ตอนที่ 7.ความเหมือนที่แตกต่าง/1

1502 Words
ตอนที่ 7.ความเหมือนที่แตกต่าง/1 จิณณ์ตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัว เขาลุกขึ้นนั่งกลางที่นอน เอามือจับต้นคอตัวเอง รู้สึกร้าวระบมขึ้นมาพอคลำดูก็พบว่ามันอาจจะมีรอยช้ำ นึกทบทวนความจำของตนเอง เมื่อคืนเขาดื่มหนักมาก ผู้เป็นปู่เลยให้นายเพิ่มมาส่ง เขาถูกพาตัวขึ้นมาบนห้องนอน คิดถึงตอนนี้แล้วดวงตาคมก็วาบไหวขึ้นมา เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขามีสติน้อยจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่ก็ไม่ได้ไร้สติเลยทีเดียว เขาเห็นอรนิภามาเช็ดหน้าให้เขา แล้วยังจูบเธออีกด้วย “ว้าย! คุณจิณณ์ปล่อยหนูอิงนะคะ” กำลังจูบหญิงสาวเพลินก็ถูกนางนิ่มตรงเข้ามากระชากเสื้อ แถมยังผลักเขาจนกระเด็น จนต้องปล่อยร่างนุ่มนิ่มนั้นไป เขาโมโหมากถึงกับลืมตัวตวาดใส่นางนิ่ม “ป้านิ่มออกไปนะ ฉันจะอยู่กับอร อรกลับมาหาฉันแล้ว” ชายหนุ่มจะคว้าร่างของหญิงสาวไปกอดไว้อีกครั้ง แต่คนแก่ไม่ยอมให้เขาทำแบบนั้น จิณณ์รู้สึกว่ามีอะไรมาทุบต้นคอเขาจากนั้นเขาก็หมดสติไป “ป้านิ่มคงทุบหัวเราอีกแล้ว มือหนักๆ แบบนี้มีคนเดียว” จิณณ์เอามือลูบต้นคอตัวเองแล้วนิ่วหน้า เมื่อรู้สึกปวดระบมขึ้นมา เขาพาตัวเองเดินไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็มาเปิดลิ้นชักหายาทาต้นคอ หลอดยาถูกเปิดใช้ไปบางส่วนบ่งบอกว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโดนแม่บ้านทุบ นางนิ่มสามารถรับมือกับความเกเรของเขายามไร้สติได้ เมาขึ้นมาทีไรหากอาละวาด ก็จะโดนนางนิ่มทุบจนสลบแล้วลากมาโยนไว้ที่เตียง เขาไม่โกรธการกระทำรุนแรงนี้ ด้วยรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำเพราะความเกลียดชัง สองปีที่อยู่กันมาเขาเคารพรักนางนิ่มไม่ต่างจากญาติคนหนึ่ง “ต้องรู้ให้ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” จิณณ์ยังคาใจว่า ผู้หญิงที่เขากอดจูบเมื่อคืน คือคนจริงๆ หรือว่าภาพที่เขามโนขึ้น ชายหนุ่มลงมายังชั้นล่าง มองหาแม่บ้านของตน เขาเดินมาที่ห้องครัว เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังล้างผักอยู่ เธอยืนหันหลังให้ รูปร่างของเธอค่อนข้างผอมเพรียว ไม่อ้วนกลมเหมือนนางนิ่ม เขาค่อยๆเดินเรียกเท้าเข้าไปหาหญิงสาวช้าๆ ไปหยุดอยู่ด้านหลังของเธอ “นี่ เห็นป้านิ่มบ้างไหม” เขาใช้นิ้วสะกิดไหล่ของคนที่ตัวเตี้ยกว่า เอ่ยถามออกมา ทำเอาอีกฝ่ายสะดุ้งโหยง หันกลับมามองอย่างตกใจ “คุณ... คุณจิณณ์” ใบหน้าอ่อนใสของเธอ ทำให้เขานิ่งงัน มือคว้าไหล่ของเธอไว้อย่างลืมตัว ตาเบิกกว้างขึ้น ภาพเหตุการณ์เมื่อคืน วาบเข้ามาในสมอง “เธอ... ทำไม” ผู้หญิงคนนี้มีใบหน้าเป็นพิมพ์เดียวกับอรนิภาภรรยายอดดวงใจของเขา จิณณ์มองใบหน้าของเธออย่างตื่นตะลึง นึกถึงคำพูดของท่านเจ้าสัวผู้เป็นปู่เมื่อคืนขึ้นมา เขาพบท่านในงานเลี้ยง “วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของหนูอรใช่ไหม ตอนเช้าปู่ให้แม่บ้านเอาสังฆทานไปทำบุญที่วัดให้แล้วนะ” “ขอบคุณครับคุณปู่ ผมไปทำบุญให้อรแล้ว วันนี้คุณปู่ว่างหรือครับ ถึงมางานได้” ปกติเจ้าสัวเจียงไม่ค่อยชอบมางานเลี้ยงสังสรรค์เท่าไหร่ นอกจากงานที่เลี่ยงไม่ได้ “มาคุยงานกับคุณชาญน่ะ แล้วก็เจอหลานสาวของเขาด้วย แกจำหนูชมัยภรได้ไหม เมื่อก่อนตอนเด็กๆ เคยมาเล่นที่บ้านเรา” เกริ่นมาแบบนี้ ไม่แคล้วอยากจับคู่ให้หลานชาย จิณณ์รีบยกมือห้าม “จำได้ครับ แต่ไม่ต้องพาผมไปแนะนำหรอกนะครับ ผมไม่พร้อมจะคุยกับผู้หญิงคนไหน” “แกจะปฏิเสธผู้หญิงทุกคนที่ฉันหาให้รึ จะอยู่เป็นโสดไปจนตายรึไง” คนเป็นปู่เริ่มมีโมโห แม้จะเจอการปฏิเสธแบบนี้มาหลายครั้ง แต่ก็ยังรับไม่ได้สักที “คุณปู่ก็รู้นี่ครับ ว่าหัวใจของผม มันตายไปพร้อมกับน้องอรแล้ว ผมไม่มีหัวใจไว้ให้ใครอีกนอกจากน้องอร” จิณณ์แค่นยิ้มขมขื่น ยกแก้วเหล้าขึ้นสาดเข้าคอจนหมดแก้ว หัวใจเขามันด้านชาไปหมด มีลมหายใจแต่ไร้ชีวิตชีวา ตั้งแต่อรนิภาตายจากไป “ฉันรู้ว่าฉันผิดต่อแก ที่ทำให้อรนิภาจากไป ฉันพยายามจะชดใช้ให้แกแล้ว ขอร้องเถอะนะ กลับมาเริ่มต้นใหม่ใช้ชีวิตให้มีความสุขเถอะ ฉันไม่อยากเห็นแกเป็นแบบนี้อีกแล้ว” คนเป็นปู่แตะไหล่หลานชาย พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงอาทร แต่จิณณ์เจ็บปวดเกินกว่าจะยอมรับได้ เขาส่ายหน้า ขยับถอยออกมา “คุณปู่จะชดใช้ให้ผมยังไง คืนน้องอรมาให้ผมได้หรือเปล่า” น้ำเสียงของเขาสั่นพร่า ดวงตาแดงก่ำ จุกแน่นในอกไปหมด เมื่อต้องพูดถึงจุดเจ็บในหัวใจของตัวเอง “จิณณ์ ปู่จะพยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้แกกลับมามีความสุขอีกครั้ง ปู่จะคืนหัวใจให้แก” ท่านเจ้าสัวบอกกับหลานชาย ก่อนจะเดินหนีออกมา ปล่อยให้จิณณ์คว้าแก้วเหล้าสาดเข้าคอจนเมามาย ท่านยังห่วงหลานชายมากจนต้องสั่งให้นายเพิ่มมาส่งจิณณ์กลับไร่ “เธอ... เธอเป็นใคร” จิณณ์หลุดจากภวังค์ความคิด หันมาจ้องใบหน้าของหญิงสาวอย่างจับผิด เขายื่นมือมาจับปลายคางของเธอ ให้หมุนซ้ายขวา สำรวจความเหมือนราวกับภาพพิมพ์ของเธอกับภรรยาผู้จากไป ความคิดหนึ่งวาบเข้ามาในหัว “คุณปู่ส่งเธอมาใช่ไหม!” เขาเอ่ยถามเสียงเครียด บีบคางมนนั้นแน่นจนอีกฝ่ายนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ “โอ๊ย! ฉันเจ็บ ปล่อยฉันนะ” อิงดาวปัดมือเขาออก แล้วผลักแผงอกหนาให้ถอยห่าง ขยับหนีออกมาจากร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มด้วยใจอันสั่นระทึก ท่าทางของเขาต่างจากเมื่อคืนราวกับคนละคน ยามนี้เขาน่ากลัวเหลือเกิน ตาวาววับเหมือนเสือจ้องขย้ำเหยื่อ น้ำเสียงดุกร้าวยิ่งกว่าพนักงานสอบสวน “ตอบฉันมาสิ ว่าคุณปู่ส่งเธอมาใช่ไหม” เขาขยับเข้ามาด้วยท่าทีคุกคาม อิงดาวถอยหลังกรูด มองหานางนิ่ม ที่ออกไปซื้อของ ป่านนี้อีกฝ่ายยังไม่กลับมา ทิ้งเธอไว้กับเจ้านายเพียงลำพัง ท่าทางของเขาเหมือนคนบ้าคลั่งแบบนี้ จะบีบคอเธอตายหรือเปล่านะ “ฉันไม่ตั้งใจจะมาที่นี่หรอกนะ แต่มันจำเป็น” อิงดาวถอยหนีไปเรื่อยๆ หาทางเอาตัวรอดจากคนเจ้าอารมณ์ เขายังคงย่างเท้าเข้ามาหา หากหยุดนิ่งอาจจะจะหนีไม่พ้น “จำเป็นอะไร” เขาถาม ดวงตาคมกริบจ้องใบหน้าของเธอนิ่ง “พ่อฉันเป็นหนี้ท่านเจ้าสัว ฉันจำเป็นต้องทำตามท่าน ฉันไม่ได้เต็มใจมาเลยนะ ไม่ได้อยากมาเจอคุณเลย” อิงดาวพยายามอธิบาย มองคนตัวโตที่ตอนนี้หยุดนิ่งแล้ว อย่างหวาดระแวง ภาวนาให้นางนิ่มรีบกลับมาเร็วๆ “หึ สตอรี่เดิมๆ มาขัดดอกชดใช้หนี้แทนครอบครัว แล้วก็หวังว่าจะปลดหนี้ทางลัด ด้วยการจับหลานชายเจ้าหนี้ใช่ไหม วางแผนมาดีนี่ มีการลงทุน” จิณณ์กวาดสายตามองอิงดาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า รูปร่างหน้าตาของเธอแทบจะถอดแบบอรนิภาออกมา แต่ก็แค่คนหน้าเหมือน เธอไม่ใช่อรนิภาของเขา “ฉันไม่ได้วางแผนอะไรนะ อย่ามากล่าวหากันสิ” อิงดาวเถียงสู้ ไม่ยอมให้ตัวเองโดนกล่าวหา “ไม่ได้วางแผน แล้วทำไมต้องมาสมัครเป็นคนงานด้วย ฉันไล่ทำไมไม่ไป ยังหน้าด้านอยู่ทำไม ถ้าไม่มีแผนการจะอยู่เพื่อ...” เขายิ้มหยัน ส่ายหน้ากับคำแก้ตัวแบบเอาสีข้างเข้าถู แถจนสีข้างถลอกเลือดไหลซิบแล้วแม่คุณ “ฉันจำเป็นต้องอยู่ เข้าใจไหมว่าฉันจำเป็น” อิงดาวจ้องหน้าจิณณ์ ความกลัวเริ่มหายเมื่อถูกอีกฝ่ายปรามาส “จำเป็นยังไง คุณปู่บังคับเอาพ่อแม่เธอเป็นตัวประกันรึไง เรื่องแบบนั้นมันมีแต่ในนิยาย อย่าแต่งเรื่องมาหลอกกันบนหัวฉันไม่มีเขา ไม่ได้กินหญ้าเป็นอาหารด้วย” เขายังหาเรื่องมาว่าเธอไม่จบ สายตาดูถูกดูแคลนของเขา ราวกับคมมีดบาดคนถูกมองจนเหวอะหวะไปทั้งใจ อิงดาวกำหมัดแน่น จุกแน่นในอกด้วยความคับแค้นใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD