ่อ จะมีบุญคุณอะไรกับเขาหนักหนาจนต้องถึงขั้นทิ้งอนาคตที่จะทำงานสร้างฐานะ สร้างครอบครัวกับเธอด้วย
มีหลายเรื่องที่เขายังไม่เคยได้บอกกับเธอ ในวันนั้นจึงได้บอกความจริงกันอย่างหมดเปลือก ว่าพ่อเขาทำงานให้ตระกูลมาเฟีย ที่ตอนนี้ผันตัวมาทำธุรกิจถูกกฎหมายมาตั้งแต่รุ่นพ่อของเจ้านายคนนี้แล้ว
มันจะไม่มีการติดค้างหนี้บุญคุณเลย ถ้า พอล คลาร์ก เป็นแค่เจ้านายธรรมดาๆ ของพ่อ แต่เขาคนนั้น คือคนที่ออกค่ารักษาพยาบาลให้แม่ของเขาที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ ต้องผ่าตัดใหญ่หลายครั้ง ถ้าไม่ได้ทั้งอำนาจและเงินทองของเขา แม่ของเขาไม่มีวันมีชีวิตอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้
และอะไรก็ช่างที่เป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเขา ไม่ว่าจะค่าเล่าเรียน ค่ากินอยู่ ค่าเสื้อผ้าอาหารหรือแม้แต่ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน พอล คลาร์ก คนนี้ เป็นคนออกให้หมดทุกบาททุกสตางค์ แม้แต่ที่เขาได้มาเรียนปริญญาโทในมหาวิทยาลัยชื่อดัง ได้อยู่คอนโดหรูหรา มีเงินทองใช้จ่ายโดยไม่ต้องไปทำงานพิเศษเหมือนคนอื่น มีเวลาทุ่มเทให้กับการเรียนอย่างเต็มที่ ก็เพราะ พอล คลาร์ก คนนี้ทั้งนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจ ที่เขาจะเลือกตอบแทนพระคุณ มากกว่าเลือกความสุขส่วนตัวกับผู้หญิงที่กำลังจะร่วมสร้างอนาคตกัน
พอเธอรู้เหตุผล เธอก็บอกเลิกเขาทันที เธอรู้เลยว่า สำหรับเขา เธอสำคัญเป็นอันดับสุดท้าย ซึ่งเขาก็ไม่เถียง เพราะมันเป็นแบบนั้นจริงๆ
ไม่กี่วันหลังจากที่เธอขนของออกจากคอนโดของเขา เขาได้เจอเธออีกครั้งที่มหาวิทยาลัยในวันสุดท้ายของการสอบ เธอมากับผู้ชายที่เคยถูกเชิญมาบรรยายเรื่องการบริหารธุรกิจ เขาคนนั้นมีกิจการขนส่งและท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา ทั้งยังเป็นเจ้าของโรงแรมและกาสิโนคู่แข่งตลอดกาลของแกรนด์คลาร์ก และแน่นอนว่า เขาคือลูกชายมาเฟียใหญ่ คู่ปรับของตระกูลคลาร์กนั่นเอง
ไม่รู้ว่าเธอตั้งใจประชดเขาหรือเธอรักผู้ชายคนนั้นจริงๆ แต่ผู้ชายรูปหล่อพ่อรวยคนนั้น ดูท่าทางคลั่งไคล้เธอมาก ก็แหงล่ะ เธอทั้งสวย ทั้งเซ็กซี่ แถมเรื่องบนเตียงเธอก็เด็ดจนเขาเองก็เคยติดใจเธอมาก่อน ไม่แปลกที่ใครๆ ที่ได้ลิ้มลองเธอ จะติดใจเหมือนเขา
วันนั้นเป็นวันที่เขาหมดความรู้สึกผิดที่สร้างอนาคตร่วมกับเธอไม่ได้ เพราะเธอได้เลือกคนที่บันดาลทุกอย่างให้เธอได้แล้วอย่างผู้ชายคนนั้น เขาจึงจากมาด้วยความสบายใจ ไม่มีอะไรติดค้างคาใจกันอีกต่อไป
“อย่าดีกว่าครับ ผมเองก็ทำใจได้แล้ว เป็นแบบนี้ก็สบายใจดี เพราะผมต้องตัวติดกับคุณพลอยตลอดเวลา ไม่มีเวลาให้ใครทั้งนั้น และคงไม่ยุติธรรมกับเธอ ที่จะต้องรอคอยอย่างเหงาๆ”
“ฉันหาคนมาช่วยนายได้ จะได้ผลัดกันทำงาน”
“อย่าเลยครับ คุณพอลรับปากกับคุณพลอยเอาไว้แล้วว่าจะมีคนดูแลเธอแค่คนเดียว เกิดโผล่มาสองคนเธอคงอาละวาดบ้านพัง”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ท่าจะจริง แล้วนายโอเคหรอไคล์ มีอะไรพูดกับฉันได้ทุกเรื่องนะ”
“ขอบคุณครับ ผมโอเค ผมไม่ได้ลำบากอะไร”
“ฉันให้อำนาจนายเต็มที่ ถ้ายัยพลอยพยศนัก ก็จัดการได้ตามสมควร เพราะนายอุตส่าห์เสียสละความสุขของตัวเองเพื่อยัยพลอยและฉัน อะไรที่ยัยพลอยทำให้ลำบากใจก็บอกฉันได้ ถ้านายจัดการไม่ไหว ฉันจะจัดการให้เอง”
เขาคิดว่า ถ้าเขาจัดการเอง คงจะง่ายกว่าพ่อและพี่ชายของเธอจัดการ เพราะสุดท้ายก็จะโดนลูกอ้อนของแก้วตาดวงใจ จนใจอ่อนยวบอยู่ดี ถึงได้เอาแต่ใจตัวเอง ขี้เหวี่ยงขี้วีน ทำตัวประดุจเจ้าหญิงแบบนี้ไง
คนตัวบางที่เสียมารยาทยืนแอบฟังสองหนุ่มคุยกันก็ถึงกับอึ้งไปเหมือนกัน ด้วยไม่คิดว่าเพราะเรื่องของเธอ ทำให้เขาต้องเลิกกับคนรักสาวที่คบกันมาหลายปี ท่าทางในใจเขาเองก็คงเจ็บไม่น้อย แต่ต้องทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าพ่อของเธอเพราะกลัวว่าคนแก่จะเป็นกังวลที่ทำให้เขาเสียใจสินะ
เธอยื่นหน้าไปแอบมองเขานิดหน่อย ก่อนเดินผ่านห้องนั้นไปเพื่อไปเอาเครื่องดื่มที่ห้องครัว
คนตัวโตเหลือบตาขึ้นมาก็มองเห็นคุณหนูของบ้านเดินผ่านหน้าห้องนั่งเล่นไปแล้ว ที่จริงเขาเห็นเธอมายืนแอบฟังตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะมุมที่เขานั่งอยู่ มันมองเห็นภาพสะท้อนของเธอจากผนังแต่งกระจกเงาอย่างชัดเจน
“ไคล์ขึ้นไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางกันแต่เช้า ให้เด็กขึ้นไปช่วยจัดกระเป๋าไหม”
ประมุขของบ้านเอ่ยอย่างห่วงใย อะไรที่อำนวยความสะดวกให้ชายหนุ่มได้ก็พร้อมจะทำให้เต็มที่
“ผมจัดเรียบร้อยแล้วครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับคุณพอล”
ชายหนุ่มลุกขึ้นโค้งคำนับให้เขาแล้วเดินออกมา หยุดยืนที่หน้าประตู ใบหน้าหล่อเหลาหันไปทางห้องครัว ก่อนจะเดินไปทางนั้นทันที ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน อยู่ๆ ก็รู้สึกคอแห้งขึ้นมากะทันหัน
เมื่อเดิมเข้ามาในห้องครัว ก็เจอร่างงามในชุดนอนกระโปรงสีชมพูหวาน กำลังก้มๆ เงยๆ หาอะไรบางอย่างในตู้เย็น จึงยืนพิงกรอบประตูมองเธออยู่นาน จนคนตัวบางที่หอบขนมและผลไม้เต็มมือหันมาเท่านั้นแหละจึงได้สติ เขายืดตัวตรงก่อนกระแอมแก้เก้อ
“ไคล์ มาเอาน้ำหรอ”
“ครับ”
เธอก้มมองขนมและผลไม้ที่หอบอยู่เต็มมือ ก่อนมองขวดน้ำเปล่าในตู้เย็นสลับกันอยู่อย่างนั้น ก่อนตัดสินใจเอ่ยปากอะไรบางอย่างออกไปจนเขากลั้นขำแทบไม่ทัน
“เอ่อ ฝากถือน้ำไปให้ฉันขวดนึงสิ พอดีมือไม่ว่างแล้ว”
เสียฟอร์มชะมัด แต่ขี้เกียจเดินลงมาเป็นรอบที่สองเพื่อมาเอาน้ำ แต่ถ้าจะให้ตัดใจวางขนมชิ้นใดชิ้นหนึ่งหรือวางผลไม้คืนไว้ในตู้เย็นก็ทำใจลำบาก เพราะความที่เมื่อเย็นเธอทานข้าวเพียงน้อยนิด ทำให้ตอนนี้เธอรู้สึกค่อนข้างหิวทีเดียว
“ครับ”
คนรูปหล่ออมยิ้มมุมปากมีเสน่ห์ มองสบตาเธอแวบหนึ่ง ก่อนเอื้อมมือเข้าไปหยิบน้ำในตู้เย็นสองขวด ก่อนจะเดินตามคนตัวบางขึ้นห้องไปติดๆ
เมื่อมาถึงหน้าห้อง ของกินเต็มไม้เต็มมือก็ออกฤทธิ์ให้เธอได้อายอีกครั้ง เมื่อไม่มีมือว่างเปิดประตูห้อง กำลังจะเอ่ยขอร้องเขาด้วยความกระอักกระอ่วนใจ แต่คนรู้ทันก็เอื้อมมือไปเปิดประตูห้องนอนให้เธออย่างรู้งาน ไม่ต้องให้คนตัวบางเสียฟอร์มไปมากกว่านี้
เมื่อเปิดประตูห้องให้เธอเสร็จ เขาก็ยืนอยู่ที่หน้าประตู รอจนเธอเดินเอาขนมและผลไม้ไปวางไว้ที่โซฟามุมห้อง เธอหันไปมองเขา ทำตัวไม่ถูกนิดหน่อย ก่อนกลั้นใจเอ่ยชวนเขาเข้ามาในห้อง
“คุณ เข้ามาก่อนสิ”
บอดี้การ์ดหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าห้องของเธอไป
“นั่งก่อนสิ
เขาลดตัวลงนั่งที่โซฟาตัวเดียวกับเธอ แต่รักษาระยะห่างเอาไว้ไม่ให้น่าเกลียด ดวงตาคมกริบมองสบกับเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะเอ่ยเปิดประเด็นขึ้นมา
“เอ่อ ไคล์ ฉันขอโทษนะ ที่เป็นต้นเหตุให้คุณเลิกกับแฟน”
คนตัวโตเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ส่งยิ้มละมุนให้เธอ
“ไม่ใช่เพราะคุณหรอก อย่าคิดมาก”
“เพราะฉันไม่มีบอดี้การ์ด พ่อเลยไปรบกวนคุณ”
“แอบฟังหรอครับ”
เขาอมยิ้มอบอุ่น รู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่าเธอแอบฟัง แต่ก็อยากแกล้งให้คนตัวบางอับอายนิดหน่อย เผื่อเธอจะโวยวายเปลี่ยนเรื่อง เพราะเขาเองก็ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว
“ไม่ได้แอบฟังซะหน่อย แค่เดินผ่านมาเฉยๆ ที่จริงก็ไม่ได้จะอยากรู้เรื่องของคุณซักนิด แค่มันได้ยินเองหรอกนะ”
คนสวยหน้างอ ทำหงุดหงิดกลบเกลื่อน ไม่น่าถามด้วยความเป็นห่วงเลย ทำคุณบูชาโทษชัดๆ คอยดูนะ ต่อไปเธอจะไม่เห็นใจอะไรเขาอีกแล้ว
“ออ หรอครับ”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงข้างหนึ่งอย่างกวนประสาทอีกแล้ว ดวงตาคมกริบที่อ่านออกว่ารู้ทันเธอนั้น มันน่าจิ้มให้บอดจริงๆ
“ขอบคุณที่ถือน้ำมาให้ คุณออกไปได้แล้ว”
คนสวยเอ่ยไล่เขาโต้งๆ เพราะไม่อยากจะเสวนากับคนกวนประสาทอีก ไม่รู้เหมือนกันว่าระหว่างเขากับเธอ ใครจะหมดความอดทนก่อนกัน
“ครับ อ้อ กินดึกๆ ระวังอ้วนแล้วจะใส่ชุดโป๊ๆ แบบที่คุณชอบไม่สวยนะครับ”
พูดจบก็เดินออกจากห้องเธอไป ทิ้งให้คนสวยนั่งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียว
“หึย คนบ้า กวนประสาท”
เธอก้มลงมองขนมและผลไม้รสหวานบนโต๊ะ แล้วก็ต้องถอนหายใจ ถ้าเธอกินเจ้าพวกนี้เข้าไป มีหวังเธอต้องอ้วนตามที่เขาบอกแน่ๆ แต่ท้องของเธอมันก็ร้องประท้วงเหลือเกิน สุดท้ายคนสวยก็ตัดใจ ยกขวดน้ำเปล่าขึ้นดื่มแล้วรีบปิดไฟนอนหนีความหิว เพราะถ้าจะต้องอ้วนจนหมดความงาม เธอยอมไม่ได้แน่ๆ