10

1430 Words
“ไปห้องพี่ไหม” เอ่ยปากชวนดื้อๆ ขวัญข้าวชะงักทันทีเมื่อได้ยิน เขาบอกขึ้นใหม่อีกครั้ง เหมือนกับพอจะเดาความคิดของคนฟังออก “ไปรอเพื่อนเราที่ห้องพี่ก่อนไหม หรือจะรอที่นี่ก็ได้นะแล้วแต่เรา” อะไรดลใจเธอไม่รู้ได้ ขวัญข้าวมองหน้าคนชวนนิ่งอึดใจเดียวแล้วพยักหน้าตอบตกลง “ไปค่ะ” “ถ้าเพื่อนไม่มา นอนที่ห้องพี่ไปก่อนก็แล้วกัน” เขาแทนตัวเองมาว่าพี่แล้ว เลยตามเลยไปกับเขาด้วยก็แล้วกัน นึกค่อนที่เอ่ยปากชวนเธอนอนด้วยแบบง่ายๆ แม้จะไม่ได้มีความหมายมากไปกว่านั้น แต่เพราะมีอคติกับเขาจึงคิดว่าอีกฝ่ายเข้าหาแบบคนมีจุดปะสงค์ไม่ดีกับตน “แล้วพี่กรจะไปนอนที่ไหนคะ” “เยอะแยะไปที่นอนพี่” บอกด้วยหัวใจพองโตนิดๆ ที่ได้ยินเด็กดื้อตาใสเรียกเขาว่าพี่ อยากได้ยินมานานแล้วสรรพนามเช่นนี้ แต่ไม่เคยมีจังหวะได้พูดคุยใกล้ชิดแบบนี้สักครั้ง ขวัญข้าวร้องอ้อ บอกติดเยาะนิดๆ “...ลืมไป” “อะไร” ธนากรถามกลับสีหน้าสงสัยเล็กน้อย “ก็…” ลากเสียงยาวก่อนว่าต่อด้วยท่าทีแฝงอาการหมิ่นคนถูกกล่าวถึงเล็กน้อย “สาวๆแทบเหยียบกันตายเพื่อจะได้เปิดห้องให้พี่กรนอนไงคะ เลยไม่แปลกที่พี่จะมีที่นอนเยอะแยะ” คราวนี้ชายหนุ่มยิ้มกว้างขึ้นทันที ขวัญข้าวเห็นแล้วหน้าออกร้อนวูบเมื่อได้ยินเขาถามกลับมา “ที่ว่าน่ะ มีเราในนั้นไหม” เด็กสาวเม้มปากแน่นไม่ตอบ ไม่พูดอะไร ประเดี๋ยวได้เข้าตัวอีก ดวงตาคู่สวยเป็นประกายวาววับอย่างเอาเรื่อง คนปากดี ไหนใครว่าธนากรนิ่งๆเงียบๆ ที่ไหนได้ร้ายไม่หยอกเชียวล่ะ อย่างเธอหรือจะอยากเปิดห้องให้เขานอน ไม่มีทาง! พอเห็นใบหน้าน่ารักบึ้งตึงขึ้นหลังจาที่ถามไป ธนากรเลยเฉยเสียแล้วออกเดินนำไปยังห้องพักของตน ชายผู้เป็นใหญ่แห่งไร่พืชวิวัฒน์พัฒนะการกุลได้ห้องวิลล่าพร้อมสระว่ายน้ำที่ด้านหลังอีกด้วย พอเห็นห้องพักของเขาเลยอดบ่นกระปอดกระแปดขึ้นมาไม่ได้ “ไม่เห็นจะแฟร์เลย” “ห้องมันเหลือพอดี ไม่งั้นพี่คงได้นอนในรถ” เขาอธิบายสั้นๆแล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “อยากล้างหน้าไหม” ขวัญข้าวไม่ตอบ กลับเดินไปที่บาร์เครื่องดื่มภายในห้องพักของเขาแทน ไม่สนใจเจ้าของห้องเลยสักนิดแล้วยกขวดรูปทรงสวยแปลกตาขวดหนึ่งขึ้นถาม “นี่อะไรคะ” “วิสกี้” ตอบก่อนถามกลับทั้งยังใช้สายตาคล้ายปรามเด็กดื้ออยู่ในที “จะดื่มอีกหรือนั่น ไม่ไหวแล้วมั้งพี่ว่า” “ข้าวโตแล้วค่ะ รู้ว่าอะไรดื่มได้หรือไม่ได้” ว่าจบเทน้ำในขวดสวยนั่นใส่แก้วที่วางอยู่ใกล้ๆยกดื่มก่อนหลับตาปี๋ทันทีที่ซดจนหมด “อี๋ ขม” ธนากรหัวเราะในลำคอ ว่ากลับทันที “ตะกละ” “ว่าใครคะ” “มีใครอีกในห้องนอกจากพี่กับเรา” เด็กสาวเลยถือโอกาสหยิบอีกขวดเปิดแล้วเทใส่แก้วเดินไปยังประตูกระจกระเบียง ชมกึ่งบ่น “วิวสวยจัง ขี้โกงชะมัดทำไมถึงได้พักนี้ล่ะ” เจ้าของห้องยืนพิงผนังกอดอกมอง ถามยิ้มๆ “โกงยังไง” ไม่ตอบเขา เปิดประตูกระจกออก เดินไปนั่งลงตรงเก้าอี้ที่วางไว้ตรงด้านนอกนั่น ธนากรมองแล้วเดินตามออกมาด้วย เด็กสาวไม่ค่อยได้ออกมาเที่ยวแบบนี้บ่อยนักเพราะต้องทำงานอยู่แค่ในไร่ จึงพยายามซึมซับบรรยากาศผ่อนคลายเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ก่อนเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น แล้วโยนความสนใจทิ้งไปว่าจะมีใครมองหรือไม่ได้มองเธออยู่ ต่างคนต่างเงียบ นานเท่าไรสุดจะรู้ เด็กสาวโพล่งขึ้นเมื่อนึกได้ “ข้าวขอไปดูเพื่อนก่อนดีกว่า ป่านนี้คงกลับห้องมาแล้ว” เจ้าของห้องขยับตัวเล็กน้อยก่อนตอบรับ “ไปสิ” แต่พอดันตัวลุกขึ้นยืน เกิดเสียหลักจนได้ ร้องเสียงหลง “อุ๊ย!” ดีที่ธนากรคว้าเอาไว้ได้ทัน ไม่วายบ่น “บอกแล้วว่าจะเมา ไม่เชื่อพี่” ได้ยินแบบนั้นแล้วอดไม่ได้ที่จะยวนคืน “เมาแล้วไงล่ะคะ” “ก็...” ธนากรมองเข้าไปในดวงตาคู่ที่เขาลงความเห็นเอาไว้ว่า ‘ดื้อตาใส’ นิ่งครู่หนึ่ง ตอบด้วยความเป็นจริง “อาจเสียสาวเอาง่ายๆน่ะสิ” ไม่เชิงถาม แต่อดขำคำเขาไม่ได้ “ใครจะกล้า” คนดื้อหมายถึงว่าใครจะกล้ามาวอแวกับเจ้าหล่อน คงมั่นใจว่าเอาตัวรอดได้นั่นเอง แต่ธนากรไม่ได้ตลกไปด้วย เนื้อตัวนุ่มนิ่มของเด็กสาวยังคงอยู่ในอ้อมกอดของเขา และเมื่อเจ้าหล่อนขยับไปมาเช่นนี้ก็ก่อให้เกิดความรู้สึกตื่นตัวได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไรเลย “ผู้ชายน่ะไว้ใจได้หรือไง” เสียงทุ้มบอกอย่างพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ และคราวนี้ขวัญข้าวคิดว่าเป็นทีของตน ที่จะได้ขี่แพะไล่เขาบ้างแล้ว ย้อนคืนให้เสียเลย “ผู้ชายที่ว่า...รวมพี่กรด้วยหรือเปล่าล่ะคะ” “พี่ไม่เคยไปปล้นความสาวของใคร” ที่ว่านั่นความจริงล้วนๆ ธนากรไม่เคยต้องใช้กำลัง บังคับ หรือขืนใจใครในเรื่องที่พูดคุยถึงอยู่นั่น ที่ผ่านมานั้นล้วนเกิดจากความเต็มใจของหญิงสาวกันทั้งนั้น มุ่ยหน้าไม่เชื่อ ทำท่าจะยืนเอง ปัดมือที่เขายังจับเอาไว้ออกอย่างไม่ได้รุนแรงแต่ไม่เบานัก “ข้าวกลับห้องดีกว่า” แต่เพราะว่าดื่มไปหลายขนานจึงมึนเอาเรื่องอยู่พอสมควร ธนากรยึดแขนเล็กเอาไว้มั่น บอกเสียงขรึม “อย่าทำตัวก๋ากั่นเกินไป มันไม่น่ารักหรอก” เพราะเหล้าแท้ทีเดียวถึงทำให้เด็กสาวอย่างเธอตอบโต้เขาไม่หยุดแบบนี้ เด็กสาวตัดสินใจโทษเหล้าเสียเลย เพราะง่ายกว่าโทษตัวเอง “ไม่เห็นอยากให้ใครมารักสักคน” สายตาคมมองสบนิ่งแล้วเลื่อนลงไปจับที่ริมฝีปากได้รูปของคนที่ตัวเล็กกว่าเขาทั้งสรีระและประสบการณ์ บัดนี้ลำคอของเด็กสาว แห้งผากเป็นผุยผง จนเผลอแลบลิ้นออกมาอย่างลืมตัว รู้สติอีกทีถึงได้เห็นว่าอีกฝ่ายขยับใกล้เข้ามาแล้วในตอนนั้น ใบหน้าที่เห็นชัดว่าหล่อคมไม่น้อย หยุดลงตรงที่ขวัญข้าวคิดว่าเป็นระยะที่ใกล้กันจนเกินไป ใกล้จนน่าหวาดหวั่น “แปลกนะ ดื้อแบบนี้...ยังมีคนรักเราลงอีก” เสียงทุ้มบอกตามมาภายหลัง เขย่าอารมณ์ซ่อนเร้นในกายเธอได้อย่างไม่น่าเชื่อ ขวัญข้าวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สายตาเป็นประกายวาววับแล้วโยนให้เป็นเพราะสิ่งที่ดื่มลงก่อนหน้านั้นทั้งหมด ถึงได้ทำให้ใจกล้าบ้าบอเช่นนี้ ถามเขาเสียงเบาหวิว “ใครกันจะมารักเด็กแบบข้าว หวังว่าคงไม่มีพี่กรอยู่ในนั้นหรอกนะคะ” “ไม่อยากให้เป็นตัวพี่เหมือนกัน” ธนากรตอบรับชิดริมฝีปากเต็มอิ่มสีสวยหวานเหมือนลูกกวาดนั่น ลมหายใจอุ่นหอมสะอาดผสมกลิ่นแอลกอฮอล์กระจายซาบซ่านพร้อมความวาบหวามอย่างไม่เคยพานพบมาก่อนในชีวิตของเด็กสาว และเป็นขวัญข้าวเองที่โน้มตัวเข้าไปแตะกับปากของเขา ธนากรครางฮึ่มในลำคอด้วยความรู้สึกเช่นไรสุดที่เด็กดื้อตาใสจะรู้ได้ รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้ถูกเขากอดรัดเอวบางเสียแน่น แล้วก็ถูกเขาบดริมฝีปากจูบลงมาอย่างดูดดื่มเร่าร้อนและเรียกร้อง ทั้งยังปลุกอาการซาบซ่านในกายให้ลุกฮือขึ้นได้อย่างแปลกประหลาดนัก คนด้อยประสบการณ์กว่ารู้สึกคล้ายกับว่าตนเองกำลังยืนอยู่บนแผ่นน้ำแข็งด้วยเท้าเปลือยเปล่าที่ซึ่งมีเปลวไฟโหมไหม้ลุกท่วมตัวอีกชั้น เหตุใดจึงรู้สึกหนาวสั่นสลับร้อนวูบวาบได้อย่างนี้ นี่เองผู้ใหญ่ถึงได้ตักเตือนไม่ให้ชายหญิงอยู่กันตามลำพังในที่รโหฐาน คงเพราะแบบนี้เองละมัง...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD