สิ่งเล็กๆ

1704 Words
“มีอะไรก็เข้าไปคุยกันข้างใน โบวี่...” ผมผ่อนลมหายใจยาวเหยียดหลังจากฟังคำจากปากของนักดนตรี ก่อนหันไปส่งสายตาให้ผู้จัดการ “ได้ค่ะเจ้านาย” โบวี่พยักหน้าอย่างรู้งาน แต่ยังไม่ทันที่โบวี่จะเคลื่อนไหว คู่กรณีของนักดนตรีก็เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน “ไม่มีอะไรต้องคุยแล้วล่ะค่ะ คนแย่ๆ แบบนี้ไม่มีใครอยากให้มาเป็นพ่อของลูกหรอก กลับกันเถอะค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น จ้องนักดนตรีอย่างจะกินเลือดกินเนื้อแล้วเชิดหน้าเดินออกไปพร้อมกับผู้ชายที่มาด้วยกัน บรรยากาศรอบข้างตกอยู่ในความอึมครึมหลังจากสองคนนั้นจากไป ผมชำเลืองมองนักดนตรีขณะที่มืออีกข้างยังกุมขมับตัวเองเอาไว้ “พี่จะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของเรา แต่ทุกการกระทำมีผลตามมาเสมอ คราวหลังจะทำอะไรก็คิดให้มันดีๆ” “ยังไม่รู้เลยว่าที่สองคนนั้นพูดมาเรื่องจริงหรือเปล่า” นักดนตรีทำหน้าปวดร้าว เพราะตอนนี้ทุกสายกำลังมองมาที่มันอย่างประณามไม่ต่างจากสายตาของผู้หญิงคนก่อนหน้า ผมส่ายหน้า ยิ่งมันปัดป้องเรื่องราวให้พ้นตัวก็ยิ่งดูแย่ ความจริงเป็นไงผมไม่รู้หรอก รู้แค่ว่าต้องยุติสถานการณ์ไทยมุงนี่ให้เร็วที่สุด ผมหันไปทางผู้จัดการ “โบวี่ จัดการที่เหลือด้วย” “ค่ะ แล้วแผลเจ้านาย?” “ไม่ต้องห่วง พี่ไม่เป็นไรมาก เพชรอยู่ช่วยโบวี่เคลียร์สถานที่ด้วย” “เอ่อ... ได้ครับ” ไอ้เพชรที่ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรก่อนหน้านี้พยักหน้ารับอย่างไม่มีทางเลือก หลังออกคำสั่งเสร็จผมก็เดินออกมาทันที พอคนเห็นว่าไม่มีเรื่องมีราวให้เผือกแล้วก็แยกย้ายสลายตัวโดยไม่ต้องให้ใครบอก ผมเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าวก็มีคนเข้ามาขวาง “ตะวัน?” ผมเอ่ยชื่อคนตรงหน้าออกมาอย่างแปลกใจปนสับสน ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรเสียงเรียกชื่อผมอย่างร้อนใจก็ดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงของปายก้าวฉับๆ ออกมาจากทางออฟฟิศ “พี่ไนท์!” “....” ตะวันสีหน้าอึมครึมลงทันทีเมื่อมีคนเข้ามาแทรก “ผมได้ยินว่าพี่โดนตี พี่เจ็บตรงไหน แผลลึกหรือเปล่า ไปเดี๋ยวผมพาไปโรงบาล” ปายโพล่งออกมาเป็นชุด มันทำท่าจะเข้ามาจับมือข้างที่ผมกุมขมับออกเพื่อดูบาดแผลแต่ผมไหวตัวหลบ ส่งสายตาหยุดปายเอาไว้ “ไม่เป็นไร แผลแค่นี้ทำเองได้” ผมไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ ขี้เกียจถ่อไปโรงพยาบาลด้วยไม่ใช่อะไร “งั้นผมช่วยพี่ทำแผล” ปายแสดงท่าทางเป็นห่วงผมอย่างชัดเจน ผิดกับตะวันที่เอาแต่ยืนมองไม่พูดอะไร แต่แค่มันยืนเฉยๆ ผมก็รู้สึกดีแล้ว แปลกเหมือนกัน “มึงมีอะไรหรือเปล่า” ผมหันเหความสนใจจากปายไปที่ตะวัน “ไม่มีอะไร แค่…” มันเว้นช่วงแล้วมองแผลผมด้วยสายตาสลับซับซ้อน “ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว” มันพูดจบแล้วก็หมุนตัวจะเดินออกไป ใจผมเต้นไม่เป็นส่ำ เอ่ยปากเรียกมันเอาไว้อย่างไม่ทันคิด “อย่าเพิ่งไป” “….” ตะวันชะงัก หันใบหน้าด้านข้างมามอง พอคิดได้ว่าทำอะไรลงไปผมก็พูดไม่ออก แต่ระดับผมมีเหรอจะเผยท่าทางประหม่าให้ใครเห็นง่ายๆ ผมยังคงรักษาความสงบเยือกเย็นเอาไว้ เอ่ยกับตะวันเสียงราบเรียบ “มีธุระจะคุยด้วย ตามมา” “....” ตะวันเลิกคิ้วมองผมด้วยสายตาเป็นคำถาม “พี่ไนท์?” เสียงปาย “โทษทีกูมีธุระคงอยู่เป็นเพื่อนมึงไม่ได้ มึงจะอยู่ต่อจนร้านปิดก็ได้เดี๋ยวกูให้ผู้จัดการมาดูแล” ผมพูดกับปายอย่างเอาใจใส่ ไม่ได้คิดจะทิ้งขว้างหรือว่าลืมมันเลย แต่ท่าทางของปายกลับไม่ได้ยินดีเลยสักนิด มันหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด มองผมกับตะวันสลับกันไปมา “ไม่เป็นไร ผมมาเพื่อเจอพี่ ถ้าพี่ไม่อยู่ผมก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ” ปายพูดน้ำเสียงปกติแต่ผมรู้สึกได้ว่ามันไม่พอใจที่โดนทิ้ง “ได้ เอาตามที่มึงสะดวก” ผมพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินออกมา โดยมีตะวันตามมาด้านหลังเงียบๆ ผมเดินนำตะวันมาจนถึงที่จอดรถก็หันกลับไปโยนกุญแจรถให้มัน “อะไร” ตะวันเอ่ยอย่างข้องใจแต่ก็รับกุญแจรถเอาไว้ได้อย่างแม่นยำ “มึงขับ” ผมพูดสั้นๆ หันกลับมาเตรียมขึ้นรถ แต่เป็นตะวันทั้งทีมีเหรอจะยอมทำตามที่ผมบอกอย่างว่าง่าย มันโวยวาย “ทำไมกูขับ? แล้วสรุปมึงมีอะไรจะคุยกับกู รีบๆ พูดมา กูรีบกลับไปนอน” “อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้ได้มั้ย กูปวดหัว มึงขับรถพากูกลับไปทำแผลที่ห้องก่อน” “แล้วทำไมมึงไม่ให้ไอตี๋ปายไปส่ง ท่าทางมันห่วงมึงมาก” “มึงนั่นแหละดีแล้ว” ตะวันอึ้งไปครู่หนึ่ง มันมองผมด้วยสายตาเคลือบแคลงก่อนจะทำเสียงจิ๊ปากแล้วพูดอย่างตัดรำคาญ “เออ! ขึ้นรถ เดี๋ยวกูไปส่ง” “….” ผมควานหากระดาษทิชชู่มาเช็ดเลือดหลังเข้ามานั่งในรถ ความจริงอยากล้างคราบเลือดที่ห้องน้ำแต่กลัวตะวันมันหนีไปซะก่อน “ไปโรงบาลไหม” ตะวันหันมาถาม “ไม่ต้อง แวะซื้อยาร้านสะดวกซื้อก็พอ” “แน่ใจว่าแผลไม่ลึก?” “อืม” ผมส่งเสียงตอบในลำคอก่อนจะเอนหลังเข้ากับเบาะแล้วหลับตาลงหลังจากเช็ดคราบเลือดเหนียวๆ ที่เปื้อนตามแขนกับใบหน้าออกแล้ว ผมปิดเปลือกตาตลอดทางจนถึงร้านสะดวกซื้อ ตะวันก็ไม่ได้พูดอะไร ไม่รู้มันไม่อยากรบกวนผมหรือไม่อยากเปลืองน้ำลายกับผมกันแน่ รถจอดสนิท ผมลืมตาขึ้น ร้านสะดวกซื้ออยู่ตรงหน้า ตะวันหันมาถาม “จะเอาอะไร” ผมนิ่งชั่วครู่เพราะแปลกใจ ไม่คิดว่ามันจะออกหน้าเองโดยที่ผมไม่ต้องขอร้อง แต่เอาตรงๆ ผมไม่มีความคิดจะใช้มันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตั้งใจจะลงไปซื้อเอง “พวกยาล้างแผล ยาทาแผล กูไปเองดีกว่า” “ไม่ต้อง มึงรอนี่ล่ะ เดี๋ยวพนักงานเห็นสภาพมึงแล้วตกใจ กูไปซื้อให้” พูดเสร็จตะวันก็ลงจากรถไปอย่างไวเหมือนกลัวว่าร้านจะปิดหนียังไงยังงั้น เห็นแล้วตลกฉิบหาย ผมมองตะวันเดินเข้าร้านสะดวกซื้อรู้สึกตัวอีกทีก็เผลอยิ้มออกมา อึก! นี่เราจะยิ้มทำไม... ผมหุบยิ้มหลังจากตั้งสติได้ เอาโทรศัพท์มาทักหาผู้จัดการระหว่างรอตะวัน ผมแชตคุยกับโบวี่สักพักตะวันก็กลับเข้ามาในรถ มันส่งถุงยามาให้ด้วยท่าทางเหมือนไม่เต็มใจทำ เสียงแข็งหน้าก็แข็ง “เอาไป!” “ขอบใจ” ผมรับมาอย่างไม่ใส่ใจท่าทีของอีกฝ่าย เปิดถุงออกดูของข้างใน มีน้ำเกลือ ผ้าก๊อซ ยาแดง สำลี กระทั่งยาทายากินมาครบ ตอนแรกที่ผมบอกจะลงไปซื้อเองเพราะกลัวว่าตะวันจะซื้อมาไม่ครบ แต่นี่กลับมาเต็มกว่าที่ผมคิดไว้อีก ไม่ประทับใจก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วว่ะ ตะวันวางมือบนพวงมาลัยพลางเหลือบมองผมที่กำลังไล่ดูของในถุง “มึงจะล้างแผลที่นี่หรือไปที่ห้อง” “กลับห้อง” ผมบอกสั้นๆ ตะวันนิ่ง ขมวดคิ้วหน้าเครียดแต่ก็ออกรถขับไปส่งผมที่คอนโดโดยไม่ปริปากบ่น พอถึงคอนโด จอดรถเสร็จ ตะวันส่งกุญแจรถคืนผมแล้วก็เดินออกไป “มึงจะกลับเลยเหรอ” ผมโพล่งถาม มันตอบ “อือ” สั้นๆ โดยไม่หันกลับมา “แล้วจะกลับยังไง” ผมถามต่อ รู้สึกไม่สบายใจที่ทำให้มันลำบากโดยใช่เหตุ “นั่งวิน” ตะวันหันหน้ากลับมาตอบและจ้องหน้าผมค้างอยู่แบบนั้นเหมือนกำลังรอให้ผมพูด ซึ่งผมก็ไม่ได้รังเกียจเลยที่จะพูดกับผม “แล้วนี่มึงต้องกลับไปเอารถก่อนหรือเปล่า” “อืม” “เอากุญแจมา” ผมเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าตะวันพร้อมกับแบมือออกไป “อะไร” มันทำหน้างง “เดี๋ยวให้คนไปเอาให้” ผมอธิบาย ตะวันขมวดคิ้วข้องใจ มันครุ่นคิดเกี่ยวกับคำพูดผมครู่หนึ่งก็ปฏิเสธตามประสาคนดื้อด้าน “ไม่ต้อง กูจะกลับอยู่แล้ว กูไปเอาเองได้” “ส่งกุญแจมา” “ก็บอกว่าไม่เป็นไรไง แล้วมึงจะให้ใครไปเอารถกู ไว้ใจได้เหรอ” “ไรเดอร์เจ้าประจำ” “ไรเดอร์? เสียเวลารออีก กูไปเองยังจะไวกว่า” ตะวันส่ายหน้าไม่เห็นด้วยกับความคิดผม มันผละตัวออกไป “เชื่อกูเถอะ ให้คนไปเอารถให้แล้วมึงก็ไปนั่งตากแอร์เย็นๆ รอที่ห้องกู ช่วยกูดูแผลด้วย” ตะวันชะงัก มองตาผม มองแผลที่มุมหน้าผากผม ดวงตาเรียวคมฉายแววคิดหนัก (อีกแล้ว) อย่างกับกำลังแก้โจทย์คณิตศาสตร์โอลิมปิกก็ไม่ปาน ล่อซะผมลุ้นตามเลยเนี่ย “ไม่นานแน่นะ” ตะวันเอ่ยขึ้นมาในที่สุด “อะไรไม่นาน” “คนที่มึงจะใช้ให้ไปเอารถกูไง” “เดี๋ยวเรียกตอนนี้เลย” ผมกดโทรหาไรเดอร์ที่ใช้บริการเป็นประจำทันที รอไม่นานปลายสายก็กดรับ ผมบอกจุดประสงค์ที่โทรหาทันที อีกฝ่ายตอบรับอย่างไม่อิดออด ผมจึงนัดให้มาเอากุญแจที่ห้องแล้ววางสาย “เรียบร้อย เดี๋ยวน้องมันมาเอากุญแจที่ห้อง” ผมบอกตะวันแล้วส่งสายตาเรียกให้มันเดินตามมา ตะวันลังเลแต่ก็ยอมตามผมมาแต่โดยดี “มาบ่อยเหรอ” ตะวันถามระหว่างทาง “ใคร” “ไรเดอร์” “อืม ส่วนใหญ่ก็มาส่งข้าว สะดวกดี”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD