พี่ชายที่แสนดี 1.2

2698 Words
แขกผู้มีเกียรติหลากหลายวงการไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง นักการเมือง เศรษฐีเก่าและใหม่ รวมทั้งเหล่าเซเล็บทยอยเข้ามาในงานเปิดตัวรถยนต์สุดหรูจากฝรั่งเศส รวมทั้งตระกูลกัลเซลโลก็ได้เดินทางมาร่วมงานนี้ด้วย และทุกสายตาที่อยู่ในงานโดยเฉพาะเพศชายถูกตรึงด้วยร่างสมส่วนของนันท์นภัสที่เดินเข้ามาในงานพร้อมกับผู้มีพระคุณ เธอรู้สึกเขินอายไม่น้อยที่ตนเองตกเป็นเป้าสายตาของชายหลายคนและหลายวัย แต่ละคนมองเธออย่างชื่นชม ทว่าบางคนก็มองเธอด้วยสายตาหื่นกระหายราวกับว่าเป็นเหยื่ออันโอชะที่น่าลิ้มลอง อูโก้ที่ยืนจิบบรั่นดีและสนทนากับนักธุรกิจวัยเดียวกัน หันมามองตามสายตาของคู่สนทนาที่มองไปยังจุดหนึ่งตาไม่กะพริบ แถมสายตาของอีกฝ่ายคล้ายกับมีความปรารถนาลุกโชน แล้วพอเห็นว่าหนุ่มนักธุรกิจดีกรีด็อกเตอร์กำลังมองใครอยู่ ความแข็งกร้าวที่คุกรุ่นไปด้วยความไม่พอใจก็ปรากฏอยู่ในสายตาของอูโก้ทันที นันท์นภัสสวยเด่นในชุดราตรีสีชมพูเข้มรับรูปอวดสรีระสวยงาม ด้านหลังเปลือยเปล่ามองเห็นแผ่นหลังขาวนวลน่าสัมผัส ส่วนด้านหน้ายิ่งชวนมองเนื่องจากลักษณะของชุดจะเป็นเหมือนผ้าคล้องคอบังทรวงอกอวบไว้หากก็เผยให้เห็นความงามรำไร แลดูเซ็กซี่และเย้ายั่วน้ำลายชายกลัดมัน ดวงหน้าสาวในวันนี้ถูกแต่งแต้มไม่จัดมาก อาจเป็นเพราะว่าเธอเป็นคนสวยอยู่แล้ว เติมแต่งนิดหน่อยก็สวยเฉิดไฉไล เส้นผมยาวสลวยก็ถูกเกล้าขึ้นเป็นมวยตรงกลางศีรษะ ไม่แปลกที่เธอจะโดดเด่นกว่าสาวคนใดในงาน คนที่สวมใส่ชุดนี้ไม่ใช่ว่าจะไม่อาย ไม่ขวนเขิน เธอมีความรู้สึกดังกล่าวมากที่สุดแต่ก็จำเป็นต้องใส่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เธอเดินยิ้มเขินตั้งแต่เข้างานจนกระทั่งมายืนอยู่ตรงหน้ารถหรู “แคทดูสิ มีแต่คนมองแคททั้งนั้นเลย” มากาเร็ตกล่าวด้วยรอยยิ้ม รู้สึกปลื้มปริ่มที่ชายหลายคนเมียงมองนันท์นภัส “แต่แคทเขินยังไงไม่รู้ค่ะ” เธอตอบตามความรู้สึกของตนเอง ไม่ใช่ว่านันท์นภัสจะไม่เคยใส่ชุดราตรี เธอใส่มาแล้วหลายครั้งเพียงแค่ว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ชุดมันโป๊จับใจ “ไม่เคยใส่แบบนี้ก็อย่างนี้แหละ เดี๋ยวก็ชิน” มากาเร็ตมองเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติเพราะครั้งแรกที่นางใส่ชุดราตรีวาบหวิว นางก็รู้สึกเช่นนี้เหมือนกัน แต่พอใส่หลายๆ ครั้งมันก็จะเป็นความเคยชินไปเอง “คุณป้าพูดแบบนี้ทำให้แคทคิดไปว่า แคทจะต้องใส่ชุดแบบนี้ในครั้งต่อๆ ไปเลยนะคะ” ก็ความหมายจากคำพูดของมากาเร็ต มันทำให้เธอคิดเช่นนั้น “คนเราไม่รู้อนาคตนี่นาแคท ป้าก็พูดเผื่อๆ ไว้” จบคำพูดของมากาเร็ต ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่สวมชุดสูทเนื้อดีราคาแพง ท่าทางองอาจก็เดินเข้ามาหาซัคคาร์โด้ มากาเร็ตและนันท์นภัสโดยเขามองดวงหน้าสวยหวานของสาวชาวไทยอย่างไม่วางตา “สวัสดีครับคุณลุงซัคคาร์โด้ คุณป้ามากาเร็ต” แจ็คกี้หรือแจ็ค ชายหนุ่มลูกครึ่งอเมริกัน-อังกฤษเอ่ยทักทายสองสามีภรรยา แต่ทว่าสายตายังคงมองนิ่งอยู่ที่ความงดงามของนันท์นภัส “แจ็ค ป้าจะแนะนำให้แจ็ครู้จักกับแคทอย่างเป็นทางการนะ แคทเป็นหลานสาวบุญธรรมและเป็นคนดูแลป้ากับคุณลุงซัคคาร์โด้จ้ะ” มากาเร็ตแนะนำให้แจ็ครู้จักกับนันท์นภัส “แคทรู้จักพี่แจ็คสิลูก พี่เขาเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงของลอนดอนเชียวนะ แถมสาวๆ ยังตามกันเกรียวด้วยจ้ะ” “ยินดีที่ได้รู้จักครับแคท” แจ็คกี้ทักทายเสียงสุภาพพร้อมกับรอยยิ้มเป็นมิตรแล้วยื่นมือข้างขวาไปตรงหน้า นันท์นภัสจึงยื่นมือข้างขวาไปจับมือหนาของชายหนุ่มที่เพิ่งรู้จัก ตามมารยาทการทักทายแบบสากล “ยินดีที่ได้รู้จักคุณแจ็คกี้เช่นกันค่ะ” “คุณป้าครับ อันที่จริงแล้วผมก็ไม่ได้มีสาวๆ มาติดเกรียวอย่างที่คุณป้าบอกเลยนะครับ ตรงกันข้ามหาไม่ค่อยได้ด้วยซ้ำไป” แจ็คกี้ถ่อมตน เขาทำแต่งานและงานจนไม่มีเวลาเป็นส่วนตัวมากนัก เรื่องเที่ยวมีบ้างแต่ไม่บ่อย เรื่องผู้หญิงที่ใครๆ มักคิดว่าเขามีมากนับไม่ถ้วน แต่แท้จริงแล้วเขามักจะไปเลือกหญิงสาวจากผับหนูที่เขาเป็นสมาชิกมากกว่า “จ้าๆ ไม่เยอะก็ไม่เยอะ” มากาเร็ตพูดติดตลก “คุณ ผมว่าให้แจ็คคุยกับแคทไปกันก่อนดีกว่า เราไปทักมิสเตอร์เหลียงกันดีกว่านะ ผมเห็นเขายืนอยู่มุมโน้น” ซัคคาร์โด้เปิดโอกาสให้แจ็คอยู่ตามลำพังกับนันท์นภัส ซึ่งมากาเร็ตก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และเมื่อผู้สูงวัยทั้งสองชีวิตเดินห่างออกไป แจ็คกี้ก็เริ่มการสนทนาแบบเป็นจริงเป็นจังทันที “คุณแคทสวยกว่าในรูปมากเลยนะครับ” แจ็คกี้เอ่ยจากใจ รูปถ่ายของนันท์นภัสที่มากาเร็ตให้ตนดูนั้น ในรูปมีความงดงามก็จริง แต่พอมาเห็นตัวจริง ความสวยมียิ่งกว่า ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นี้ชวนหลงใหลยามได้สบตา รอยยิ้มที่กระจ่างบนใบหน้าเสมือนกับดอกไม้แย้มบานยามเช้า สดใสและจริงใจ ทำให้คนที่ได้เห็นรอยยิ้มนี้เกิดความสุขและความชื่นมื่นอย่างบอกไม่ถูก “คุณแจ็คกี้เคยเห็นรูปของแคทด้วยเหรอคะ จากไหนคะ” เธอถามอย่างสงสัย “ก่อนที่ผมจะตอบ ผมว่าเรามาตกลงอะไรกันก่อนดีกว่านะครับ” “ตกลงอะไรคะ” “ก็ตกลงว่า แคทจะเรียกพี่ว่าพี่แจ็ค แทนเรียกว่าคุณแจ็คกี้ยังไงล่ะครับ” เขาอยากให้เธอเรียกตนเองแบบสนิทสนมมากกว่าที่จะเรียกชื่ออย่างเป็นทางการ “เรื่องแค่นี้เองค่ะ ถ้าพี่แจ็คอนุญาตแคทก็ไม่มีปัญหาค่ะ” “เรื่องรูปของแคท คุณป้ามากาเร็ตเอามาให้พี่ดูครับแล้วไม่คิดว่า ตัวจริงของแคทจะสวยกว่าในรูปหลายเท่าเลย โดยเฉพาะรอยยิ้มของแคทพี่มองแล้วรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก” แจ็คกี้เอ่ยจากใจ คนถูกชมยิ้มเขิน แก้มขึ้นสีแดงระเรื่อเพิ่มความน่าเมียงมองไม่รู้ตัว “ขอบคุณค่ะสำหรับคำชม” แจ็คกี้กับนันท์นภัสยังคงสนทนากันอย่างถูกคอ แล้วการพูดคุยในครั้งนี้ทำให้เธอรู้ว่า แจ็คกี้เป็นคนที่รู้เรื่องรถดีคนหนึ่ง เขาอธิบายเกี่ยวกับสมรรถนะของรถยนต์ที่เจ้าของงานนำมาโชว์ได้อย่างละเอียดราวกับว่าเป็นเจ้าของรถยนต์ยี่ห้อหรูนี้เสียเอง และมารู้ทีหลังว่า ที่เขารู้เรื่องรถยนต์ดีเพราะแจ็คเป็นนักสะสมรถยนต์ทั้งเก่าและใหม่ แล้วจะเลือกสะสมเฉพาะรุ่นและยี่ห้อที่ชอบเท่านั้น ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังสนทนากันอย่างออกรสและเป็นกันเอง เขาและเธอไม่รู้เลยว่ามีสายตาคมเข้มดุดันของใครคนหนึ่งลอบมองตลอดเวลา เจ้าของสายตาคู่นั้นจิตใจกำลังคุกรุ่นไปด้วยความไม่พอใจที่เห็นแมวตัวน้อยของตนใกล้ชิดกับชายอื่นที่หน้าตาคุ้นๆ ราวกับว่าเคยเจอที่ใดมาก่อน ยิ่งเห็นเธอหัวร่อต่อกระซิกกับชายหนุ่มคนนั้นด้วยแล้ว นัยน์ตาของเขาก็ยิ่งแข็งกระด้างมองแมวพลัดถิ่นอย่างคาดโทษ “อ้าว อูโก้มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” เสียงของผู้เป็นพ่อทำให้อูโก้ละสายตาจากนันท์นภัสหันมามองต้นเสียงที่เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับมารดา “มาได้พักนึงแล้วครับปาเดร” อูโก้ตอบผู้เป็นพ่อ “แคทยืนคุยกับใครครับปาเดรมัม” ปากและจิตใจบอกว่าไม่สนใจนันท์นภัส แต่เขาก็อดที่จะอยากรู้ไม่ได้ “ผู้ชายคนนั้นชื่อแจ็คกี้จ้ะ เป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงของลอนดอนเชียวนะ แล้วก็เป็นหลานของเพื่อนมัมด้วย มัมกับปาเดรกำลังทำตัวเป็นกามเทพแผลงศรแจ็คกับแคท” อูโก้แทบจะสำลักบรั่นดีที่ยกขึ้นจิบเมื่อได้ยินคำตอบของมารดา เขารู้สึกคันยุบยิบในหัวใจขึ้นมาทันทีทันใด ความขุ่นมัวที่เกิดขึ้นก่อนหน้าปะทุเดือดอีกครั้งที่รู้ว่ากำลังมีชายอื่นมาแย่งของเล่นของตนไป “ปาเดรกับมัมแน่ใจเหรอครับว่าจะทำสำเร็จ บางทีแคทอาจจะมีเจ้าของแล้วก็ได้และที่สำคัญเจ้าของอาจจะหวงไม่อยากให้ใครมาแตะต้องของของเขา” “ลูกพูดอย่างกับว่าแคทมีใครอยู่อย่างนั้นแหละ หรือว่าแคทมีคนรักแล้วจริงๆ” มากาเร็ตรีบถามลูกชาย ก่อนจะตั้งข้อสงสัย “ถ้ามีทำไมมัมกับปาเดรถึงไม่รู้ล่ะ” ตั้งแต่นันท์นภัสมาอยู่บ้านกัลเซลโล มากาเร็ตไม่เคยเห็นเลยว่า แมวพลัดถิ่นจะมีคนรัก เธอดูแลนางและสามีไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน จัดยาให้ทานตามหมอสั่ง ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ ไม่ว่าจะไปต่างประเทศหรือในประเทศ แทบจะเรียกได้ว่าไม่ห่างกัน อยู่ในสายตากันตลอด แล้วนันท์นภัสจะมีคนรักได้อย่างไร เธอไม่เคยสนิทกับผู้ชายคนไหนนอกเสียจากจัสติน ซึ่งไม่มีวันขยับขึ้นไปอยู่ในฐานะคนรักนันท์นภัสเด็ดขาดเนื่องจากทั้งคู่รักและนับถือกันแบบพี่แบบน้อง “ผมไม่รู้หรอกครับว่าแคทจะมีแฟนหรือยังเพราะไม่สนใจ ผมก็พูดไปลอยๆ อย่างนั้น แคทอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้” อูโก้พูดเพื่อให้บิดามารดาฉุกใจคิดถึงเรื่องนี้ “แต่ผมว่าไม่น่ามีนะเพราะถ้ามีแคทก็จะต้องบอกเราสองคนอยู่แล้ว” ซัคคาร์โด้มั่นใจว่านันท์นภัสไม่มีคนรักแน่นอน หากมีหรือที่เขากับภรรยาจะไม่รู้ อูโก้มาพูดให้ปั่นป่วนมากกว่า “นั่นสิ แคทคงไม่มีแฟนหรอก” มากาเร็ตเห็นด้วยกับคำพูดของสามี “เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนดีกว่าครับ ผมมีข่าวดีของนีโอมาบอกปาเดรกับมัมด้วย” เขาเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่ต้องการสนทนาเรื่องของนันท์นภัสสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังชำเลืองมองร่างของสาวที่ตนไม่ชอบหน้าเป็นระยะ “ข่าวดีของนีโอ ข่าวอะไรลูก” มากาเร็ตถามลูกชาย “เดือนหน้านีโอจะแต่งงานครับมัม” อูโก้เพิ่งรู้เรื่องนี้ก่อนหน้าที่เขาจะเดินทางมางานเปิดตัวรถยนต์ คราแรกที่ได้ยินเขายอมรับว่าตกใจมากไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ อูโก้รู้เรื่องญาติหนุ่มที่ไปติดพันสาวไทยมาระยะหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าแอมโตนิโอจะตกลงปลงใจกับบัวบุษยาถึงขึ้นแต่งงาน คิดว่าเห็นเธอเป็นเพียงของเล่นชั่วครู่ชั่วยาม พอได้ยินข่าวดีของญาติสนิท มันทำให้เขาย้อนนึกถึงตัวเอง อูโก้คบหากานต์วิภาหนึ่งปีครึ่ง แต่กลับไม่มีงานวิวาห์ตามใจปรารถนา หนำซ้ำความรักยังอับปางลงไม่เป็นท่า ต่างกับแอมโตนิโอที่พบกับบัวบุษยาไม่เท่าไหร่ก็จูงมือเข้าพิธีวิวาห์ สวรรค์ช่างเล่นตลกกับเขามากเหลือเกิน “จริงหรือนี่ เป็นไปได้ยังไง ปุ๊บปั๊บเลยนะ” ซัคคาร์โด้เอ่ยขึ้น รู้สึกงงกับข่าวดีข่าวนี้ “นั่นสิ ไปเมืองไทยไม่เท่าไหร่แต่งงานเลยเหรอเนี่ย แล้วเจ้าสาวคือใครล่ะ” มากาเร็ตจำได้ว่าแอมโตนิโอเดินทางไปเมืองไทยเมื่อสองเดือนก่อนเพื่อติดต่อธุรกิจของครอบครัว พอมาได้ยินข่าวอีกทีก็จะแต่งงานแล้ว เป็นใครใครก็ต้องอึ้งและตกใจ “เป็นสาวไทยครับชื่อบัว”  อูโก้ตอบมารดา “แล้วจะแต่งที่ไหนน่ะ มิลานหรือเวนิส” ตระกูลโรมาชมีบ้านพักอยู่ทั้งทั้งมิลานและเวนิส นางจึงไม่มั่นใจว่าแอมโตนิโอ โรมาชจะจัดงานวิวาห์ที่ใด “เวนิสครับ” แอมโตนิโอเลือกจัดงานในเมืองเวนิส เมืองที่ขึ้นชื่อถึงความโรแมนติก “อีกสามวันผมต้องไปเวนิสนะครับ นัดนีโอไว้ที่นั่นแล้วจะไปคุยเรื่องงานด้วย ผมว่าเราไปเวนิสล่วงหน้าก็ดีนะครับ ไม่ได้ไปนานแล้วป้าลีน่าก็บ่นถึงปาเดรกับมัมอยู่เหมือนกัน” ลีน่าหรือพาโอลิน่าเป็นมารดาของแอมโตนิโอที่พักอาศัยอยู่ในเวนิส นางบ่นคิดถึงมากาเร็ตกับซัคคาร์โด้กับอูโก้หลายครั้งยามที่เดินทางไปทำธุระในเมืองนั้น แล้วเขาจะแวะเยี่ยมเยียนนางเสมอ หากบิดามารดาเดินทางไปเวนิสล่วงหน้าก็จะได้มีเวลาพูดคุยและไปเที่ยวกันตามประสา มากาเร็ตทำสีหน้าครุ่นคิดเพียงครู่ ก่อนจะเอ่ยปากพูด “วันที่ลูกนัดนีโอไว้ มัมกับปาเดรต้องไปงานแต่งงานของลูกสาวเพื่อนของมัม เอาอย่างนี้ดีกว่า ลูกกับแคทล่วงหน้าไปก่อน เสร็จงานแต่งแล้ววันรุ่งขึ้นมัมจะบินไปเวนิสเลย” “ก็ได้ครับ ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” อูโก้เอ่ยตอบมารดาด้วยท่าทางสบายๆ เหลือบสายตาไปมองร่างของนันท์นภัสที่เดินปลีกตัวจากแจ็คกี้ ทิศทางที่เธอเดินไปนั้นคือ ประตูห้องจัดเลี้ยง ซึ่งเขาคาดเดาไม่ยากว่าเธอจะไปที่ใด “ผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีปวดท้อง” อูโก้วางแก้วบรั่นดีลงบนโต๊ะที่อยู่ใกล้ตัว ก่อนจะก้าวเท้ายาวๆ เดินออกไปจากห้องจัดเลี้ยง พอเขาเดินออกมาถึงด้านนอกก็เห็นร่างของนันท์นภัสเดินเลี้ยวเข้าไปยังทางเดินที่เชื่อมต่อไปยังห้องน้ำพอดี อูโก้จึงก้าวเดินไปดักรอเธอตรงมุมทางเดิน นันท์นภัสเดินออกมาจากห้องน้ำเมื่อเสร็จธุระ เธอเดินมาเรื่อยๆ ตามทางเดินก่อนจะเลี้ยวขวาเพื่อเดินเข้าไปในงาน ทว่าเธอเดินพ้นทางเลี้ยวมาเพียงสองก้าว ก็รู้สึกเหมือนกับว่าลำแขนของตนถูกบางอย่างจับไว้มั่น ก่อนที่แรงกระชากมหาศาลจะตามมา “ว้าย!” เธออุทานด้วยความตกใจ แต่ยังไม่ทันเอ่ยคำใดต่อ เสียงของใครคนหนึ่งที่คุ้นหูมากก็ดังขึ้นข้างใบหู “อย่าแหกปาก” “คุณอูโก้” เธอเรียกเขาเสียงเบาและสั่น ท่าทางคุกคามแบบนี้ น้ำเสียงอย่างนี้ ความรู้สึกของเธอบอกว่า ไม่ปลอดภัย “มานี่” อูโก้ลากสาวร่างสวยไปยังระเบียงด้านนอกของโรงแรม ซึ่งอยู่ห่างจากห้องจัดงานพอสมควร อีกทั้งยังไม่มีคนเดินผ่านไปมาอาจเป็นเพราะห้องจัดเลี้ยงที่อยู่ใกล้ระเบียงไม่ได้ถูกเปิดใช้ จุดนี้ถือว่าปลอดคนก็ว่าได้ พอมาถึงเขาก็ดันร่างสาวให้ชิดติดกำแพง แนบร่างของตนชิดร่างสวยกักเธอไว้ไม่ให้ดิ้นรนหนีไปไหน “คุณอูโก้พาแคทมาที่นี่ทำไมคะ” น้ำเสียงของนันท์นภัสที่ถามยังคงสั่นเช่นเดิม มองไปรอบๆ อย่างหวาดกลัว เธอกลัวว่าเขาจะทำในสิ่งที่ไม่ควรทำตรงนี้ “วันนี้เธอสวยใช่หยอกเลยนะแคท” อูโก้พูดเสียงเย็น “คิดจะหาผัวเป็นตัวเป็นตนหรือไงถึงได้ลงทุนแต่งตัวยั่วผู้ชายแบบนี้” ประโยคหลังนี้เสียงของเขาเข้มห้วน ดวงตาแข็งกระด้างแล้วยังมีความไม่พอใจแอบแฝง ความโกรธของเขาทำให้เธอกลัวมากพอแล้ว ยังมีความเข้าใจผิดเพิ่มมาอีก งานนี้นันท์นภัสจึงต้องรีบอธิบายให้เขาเข้าใจ “ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่อย่างที่คุณอูโก้คิด คุณอูโก้เข้าใจแคทผิด แคทไม่เคยมีความคิดนั้นค่ะ คุณป้าให้แคทใส่แคทก็ใส่ค่ะ” นันท์นภัสตอบเสียงเครือสั่น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD