"ท่านอ๋อง ทำไมถึงคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้"
"ข้าพบหน้านาง แต่นางหาได้อัปลักษณ์ไม่"พูดความจริงที่พบเห็นมา
"เป็นไปได้อย่างไร นางอัปลักษณ์เพียงนั้นจะเป็นอื่นไปได้อย่างไร"ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยในเมื่อที่เขาเห็นอ้ายฉิงอัปลักษณ์จนแทบจะอยากจะมองใบหน้านั้นของนาง
"ข้าเองก็สงสัยไม่น้อย หากดื่มสุราคงคิดว่าด้วยฤทธิ์สุราเป็นแน่"ปาหวางอ๋องยิ้มบางๆ
"ท่านอ๋องอาจด้วยเวทมนตร์ ผู้คนต่างเล่าขานว่านางล้วนมีมนตร์ดำ"พูดถึงเรื่องเล่าลือที่เคยได้ยินมา
"เช่นนั้นข้าควรจะพบนางดูสักครั้งจะดีไหม"
"ท่านอ๋องจะเข้าไปในจวน เฉิงอู๋อ๋องอีกหรือไร"
"ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น"
หวงเฉิงอู๋แช่น้ำอุ่นสบายอารมณ์ปิดเปลือกตา เหมือนกำลังหลับ
ความคิดวิ่งวนในหัวนางอัปลักษณ์แต่ฮ่องเต้กับแต่งนางให้เขา บิดานางแม้จะไร้ปากเสียงแต่ใครบ้างไม่รู้ว่าฝ่าบาทให้ความสำคัญเพียงใดในเมื่อบิดานางเป็นทั้งคู่เขยเกี่ยวดองเป็นญาติแลัวยังเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกันมาก่อน ความสนิทชิดเชื้อไม่ต้องเอ่ยถึง
ใบหน้าซีกขวาของนาง ทำเอาเขาไม่อาจละสายตา ดวงตาเศร้าสร้อยหวานฉ่ำแต่ติดที่ใบหน้าซีกซ้ายที่เผลอมองครั้งใดจึงต้องเบือนหน้าหนีเสีย ด้วยใบหน้าที่มีแผลเป็นปูดโปนจนน่ากล้วแม้แต่รอบดวงตายังไม่เว้นต้องเรียกว่าน่าสยดสยอง
"ท่านพี่ข้าถูตัวให้"ฟางหลินเข้ามาในห้องแช่น้ำอุ่นด้วยอาภรณ์น้อยชิ้นนางคงให้สององค์หญิงกลับไปเสียแล้วจึงเข้ามาที่นี่ได้
ลุกพลวดขึ้นจากน้ำ
"ข้ากำลังจะขึ้นจากน้ำพอดี เจ้ามาช่วยข้าสวมอาภรณ์ดีกว่าข้าจะกลับเข้าไปที่วังหลวง"
"ท่านพี่ ทำไมต้องไปตอนนี้ด้วยย่ำค่ำแล้ว"ซบหน้าลงบนอกแน่นเต็มไปด้วยมัดกล้ามเปลือยเปล่าหยดน้ำเกาะพร่างพราว
"ข้าตั้งใจ เข้าเฝ้าฝ่าบาท มีเรื่องคาใจอยากจะถามให้รู้เรื่องกันไป"ดึงเสื้อคลุมมาคลุมตัวมิดชิด
"ข้าเร่งไปถึงวังหลวงก่อนมืด"
"ท่านพี่ รีบไปรีบมา"รู้สึกผิดหวังยิ่งแต่ไม่อาจทัดทาน
"ไม่ต้องรอเสวย ข้าอาจเสวยพร้อมฝ่าบาทที่นั่น"ฟางหลินทำหน้าละห้อยเฉิงอู๋ก้มลงจุมพิตที่หน้าผาก
สวมเสื้อคลุม ก้าวเดินออกจากห้องไป
วังหลวง
“อืมลมอะไรหอบมาถึงนี่”
“หวงเฉิงอู๋ถวายพระพรฝ่าบาท”
“กำลังคิดว่าเฉิงอู่เพิ่งจะแต่งงาน คงไม่มีเวลามาร่วมเสวยกับข้า”
“ฝ่าบาทเฉิงอู่เองมีเรื่องอยากถามไถ่ อย่างที่บุรุษควรกระทำเช่นกัน”พูดด้วยน้ำเสียงห้าวหาญจน หวงฉีจิ้งอดที่จะสงสัยท่าทีนั้นไม่ได้
“ว่ามา”
“เฉิงอู่ ไม่เข้าใจในพระประสงค์ของฝ่าบาทที่แต่งชายารองในครั้งนี้ นางเองหาได้สะสวยอย่างที่ควรจะเป็น และอีกอย่างหากจะแต่งชายาให้กับเฉิงอู๋ด้วยความหวังดีเหตุใด...จึงต้องแต่งหญิง...อัปลักษณ์”ถามตรงจุด
“ข้าคิดว่าข้าพูดกับเจ้าเข้าใจเสียแล้วไม่ต้องพูดกันซ้ำอีก เจิ้งอ้ายฉิงเป็นหลานของฮองเฮาอีกทั้งใช้ชีวิตลำบากที่ตระกูลเหว่ย บิดาแม้จะเอ็นดูนางแต่นางก็ไร้มารดาคอยปกป้อง เหว่ยจื่อหยวนกับข้าก็สนิทสนมกันยิ่งเรื่องนี้ข้าจึงคิดว่าเหมาะสมยิ่งแล้ว”
“ฝ่าบาทเฉิงอู๋ไม่อาจฝืนใจหากว่าข้าจะไม่ร่วมแท่นนอนกับนางด้วยใบหน้าที่อัปลักษณ์ของนาง เกรงว่ายิ่งจะทำให้นางพบกับความอัปยศมิสู้ฝ่าบาท ให้ข้าหย่ากับนางเสียนางจึงจะได้ไม่ต้องแบกรับความขมขื่น”
“อย่างไรเสียนางก็แต่งเข้าไปในจวนอ๋องของเจ้าแล้ว เฉิงอู๋สามีภรรยาถูกใจหรือไม่ก็แค่ทำหน้าที่กันไป ชายาเอกของเจ้าแต่งมาร่วมปียังไร้ทายาทสืบสกุล บางทีมีชายารองอีกคนอาจมีลูกสมใจ”พูดยิ้มๆ ไม่ได้มองว่าหวงเฉิงอู๋ มีสีหน้าเช่นไร
“ข้าไม่กดดัน แต่ด้วยกิริยาของอ้ายฉิงแม้ใบหน้านางจะไม่เป็นที่ต้องตา แต่ทว่าท่าทีชดช้อยนั้นบางทีเจ้าลองมองนางเสียใหม่อาจ เปลี่ยนความคิดของเจ้าได้”หวงเฉิงอู๋ยังจำ น้ำเสียงหวานปานน้ำผึ้งป่าของอ้ายฉิงได้ได้หรือว่าสวรรค์เมตตาชดเชยให้นางกันแน่
“ไม่รักนางข้าไม่ว่า แต่สามีภรรยาอย่างไรสักวันก็ต้องร่วมเตียง ฮองเฮาเป็นห่วงเรื่องนี้ยิ่ง เฉิงอู๋เจ้านับถือฮองเฮาดุจมารดาหากเรื่องนี้นางได้ยินเข้าก็คงไม่สบายใจเพราะนางยังคิดว่าเจ้ามิใช่คนที่มองใครแค่เพียงภายนอกเท่านั้น อีกอย่างฮองเฮาเอ็นดูหลานคนนี้ยิ่งด้วยขาดแม่และยังมีใบหน้าอัปลักษณ์ไร้คนคบหา พากันตัดสินนางแค่เพียงภายนอก ฮองเฮามักจะพูดเรื่องนี้กับข้าบ่อยๆ นางหวังว่าเจ้าจะแตกต่างจากคนอื่น”ร่ายมาเสียยาว หวงเฉิงอู๋ถอนหายใจ
“หากข้า ไม่ยอมร่วมแท่นนอนกับนางก็เท่ากับข้าผิดกับฮองเฮาใช่หรือไม่”น้ำเสียงยโสอย่างที่เคยทำ
“เรื่องนี้ยากจะแยกแยะผิดถูกแต่ หวงเฉิงอู๋ข้าอยากให้เจ้าลองมองนางเสียใหม่”
“ไม่มีทางเป็นอื่นนางอัปลักษณ์จนข้า ...ไม่อยากจะพบหน้านาง”หวงฉีจิ้งเป็นฝ่ายถอนหายใจบ้าง
“เสวยร่วมกันกับข้า เด็กๆ ยกเครื่องเสวย”นางกำนัลยกเครื่องเสวยเข้ามา
“หวงเฉิงอู๋ความจริงเรื่องนี้ไม่ได้กดดันเจ้า แต่ด้วยฐานะของอ๋องเฉิงอู๋จะมั่นคงได้ จะต้องมีข้าและฮองเฮาคอยสนับสนุนคิดเสียว่านางเป็นเครื่องการันตี”
หวงเฉิงอู๋ยอมนั่งลงแต่โดยดี
“เฉิงอู๋ เข้าใจแล้ว”
“ดี ลองกลับไปมองนางเสียใหม่หวังว่าเจ้าจะพบบางอย่างในตัวนาง”
จวนเฉิงอู๋อ๋อง
ดึกสงัด ห้องพักของอ้ายฉิงที่อยู่ในความมืด เจียวหยูไปนอนตามคำสั่งของอ้ายฉิงที่นั่งลูบไล้ป้ายหยกเนื้อดีในมือไปมา
ก่อนหน้านั้น
“คุณหนู นี่คือป้ายหยกที่มารดาของคุณหนูมอบให้คุณหนูพกติดตัวไว้”
“ป้าเป่ย ป้ายหยกชิ้นนี้เป็นของใครกัน”ป้าเป่ยถอนหายใจ
“ป้าเองก็ไม่ทราบได้ แต่มารดาของคุณหนูบอกว่าให้ตามหา เจ้าของป้ายหยกอันนี้ แล้วคุณหนูจะได้รับความกระจ่าง”ยกมือขึ้นลูบใบหน้าในความมืด หลายครั้งที่พิศมองใบหน้าของตัวเองยามที่ไม่ได้แปะแผ่นหนังอัปลักษณ์นั่น ใบหน้าที่แตกต่างจากคนอื่น หรือแม้กระทั่ง น้องสาวร่วมบิดาหยวนจื่อเจียว
เสียงกุกกักก่อนที่ร่างสูงของใครบางคนจะก้าวเข้ามาในห้องทางประตูหน้าต่าง แม้จะมองไม่เห็นหน้าแต่อ้ายฉิงก็รู้ว่าคือคนคนเดียวกับคนร้ายเมื่อวาน
“ท่านเป็นใคร”กำป้ายหยกไว้ในกำมือ
“......”
“หากไม่ยอมพูด ว่าท่านเข้ามามีจุดประสงค์อะไรข้าจะตะโกนให้คนช่วย”ยิ้มกับเสียงหวานใสที่ได้ยิน
“ข้าไม่กลัวคนพวกนั้น”สะบัดมือเพียงพริบตา เปลวเทียนสว่างไสวส่องกระทบใบหน้าอัปลักษณ์
“ข้าตาฝาดไปจริงๆ ”เขม่นมองใบหน้าอัปลักษณ์ไม่ละสายตา
“บอกมาต้องการอะไร”
“ต้องการพบเจ้าต้องการเห็นหน้าเจ้า” เจิ้งอ้ายฉิงใจเต้นตึกตัก
“ไปเสียไม่อย่างนั้นข้าจะร้องให้คนช่วย ชะชะช่วยด้วย”มืออุ่น คว้าข้อมือดึงร่างบางมากอดไว้มืออีกข้างปิดปากไว้แน่น
ลากเจิ้งอ้ายฉิงไปที่แท่นนอน
“ท่านจะทำอะไร”นึกหวั่นๆ
“ไม่ทำอะไร เงียบก่อน”ส่งสัญญาณให้เงียบ หวงเฉิงอู่โซซัดโซเซเข้ามาในห้องกลิ่นสุราคละคลุ้ง
ปาหยางอ๋องปล่อยมือที่ ปิดปากกระโดดไปใต้แท่นนอนซุกกายอยู่ใต้แท่นนอน
“ฝ่าบาทให้ข้า ร่วมแท่นนอนกับเจ้าเสีย” เจิ้งอ้ายฉิงถอยไปชิดผนังห้อง
“หึหึ กลัวรึอย่างเจ้ายังกล้าปฏิเสธหรือ กลัวบุรุษที่อยากจะมีอะไรกับเจ้าอีกหรือ ในเมื่อใบหน้าเจ้าอัปลักษณ์เพียงนี้ น่าจะดีใจที่มีคนอยากร่วมแท่นนอนกับเจ้า”เจิ้งอ้ายฉิงกัดริมฝีปากแน่น วันนี้วันอะไรกันทำไมต้องมาเจออะไรแย่ๆ ด้วยคนสองคนที่เข้ามาเพื่อสิ่งใดกันในเมื่ออ้ายฉิงอัปลัษณ์เพียงนี้ยังมีคนอยากพบเจออีกหรือ
“มานี่ มาปลดอาภรณ์ให้ข้ายั่วยวนข้าหน่อยบางทีข้าอาจมีอารมณ์อยากร่วมรักกับเจ้า”
เจิ้งอ้ายฉิงตัวชา หน้าชาด้วยความรู้สึก เจ็บปวดและอับอายกับคำพูดของหวงเฉิงอู๋
“มานี่”
ส่งเสียงตวาดดังลั่น เดินเข้าไปประชิดตัวเจิ้งอ้ายฉิง ที่หลับตาป๊๋ด้วยความกลัวและความตกใจไม่เคยต้องมือชายใด สะบัดมือจนเปลวเทียนดับลงความมืดปกคลุมอีกครั้ง หวงเฉิงอู๋ยกมือขึ้นปลดอาภรณ์ของอ้ายฉิงที่ยืนนิ่งด้วยความตกใจอย่างที่สุด
“โครม”ปาหยางอ๋องลุกออกมาจากใต้แท่นนอน จงใจ แตะเข้าที่เชิงเทียนให้ล้มคว่ำเสียงดันลั่น
หวงเฉิงอู่หายเมาเป็นปลิดทิ้ง หันไปแตามเสียง
“เจ้า เจิ้งอ้ายฉิงเจ้า นำผู้ใดเข้ามาในห้องนอนแทนที่ข้า”
ตวัดมือซัดฝ่ามือเข้าใส่ปาหยางอ๋องที่พลิ้วกว่า ทะยานออกจากห้องไปในทันที เจิ้งอ้ายฉิงตัวสั่นงันงก อีกคนกระชากร่างบางมาซบอก
“แพศยา ข้าไม่ร่วมแท่นนอน เจ้ายังกล้านัดแนะชายชู้เข้ามาหาถึงในจวนอ๋องของข้า เด็กๆ นำตัวนางไปโบย ห้าสิบไม้”