2

1312 Words
2 พอเกวลินเรียนจบวิทยาตั้งใจว่าจะให้ลูกสาวคนนี้บริหารงานโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติกต่อจากเขา ส่วนตัวเองกับภรรยาใหม่ก็จะไปใช้ชีวิตอยู่ที่ไร่อัมพา ในจังหวัดราชบุรี ตัดปัญหาการทะเลาะเบาะแว้งแบบถาวร ต่างคนต่างอยู่ “ก็ทำเพื่อพ่อเนี่ยแหละถึงไป” เกวลินทำเสียงขึ้นจมูกคล้ายจะร้องไห้ “ไม่เอา ไม่เอาอย่าร้อง” อัญญาณีพูดปลอบเพื่อน ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องสนทนา “เรามาเที่ยวกันไม่ใช่เหรอ ไม่พูดเรื่องเครียดๆ แล้ว เรามาพูดเรื่องที่เราจะไปเที่ยวกันในวันพรุ่งนี้ดีกว่า ไม่รู้ว่าจะเจอหนุ่มเอ๊าะๆ สักกี่คน” อัญญาณีพูดไปตาเพ้อฝันไป เมื่อนึกถึงสถานที่ที่จะไปเที่ยวในวันพรุ่งนี้ “แหม พอคิดถึงผู้ชายทำตาปรอยเลยนะ เดี๋ยวเดียร์จะไปฟ้องพี่ชาติ ให้พี่ชาติสำเร็จโทษ” เกวลินพูดขึ้นทันควัน ทำหน้าตาขึงขัน พี่ชาติที่ว่านี้ก็คือสุชาติ สามีสุดหล่อของอัญญาณีนั่นเอง “เชอะ กลัวตายล่ะ” คนตัวกลมๆ สะบัดเสียงพูด “ฮ่าๆๆๆๆ ถ้าพี่ชาติรู้ว่าเกตุไปส่องผู้ชาย พี่ชาติจะว่ายังไงนะ อยากรู้จังเลย” หทัยชนกกลั้วหัวเราะเวลาพูด นึกถึงสีหน้าของสุชาติยามที่หึงภรรยาตัวกลมทีไร อดขำไม่ได้ทุกที “จะทำยังไง ก็ไปส่องผู้หญิงเป็นการเอาคืนยังไงล่ะ” อัญญาณีกล่าวอย่างรู้เท่าทันสามี “เรามาเที่ยวกันเป็นการส่งท้ายก่อนที่เดียร์จะไปเมืองนอกไม่ใช่เหรอ เพราะฉะนั้นหัวข้อการสนทนาของเราน่าจะเป็นเรื่องของพวกเรามากกว่า เพราะไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนที่เราจะมีโอกาสแบบนี้อีก” สาวอ้วนที่สุดในกลุ่มรีบเปลี่ยนเรื่อง “ก็ได้ ว่าแต่พรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้แล้วนะ เพราะอีกตั้งสองปีกว่าเดียร์จะกลับ เพราะฉะนั้นต้องให้สุดๆ เลย จะได้เก็บไว้ในความทรงจำของพวกเราไง” คำพูดปนเศร้าขับออกมาจากปากของสาวนิสัยดีอย่างหทัยชนก หากได้ยินเพียงผิวเผินมันก็จะดูคล้ายกับว่าเป็นคำอาลัยอาวรณ์ แต่ทว่าในถ้อยคำนั้นมันเหมือนกับว่ามีลางบอกเหตุอะไรบางอย่างซุกซ่อนอยู่ในประโยคนี้ ลางบอกเหตุที่ว่า... มันจะเป็นวันสุดท้ายของเธอทั้งสามคนจริงๆ “ไม่ต้องทำเสียงเศร้าไปหรอก สองปีเร็วจะตาย” เกวลินพูดให้เพื่อนสนิทมีรอยยิ้ม “เดียร์ก็เอาผู้ชายมาฝากรุ้งซักคนสิ ประมาณว่าปลอบใจที่เราต้องห่างกันสองปีไง” อัญญาณีพูดให้บรรยากาศดูคึกครื้นบ้าง หทัยชนกหน้าแดงก่ำ เขินอายเต็มกำลังเมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อนตัวอ้วน หทัยชนกไม่ได้สวยเฉี่ยวเหมือนเกวลิน เธอเป็นคนน่ารักมีเสน่ห์ตรงลักยิ้มที่ขึ้นกลางแก้มทุกครั้งยามขยับปากพูดหรือว่าแย้มยิ้มโสภา เป็นเสน่ห์ที่เธอไม่เคยรู้ตัว หทัยชนกมีชายหนุ่มหลายคนมาติดพันแต่ทว่าเจ้าของลักยิ้มเจ้าเสน่ห์ไม่เคยเปิดรับรักชายคนไหน เธอปิดกั้นความรักที่วิ่งเข้าใส่หลายครั้งหลายหนราวกับว่ากำลังรอความรักจากใครบางคนอยู่ “บ้า...พูดอะไรก็ไม่รู้” หทัยชนกพูดอย่างเขินอาย แก้เขินด้วยการตีต้นแขนของอัญญาณีและเกวลินเบาๆ หน้าแดงก่ำจนถึงใบหู “บ้าที่ไหน อุตส่าห์จะหาคู่ให้ไม่อยากให้รุ้งอยู่บนคานทองนิเวศน์นาน อายุก็จะเข้าเลขสามอยู่แล้วนะ ถ้าหลังจากนี้เดี๋ยวหยากไย่ขึ้นหมด” อัญญาณีเย้าเจ้าของลักยิ้มสวย คราวนี้สาวอ้วนไม่ได้โดยตีเบาๆ แต่กลับโดนกำปั้นน้อยๆ ของหัยชนกทุบตรงต้นแขนหลายครั้ง สีเลือดขึ้นบนใบหน้ามากกว่าเดิม “บ้าๆๆ เกตุบ้า” หทัยชนกว่าเพื่อตัวอ้วนไม่จริงจัง สะบัดบ๊อบใส่คล้ายอาการงอนที่ถูกแซวหลายครั้ง “เห็นมั้ยเกตุ ไปแซวรุ้งมากรุ้งเลยงอนเลย แต่ไม่ต้องกลัวหยากไย่หรอกรุ้ง แค่ล้างออกหยากไย่หายวับไปกับตา ใช้งานได้ทันที แต่ก่อนที่จะล้างหยากไย่หาผู้ชายก่อนนะรุ้ง” แรกๆ ก็ดูเหมือนหทัยชนกจะมีพวก แต่ที่ไหนได้เกวลินกับแซวทับ ก่อนจะหันหน้าไปหัวเราะกับอัญญาณีที่หัวเราะนำจนพุงกระเพื่อมไปก่อนหน้า คนที่เขินอายก็อายหนักเข้าไปใหญ่ กำปั้นน้อยๆ จึงทุบไปยังแขนของเพื่อนสนิททั้งสอง ที่หลบอุตลุดก่อนจะลุกขึ้นวิ่งหนีไปยังบ้านพัก โดยมีร่างของหทัยชนกหญิงสาวจอมเขินอายวิ่งตามไป ภูกระดึงเป็นสถานที่ที่สามสาวเพื่อนสนิทเลือกที่จะมาพักผ่อน ถือเป็นการเที่ยวสั่งลาก่อนที่เกวลินจะเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ กลิ่นอายความรัก มิตรภาพ ความผูกพันที่มีมานานสิบกว่าปี โอบล้อมรอบกายของพวกเธอ ทุกสิ่งอย่างที่บังเกิดขึ้นในความรู้สึกมันจะตราตรึงหัวใจของทั้งสามไปจนชั่วนิรันทร์ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงจริงหรือ? สามเดือนผ่านไป ภายหลังจากที่หทัยชนกกับอัญญาณีไปส่งเกวลินที่สนามบินสุวรรณภูมิ หทัยชนกได้เดินทางกลับไปยังเชียงใหม่เพื่อดูแลกิจการร้านทองที่เปิดสาขาใหม่ที่นั่น ส่วนอัญญาณีก็วุ่นๆ อยู่กับการดูแลลูกๆ ส่งผลให้ทั้งสามสาวห่างกันโดยปริยาย ทว่าห่างแต่กายเท่านั้น ใจยังผูกพันเชื่อมโยง เพราะโทรศัพท์คือการสื่อสารที่ไม่ทำให้พวกเธอห่างกัน แม้ว่าจะอยู่ไกลกันคนละจังหวัด หรือคนละประเทศ และวันนี้ก็เป็นวันแรกในรอบสามเดือนที่หทัยชนกกับอัญญาณีจะได้เจอกัน หทัยชนกเดินทางมากรุงเทพฯ พร้อมกับของขวัญกล่องใหญ่ สมกับร่างกายของเจ้าของวันเกิด เธอเดินเข้ามาในบ้านเช่าของอัญญาณีในเวลาประมาณหนึ่งทุ่ม พอเข้ามาในบ้านก็พบว่ามีเพื่อนของเจ้าของบ้านที่เธอรู้จักและไม่รู้จักนั่งอยู่ในบ้าน “สุขสันต์วันเกิดนะเกตุ ขอให้พี่ชาติรักเกตุมากๆ และขอให้มีความสุขที่สุดเลย” หทัยชนกยื่นของขวัญกล่องพิเศษตรงหน้าอัญญาณีที่ยิ้มร่ากับของขวัญที่เพื่อนสนิทมอบให้ และคำอวยพรที่ถูกใจ “ขอบใจนะรุ้ง ว่าแต่ทำไมปีนี้กล่องของขวัญมันใหญ่จัง” ปกติทุกปีที่ได้รับของขวัญวันเกิดจากหทัยชนก กล่องของขวัญจะมีขนาดกะทัดรัด แต่ปีนี้ใหญ่กว่าทุกปี อัญญาณีจึงอดที่จะถามไม่ได้ “ก็เจ้าของวันเกิดตัวใหญ่ ของขวัญก็เลยต้องใหญ่ตามตัวไง” หทัยชนกเย้าเพื่อนกลับด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่า ทำให้ชายคนหนึ่งเกิดอาการใจสั่นขึ้นมาในทันทีทันใด “โห...เมื่อปีที่แล้วฉันก็ตัวใหญ่ย่ะ ไม่เห็นของขวัญจะใหญ่ตามตัวเลย แต่ช่างเถอะ...แค่รุ้งเอามาให้เกตุ เกตุก็ดีใจแล้ว ไปนั่งกินของอร่อยๆ กันดีกว่านะ” อัญญาณีคว้ามือเพื่อนสาว แล้วพากันไปทรุดนั่งลงบนพื้นกระเบื้องของบ้าน ที่มีเพื่อนอีกหลายคนของสาวอ้วนนั่งล้อมวงอยู่ บุคคลหนึ่งที่ล้อมวงนั่งอยู่บนพื้นนั้น ได้มองหน้าหทัยชนกที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับตนเองนิ่ง ใบหน้าของเธอแม้จะไม่สวยโดดเด่น แต่ก็มองแล้วไม่น่าเบื่อเพราะมีลักยิ้มสองจุดที่ขึ้นกลางแก้ม เป็นเสน่ห์ที่ทำให้ตะวันถึงกับชะงัก หัวใจสั่น ลมหายใจเกือบสะดุด เขาผ่านผู้หญิงมามากแต่ไม่มีใครทำให้ความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นกับเขาเลย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD