“คุณไคล์ไม่ดื่มหน่อยหรือคะ”
ซาร่ายกแก้วเครื่องดื่มดีกรีแรงของตนเองมาชนกับแก้วของเขา ที่ตั้งไว้ตรงหน้านานแล้ว แต่เขาไม่ยอมกระดกมันเข้าปากเสียที
“ผมต้องขับรถให้คุณพลอยครับ ถ้าผมดื่มคงไม่เหมาะ คุณพลอยอาจเป็นอันตรายได้”
“ไม่ต้องเคร่งครัดขนาดนั้นหรอกค่ะ เพราะบอดี้การ์ดคนอื่นๆ ก็โดนยัยพลอยบังคับให้ดื่มด้วยทุกคน”
ดวงตาคมกริบเหลือบมองหน้าเจ้านายสาว เธอยังคงนั่งนิ่งๆ ยกแก้วเครื่องดื่มดีกรีแรงขึ้นดื่มอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณพลอย ผมรับผิดชอบไม่ไหวครับ ขอไม่ดื่มเวลาทำงานนอกสถานที่ดีกว่า”
เพราะผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ของเขา คือแก้วตาดวงใจของผู้ชายตระกูลคลาร์ก ถ้าหากเขาสะเพร่าจนทำให้เธอได้รับอันตรายแม้เพียงน้อย เขาคงไม่มีปัญญารับผิดชอบเธอแน่ๆ
“แหม ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าออกมานอกสถานที่แบบนี้ คุณไม่ต้องดื่มก็ได้ แต่ถ้าจัดปาร์ตี้กันที่คอนโดของยัยพลอย คุณต้องดื่มนะคะ ห้องนั้นปลอดภัยจะตาย ไม่มีใครเข้ามาล้วงคองูเห่าได้แน่ๆ”
แม้จะเสียดายที่ไม่ได้ดื่มกับเขา แต่ก็เข้าใจในภารกิจที่ต้องรักษาความปลอยภัยของอีกชีวิตของเขาดี จึงไม่รบเร้าเขามากไป แต่ถ้าต่อไปต้องไปอยู่กับเพื่อนรักที่คอนโดมิเนียมหรูใกล้กับมหาวิทยาลัยที่พวกเธอเรียนปริญญาโท จะรบเร้าให้เพื่อนรักจัดปาร์ตี้ที่ห้องบ่อยๆ เพื่อที่เธอจะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเขาตอนที่ทั้งคู่กำลังเมามาย และมันคงจะดีไม่น้อยถ้าได้สานต่ออะไรๆ กันที่ห้องนอนของเขา โดยที่เพื่อนรักของเธอก็ยังอยู่ในห้องที่มีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา
เขาหันไปมองหน้าเธออีกครั้ง เพราะยังไม่เข้าใจที่เพื่อนรักของเธอพูดนัก
“อาทิตย์หน้าเราต้องไปอยู่ที่คอนโดของฉัน เพราะสะดวกในการเดินทางไปเรียน ถ้าได้อยู่ตามลำพังแบบนั้น ฉันก็จะไม่ค่อยออกมาเที่ยวข้างนอก เพราะจัดปาร์ตี้ที่ห้องได้ มีเพื่อนทั้งผู้หญิงผู้ชายมาสนุกกันได้ พ่อไม่บ่น เพราะไม่รู้”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วข้างหนึ่ง มองเธอด้วยแววตามีคำถาม และเธอก็อ่านมันออก
“คุณอยู่กับฉัน คุณต้องปกป้องความลับของฉันสิ ห้ามบอกพ่อ”
“หึ”
เขายกยิ้มมุมปากแล้วแค่นหัวเราะเธอหนึ่งครั้ง ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก คนตัวบางที่กระดกเครื่องดื่มดีกรีแรงไปหลายต่อหลายแก้วก็เริ่มเมา ขยับเข้ามานั่งจนชิดเขา แล้วออกแรงดึงเนกไทของคนตัวโตให้หันมาเผชิญหน้ากัน
“หึ เมื่อกี้ หมายความว่าไงไคล์”
“แล้วคุณว่าไงครับ”
เขายอมให้เธอดึงเนกไทของเขาอยู่อย่างนั้น คิ้วเข้มยกขึ้นข้างหนึ่งอย่างกวนอารมณ์ ดวงตาคมกริบจ้องมองตากลมโตที่เริ่มปรือปรอยของเธอนิ่งนาน
“คุณทำงานกับฉัน ก็ต้องเชื่อฟังฉันสิ จะเอาความลับของฉันไปบอกพ่อไม่ได้”
“ผมรับเงินเดือนจากพ่อคุณครับ”
“ฉันจ่ายให้คุณอีกเท่านึง”
“นี่คงซื้อตัวบอดี้การ์ดแบบนี้หมดทุกคนสินะครับ”
ที่ไหนได้ เธอไม่เคยซื้อตัวใคร ไม่สนใจว่าคนพวกนั้นจะช่วยเก็บความลับของเธอไหม เมื่อความลับของเธอแตก เธอก็มีหน้าที่แค่เหวี่ยง วีน เอาแต่ใจ ปั่นหัวพวกเขา จนพวกเขาทนไม่ได้และลาออกไปเองในที่สุด
“แล้วขายป่ะล่ะ”
“หึ ไม่ขายครับ”
“หึ้ย”
คนตัวบางหงุดหงิด ปล่อยเนกไทของเด็กในคาถาของพ่ออย่างแรง แล้วกระดกเครื่องดื่มลงคออีกอึกใหญ่
“ยัยพลอย แกดื่มเยอะไปแล้วนะ ทุกทีไม่เคยดื่มขนาดนี้เลย”
ซาร่าและริชชี่ พยายามดึงแก้วในมือของเพื่อนรักออกมาวาง ซึ่งก็ได้ผล เพราะคนตัวบางก็ยอมแต่โดยดี เพราะตอนนี้สิ่งแวดล้อมรอบตัวมันเริ่มหมุนแล้ว
“นี่แกกินข้าวมาหรือยังเนี่ย”
ริชชี่เอ่ยถามเพื่อนรัก เพราะทุกครั้งพวกเธอที่ไม่ใช่นักดื่มเจนจัดขนาดนั้น ต้องมีอะไรรองท้อง แม้จะชอบแสงสี ปาร์ตี้ และความสนุกสนาน ถือได้ว่าพวกเธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างคอแข็งและล้มยากคนหนึ่ง แต่ถ้าไม่มีอาหารเย็นตกถึงท้อง สภาพก็จะเป็นอย่างที่เห็น
“ไม่ได้กิน งอนพ่อที่ยัดเยียดบอดี้การ์ดมาให้”
“โอ๊ย ยัยพลอย พอเลยแก กลับบ้านเดี๋ยวนี้ คราวหน้าถ้าไม่กินข้าวก่อนออกมา พวกฉันจะเบี้ยวนัดแก”
ซาร่าบ่นเพื่อนรัก แล้วจัดการหยิบกระเป๋าใบสวยของเพื่อนส่งให้กับเขา เป็นนัยว่าต้องพาเพื่อนรักที่วันนี้เมาแอ๋ไม่เป็นท่าต้อนรับบอดี้การ์ดใหม่กลับบ้านได้แล้ว
“อื้อ ยุ่งน่าไคล์ ฉันเดินได้”
คนตัวบางพยายามดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของคนตัวโต เมื่อเขาพาเธอลุกขึ้นเพื่อจะเดินกลับไปที่รถแล้วเธอเซจนเกือบล้ม เขาจึงต้องกอดประคองพาเธอเดินมาตลอดทาง
“อย่าดื้อ เมาขนาดนี้จะเดินยังไงไหว”
“ไม่ได้เมา”
คนตัวโตจึงขยับตัวออกห่างจากเด็กดื้อทันที ผลปรากฏว่าเด็กดื้อทรุดตัวจะล้มลงพื้นทันทีที่เขาขยับตัวออกห่าง แต่ด้วยความระแวดระวังของเขา จึงขยับเข้ากอดประคองเธอได้อย่างทันท่วงที เพราะคิดอยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้
“หึ ไม่เมา”
“อื้อ ปล่อย”
เด็กดื้อยังพยศไม่เลิก พยายามดิ้นรนจะออกจากอ้อมแขนของเขาให้ได้
“อย่าดื้อกับผมนะคุณพลอย ผมไม่ได้ใจดีเหมือนบอดี้การ์ดคนเก่าๆ ของคุณนะ”
“คิดว่าฉันกลัวคุณหรือไง ปล่อยสิ ไคล์ ว๊ายยย”
เมื่อขี้เกียจรับมือกับเด็กดื้อในอ้อมกอด จึงช้อนอุ้มเธอในท่าเจ้าสาว แล้วเดินตรงดิ่งกลับไปที่รถทันที ใช้เวลาไม่นาน คนตัวบางที่ดิ้นรนอึกอักตลอดเวลาก็ได้ไปนั่งแอ้งแม้งอยู่ที่เบาะด้านหลังของรถยนต์คันหรูเรียบร้อยแล้ว
“โอ๊ย เจ็บนะ”
“ชวู่ อย่าดื้อ”
คนตัวโตที่ยังสาละวนอยู่กับการโน้มตัวไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้กับเธออยู่ เอ่ยปามเด็กดื้อเสียงเบา แล้วหันหน้ากลับมาหาเธออย่างอัตโนมัติ
หนุ่มสาวที่ใบหน้าอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบชะงักค้าง ดวงตาคมกริบจ้องมองที่ดวงตากลมโตปรือปรอยฉ่ำหวาน ก่อนไล่สายตาลงมาที่ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงสดที่เผยอน้อยๆ ก็ต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนกระแอมเรียกสติให้กับทั้งเธอและเขา
“นั่งดีๆ ครับ ผมกำลังจะพาคุณกลับบ้าน”
“อืม”
ร่างเย้ายวนกอดอกแล้วเอนหลังพิงเบาะ ก่อนปิดเปลือกตาลงเพราะตอนนี้ภายในรถมันหมุนเคว้งไปหมด เขาเห็นดังนั้นก็รู้แล้วว่าคนตัวบางท่าจะหนาว จึงถอดเสื้อสูทของตัวเองคลุมร่างบอบบางแต่เย้ายวนของเธออย่างเบามือ
ประตูรถฝั่งที่เธอนั่งถูกปิดลง เธอจึงลืมตาขึ้นมามองเสื้อสูทที่ให้ความอบอุ่นแก่เธอในตอนนี้แล้วอมยิ้มมุมปาก กลิ่นน้ำหอมของเขาติดมากับเสื้อตัวนี้ และมันหอมมากจนเธอต้องสูดลมหายใจลงปอดลึกๆ หลายครั้ง แต่แล้วความเมาก็ทำให้เธอหลับไปอย่างไม่ทันได้รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
เมื่อถึงบ้านหลังใหญ่ของตระกูลคลาร์ก ไคเลอร์ก็อุ้มคนไม่มีสติขึ้นไปส่งถึงห้องนอน เขาวางเธอลงที่กลางเตียง เปิดเครื่องปรับอากาศให้ ก่อนจะเดินกลับมาถอดรองเท้าส้นสูงของเธอออก แล้วห่มผ้าให้กับร่างบางที่ตอนนี้ยังอยู่ในชุดเดรสเกาะอกสีแดงเต็มยศ
“อือออ”
คนตัวบางขยับตัวภายใต้ผ้าห่มอย่างอึดอัด เธอพยายามรูดซิปด้านหลังของชุดอย่างทุลักทุเล ไคเลอร์เห็นดังนั้นจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตัดสินใจสอดมือเข้าไปใต้ผ้าห่มแล้วแตะมือไปที่กลางหลังของเธอจากนั้นก็เลื่อนมือขึ้นช้าๆ เพื่อคลำหาซิป เมื่อเจอก็ค่อยๆ รูดมันลงมาด้วยมืออันสั่นเทา
เขาพ่นลมหายใจออกมาทางปาก เพื่อระบายความอึดอัดในอก ดึงชุดตัวสวยของเธอลงมาเหวี่ยงทิ้งไปที่พื้นข้างเตียง ก่อนจะสอดมือเข้าไปใต้แผ่นหลังของเธออีกครั้งเพื่อหาตะขอเสื้อชั้นใน แต่ลูบหาเท่าไหร่ก็พบเพียงแผ่นหลังบอบบางนุ่มเนียนมือราวผ้าแพรเนื้อดี
“เด็กดื้อ คุณไม่ได้ใส่หรอ”
เขามองใบหน้าสวยๆ ที่หลับตาพริ้มของเธอด้วยความหงุดหงิด แล้วลุกขึ้นไปหยิบชุดนอนมาสวมใส่ให้เธอภายใต้ผ้าห่มผืนหนาผืนนั้น เมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงถอดเครื่องประดับให้เธอทุกชิ้น ก่อนจะปิดไฟแล้วเดินกลับห้องของตัวเองไป