คำไหว้วาน

1829 Words
หลายวันต่อมาก็ได้ยินว่าพี่กันต์ตามมาง้อไอ้เอิร์ธถึงหอพัก ไม่รู้ง้อด้วยวิธีไหนถึงทำให้ไอ้เอิร์ธใจอ่อนยอมคืนดีด้วย พอรู้ว่ามันตกลงใจคบหากับพี่กันต์ผมก็อยากเบ้ปากใส่ ไอ้คนที่พูดเสียงแข็งว่าไม่อยากตกเป็นของเล่นของพี่ชายหายหัวไปไหนแล้ววะ ช่างเถอะ ในเมื่อมันเลือกแล้ว ผมก็ได้แต่เคารพการตัดสินใจของมัน หลังจากไอ้เอิร์ธเคลียร์ใจกับพี่กันต์ มันก็แทบจะล่องหน นอกจากเวลาเรียนแล้วก็แทบจะไม่โผล่มาให้เห็นหน้าเลย เฮ้อ ช่างไอ้เอิร์ธเถอะ ยังไงตอนนี้มันก็สมหวังแล้วผมก็ควรหยุดเป็นห่วงมันสักที “วัน บัตรรูดไม่ได้” “หืม” บีบีเดินเข้ามากระซิบทำให้ผมรู้สึกตัว มองบัตรเครดิตในมือบีบีอย่างข้องใจ “ไม่ได้เหรอ” “วันไปคุยกับพนักงานเอาเอง เดี๋ยวบีไปรอข้างนอก” บีบีทิ้งบัตรเอาไว้ในมือผมแล้วสะบัดหน้าเดินออกไปทันที ท่าทางไม่พอใจนั่นทำผมพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดมากกับท่าทีของบีบี ผมถือบัตรเดินกลับไปหาพนักงานที่เคาน์เตอร์แล้วขอให้รูดบัตรอีกรอบ รูดไม่ได้จริงๆ “บัตรน่าจะโดนระงับค่ะลูกค้า” เสียงพนักงานดังก้องอยู่ในหัว ผมยิ้มแห้งรับบัตรคืน มองนาฬิกาเรือนที่บีบีเลือกเอาไว้แล้วได้แต่เอ่ยขอโทษพนักงานแล้วเดินออกมาด้วยใบหน้าเจื่อนๆ บัตรโดนระงับได้ยังไงวะ เมื่อวานก็ยังรูดได้ปกติ มัวแต่จ้องบัตรเครดิตในมือไม่ได้ดูทางจนเกือบชนเข้ากับคนที่หน้าร้าน โชคดีที่ยั้งฝีเท้าเอาไว้ทันไม่งั้นคงปะทะกันโครมไปแล้ว พอเงยหน้าขึ้นกำลังจะอ้าปากบอกขอโทษที่เดินไม่ระวังแต่คนตรงหน้าผมกลับเป็นไอ้ไนท์ ทำเอาผมอึ้งพูดไม่ออกไปชั่วขณะ อะไรจะบังเอิญขนาดนี้วะ ไอ้ไนท์เห็นผมยืนปากอ้าตาค้างอยู่กับที่ ทำอะไรไม่ถูก มันเองก็มีท่าทางแปลกใจที่เจอผมที่นี่ ไอ้ไนท์มองผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกก่อนเผยรอยยิ้มจางๆ ที่มุมปาก “เจอกันอีกแล้ว” “อืม” ผมส่งเสียงตอบมันอย่างลนลาน ไม่กล้ามองมันตรงๆ ด้วยซ้ำ รีบก้มหน้าเดินเลี่ยงออกมาแต่ไอ้ไนท์กลับยื่นมือขวางเอาไว้ ผมขมวดคิ้ว ชำเลืองมองไอ้ไนท์ด้วยสายตาเป็นคำถาม ไม่รู้มันตั้งใจจะทำอะไร ผมยิ่งไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาคนรอบข้างอยู่ด้วย “มีเรื่องอยากให้ช่วย” จู่ๆ แม่งก็พูดออกมาแบบนั้นแถมยังใช้สายตาจริงจังมองผมอีก ผมกำลังจะบอกปัดมันก็พูดสวนขึ้นมาราวกับอ่านใจผมออก “ห้ามปฏิเสธ” ผมมองสบตากับไอ้ไนท์นิ่งครู่หนึ่ง ถึงอยากวิ่งหนีไปให้ห่างจากมันมากแค่ไหนแต่สายตาเฉียบขาดที่คล้ายมีแววขอร้องจางๆ แฝงอยู่ของมันก็ทำผมฝืนใจต่อต้านไม่ลง สุดท้ายผมก็ได้แต่ถอนหายใจพยักหน้าตอบรับ “ว่ามา จะให้ช่วยอะไร” ใครจะไปคิดว่าไอ้ไนท์ให้ผมช่วยเลือกนาฬิกา ตอนที่มันบอก ผมโพล่งออกไปทันควันว่าทำไมมึงไม่เลือกเอง มันกลับตอบสั้นๆ เนิบๆ ว่า “ขี้เกียจ” ผมได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้วอย่างจนคำพูด เห็นผมทำหน้ายุ่งยากมันก็อธิบายต่ออีกหนึ่งประโยค “ซื้อเป็นของขวัญให้ผู้ใหญ่” “ของขวัญ?” “อือ” มันส่งเสียงตอบในลำคอพลางเดินมองนาฬิกาที่อยู่ในตู้โชว์อย่างไม่รีบร้อน ผมที่หลงกลเดินตามมันกลับเข้ามาในร้านดึงสายตาจากนาฬิกาพวกนั้นมาจ้องใบหน้าที่ออกจะเฉยชาของมันอย่างตำหนิ “มึงให้กูเลือกของขวัญแทน มึงจะซื้อให้ใครกูยังไม่รู้เลย” ที่สำคัญให้คนอื่นเลือกของขวัญแทนมันใช่เรื่องที่สมควรทำเหรอวะ “หึ ทำไม หรือว่ามึงหึง” ผมถลึงตาใส่มันทันที กัดฟันกรอดอย่างไม่พอใจ “หึงเหี้ยไรล่ะ” “งั้นก็ช่วยเลือกมาสักเรือน อันไหนก็ได้” ไอ้ไนท์ไม่ใส่ใจท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยงของผม แถมยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะซื้อนาฬิกาให้ใคร แต่พอเหลือบมองนาฬิกาหรูพวกนั้นก็ยังทำใจเลือกส่งๆ ไม่ลง ถ้าไม่รู้รายละเอียดของคนที่มันจะซื้อให้ก็ตัดสินใจไม่ได้ ผมไม่อยากเสียเวลา ตอนนี้บีบีน่าจะรออยู่ข้างนอก ผมต้องรีบไปอธิบายเรื่องบัตรเครดิตถึงจะยังไม่รู้สาเหตุที่บัตรโดนระงับก็เถอะ “กูรีบ มีคนรอกูอยู่ มึงเลือกเองเถอะ” ผมพูดเร็วๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่อยากพูดถึงแฟนต่อหน้าไอ้ไนท์ นี่ผมเกรงใจอะไรอยู่วะ “คน? กูนึกว่ามึงมาคนเดียว” “กูไม่ได้มาคนเดียว” ผมยืนกรานแต่เสียงกลับไม่หนักแน่นเท่าไหร่พอนึกถึงท่าทางผิดหวังของบีบีที่เอาบัตรมาคืนเพราะรูดไม่ได้เสียงผมก็แผ่วปลาย “แล้วมึงมากับใคร” ไอ้ไนท์ถามอย่างไม่คิดอะไร แต่พอเห็นผมเงียบไม่ตอบ มันก็หันมามองก่อนจะเอียงคอรอฟัง จากที่มันเฉยๆ ในตอนแรกแววตาคมเข้มก็ส่อประกายอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที ผมบ่ายหน้าหนี “เรื่องของกู” “หืม?” ไอ้ไนท์เอียงคอตามทันที “ไปละ” ผมทนสายตาไอ้ไนท์ไม่ไหว รีบเดินออกมาแต่เพิ่งก้าวขาได้ข้างเดียวเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ผมชะงัก เอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เห็นชื่อบีบีโชว์หราอยู่บนจอ ผมไม่คิดจะรับสายตรงนี้แน่นอน รีบสาวเท้าออกจากร้านโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองข้างหลัง พอออกมาหน้าร้านผมก็รับสายทันที ยังไม่ทันถามไถ่ว่าทำอะไรอยู่ที่ไหนปลายสายก็พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่าจะกลับแล้วมีธุระก่อนจะวางสายไปอย่างไว ผมยืนเคว้ง ไม่รู้ว่าที่บีบีทำแบบนี้เพราะกำลังงอนหรือว่ามีธุระจริงๆ แต่ต่อให้มีธุระจริงก็ไม่เห็นต้องรีบตัดสายกันแบบนี้ แถมไม่อธิบายอะไรอีก คิดๆ ดูแล้วน่าจะเป็นเพราะไม่พอใจผมจริงๆ นั่นแหละ เฮ้อ ไว้เคลียร์เรื่องบัตรเครดิตได้แล้วค่อยกลับมาเอานาฬิกาเรือนนั้นให้บีบีทีหลังแล้วกัน ผมครุ่นคิด หันกลับไปมองร้านนาฬิกาเห็นร่างสูงของไอ้ไนท์ยังยืนอยู่หน้าตู้กระจกหลังเดิม ผมมองแผ่นหลังของมันอย่างลังเลก่อนก้าวกลับเข้าไปในร้าน ความรู้สึกคลุมเครือ “หือ” ไอ้ไนท์หันมามองอย่างแปลกใจ “ไหนว่าไปแล้ว” ดูมันไม่ยินดียินร้ายสักนิดว่าผมจะมาหรือไป ไอ้สัส กูไม่น่าเดินกลับเข้ามาให้เสียหน้าเลยว่ะ ผมข่มความไม่พอใจที่พลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุเอาไว้ มองมันด้วยสายตานิ่งๆ “กูไม่รีบ มึงจะซื้อนาฬิกาแบบไหน เดี๋ยวกูช่วยดูให้” ไอ้ไนท์มองหน้าผมเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่างแต่มันคงรู้ว่าไม่ควรยั่วเย้าผมไปมากกว่านี้เพราะความอดทนผมต่ำ ไอ้ไนท์พยักหน้า ครู่หนึ่งก็เล่ารายละเอียดให้ฟัง “แบบที่คนมีอายุชอบ” “อายุ... เท่าไหร่” ผมค่อนข้างแปลกใจกับคำตอบแต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าไม่ดีออกมา สายตามองปราดไปที่นาฬิกาในตู้กระจก “หกสิบหก” “....” ผมชะงัก “พ่อกูเอง” คราวนี้ผมหันกลับไปมองหน้าไอ้ไนท์อย่างอิหลักอิเหลื่อ พอรู้ว่าเป็นของขวัญให้คนในครอบครัวมันผมก็อยากถอนตัวขึ้นมาทันที “มึงแน่ใจเหรอว่าจะให้กูเลือก” “อืม” ไอ้ไนท์ส่งเสียงในลำคอ ดวงตาคมหลุบลงเหมือนมีอะไรอยู่ในใจ ครู่หนึ่งมันก็เอ่ยออกมา “กูไม่ถูกกับพ่อ แค่ซื้อพอเป็นพิธี” ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลย ไม่รู้มันมีปัญหาอะไรกับพ่อ เรื่องภายในครอบครัวคนอื่นไม่ใช่หน้าที่ผมที่จะเข้าไปสอด อีกอย่างผมกับมันแทบไม่เกี่ยวข้องอะไรกัน แต่เห็นท่าทางโดดเดี่ยวของมันแล้วอารมณ์ผมก็พลอยห่อเหี่ยวไปด้วย “เออๆ เดี๋ยวกูดูให้ ไม่ถูกใจก็อย่ามาบ่นทีหลังล่ะ” ผมแสร้งทำเป็นตัดรำคาญ แต่ความจริงในใจกลับเกิดความรู้สึกซับซ้อนที่อธิบายไม่ถูก พลันใบหน้าอมทุกข์ของไอ้ไนท์ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มละมุนพร้อมกับยื่นบัตรให้ผมแล้วเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน “งั้นก็ฝากด้วยนะ เดี๋ยวกูนั่งรอ” ไอ้ไนท์เดินไปนั่งที่โซนเก้าอี้รับรองอย่างสบายใจเฉิบ พนักงานที่ตอนแรกแค่จับตามองผมกับไอ้ไนท์เงียบๆ ไม่ได้คิดจะสนใจพอเห็นไอ้ไนท์เดินไปนั่งไขว่ห้างด้วยมาดคุณชาย พนักงานก็เดินกรีดกรายเข้าไปหามันพร้อมกับยิ้มโปรยเสน่ห์มาแต่ไกล เอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวาน “คุณลูกค้าสนใจรุ่นไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ” ด้วยประโยคนั้นทำให้ผมหันกลับไปมอง ถ้าไอ้ไนท์มันขอความช่วยเหลือจากพนักงานผมก็ไม่จำเป็นต้องช่วยมันเลือก จะได้เอาบัตรไปคืนมันแล้วรีบกลับไปง้อบีบี สายตาประเมินที่พนักงานคนนั้นมองไอ้ไนท์ทำให้ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าบนตัวไอ้ไนท์มีแต่ของแบรนด์เนม ขณะที่ผมแต่งตัวธรรมดาแถมบัตรเครดิตโดนระงับอีก ไม่แปลกใจเลยที่พนักงานจะทำเหมือนผมไม่มีตัวตนแล้วไปประจบไอ้ไนท์แทน “ไม่จำเป็น เดี๋ยวน้องชายผมเลือกเอง” “เอ่อ… ค่ะ งั้นเชิญคุณลูกค้าตามสบายเลยนะคะ” พนักงานคนสวยโดนปฏิเสธแบบนั้นก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนแล้วปลีกตัวออกมา เห็นแล้วก็สงสาร พี่สาวเข้าหาผิดคนแล้ว ถ้ารู้ว่าไอ้หน้าหล่อที่ตัวเองพยายามหว่านเสน่ห์เป็นเกย์ไม่รู้จะทำหน้ายังไง ผมลอบถอนหายใจ แต่คำว่าน้องชายของไอ้ไนท์ได้ยินแล้วรู้สึกกระดากหูยังไงบอกไม่ถูก ผมอยากตะโกนใส่หน้ามันจริงๆ ว่ากูไปเป็นน้องชายมึงตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมมองหน้าไอ้ไนท์และเหมือนมันจะรู้ตัวว่าผมมีปัญหากับคำว่า ‘น้องชาย’ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนมุมปากของมันทันที ผมขมวดคิ้ว รู้สึกว่าถ้าสบตามันนานกว่านี้อาจจะมีเรื่องไม่ดีไม่งามเกิดขึ้น ผมรีบละสายตาจากไอ้ไนท์ หันกลับมาเลือกนาฬิกาอย่างตั้งอกตั้งใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD