ไม่สบอารมณ์

1547 Words
ตลอดเวลาที่อยู่ในร้านกาแฟ ผมไม่มองไปทางโต๊ะที่ไอ้ไนท์กับฝรั่งนั่นนั่งอยู่เลย จนแพรสะกิดผม “นั่นใช่พี่ที่เคยไปกินข้าวที่ร้านหรือเปล่า” “อืม ใช่” ผมตอบอย่างไม่มีทางเลือก “แล้วไม่ทักกันเลยเหรอ” “ทักกันแล้ว” “หือ” แพรเลิกคิ้วสีหน้าสงสัยว่าพวกผมไปทักกันตอนไหน ก็ตอนสบตากันนั่นล่ะ ผมติต่างเอาว่านั่นคือการทักทาย “เห็นมากับคนอื่นเลยไม่อยากไปขัดจังหวะ” ผมเอ่ยต่อ แพรพยักหน้าหงึกหงักแต่ก็ยังส่งสายตามองไปทางโต๊ะที่ไอ้ไนท์นั่งอยู่เป็นระยะ ผมกดดูเวลา ก่อนจะเอ่ยขึ้น “อีกสิบนาทีสิบเอ็ดโมงไปเลยไหม” “ไปสิ” ผมกำลังลุกขึ้น ไอ้ไนท์กับฝรั่งนั่นก็ลุกออกจากโต๊ะเหมือนกัน บังเอิญอะไรอย่างนี้วะ ผมกับแพรเดินออกจากร้านตามหลังสองคนนั่น เว้นระยะห่างกันพอสมควร แต่ทิศทางที่พวกมันมุ่งไปดันเป็นทางเดียวกันกับพวกผมอีก ผมขมวดคิ้ว อย่าบอกนะว่ามันก็มาดูหนังเหมือนกัน ในแถวซื้อป๊อปคอร์น “….” ไอ้ไนท์กับฝรั่งนั่นเข้าคิวรอซื้อป๊อปคอร์นอยู่หน้าพวกผมไม่กี่คิว ให้ตายสิวะ ถ้าเป็นหวยผมก็คงถูกรางวัลไปแล้ว นี่ถ้าดูเรื่องเดียวกันอีกมีเฮเลยนะ หลังจากซื้อป๊อปคอร์นเสร็จ ผมตามแพรเข้าไปข้างใน ตอนนี้ไม่เห็นเงาของไอ้ไนท์กับฝรั่งนั่นแล้ว ผมสอดส่ายสายตาไปทั่ว ไม่รู้ว่าสองคนนั้นอยู่โรงไหน ภายในโรงปิดไฟมืด จอกำลังฉายตัวอย่างหนังเรื่องอื่นอยู่ แต่คนดูเข้ามาจับจองที่กันเยอะแล้ว ผมยังไม่ทันมองหาแถวที่นั่ง แค่เดินลงบันไดมาขั้นเดียวก็สะดุดเข้ากับนาฬิกาของคนที่นั่งเบาะ VIP ริมทางเดิน ผมรู้สึกคุ้นก็เลยหันไปมอง ถึงข้างในจะมืดแต่แสงจากจอหนังก็เพียงพอให้เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย “…!!!” “….” ต่างคนต่างตกใจกันและกัน แม้แต่มันเองก็คงไม่คิดว่าจะเจอผมในโรงหนังแบบนี้ แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรับรู้ว่ามันนั่งอยู่ตรงนี้ เดินตามหลังแพรไปยังที่นั่งแถวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดูหนังก็เหมือนไม่ได้ดู ผมกระวนกระวายใจบอกไม่ถูก อยากหันกลับไปดูด้านหลังแต่ศักดิ์ศรีมันค้ำคอ จะเอาโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหามันก็รู้สึกไม่เหมาะอีก เกือบสองชั่วโมงที่อยู่ในโรงหนังผมจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยสักนิด ช่วงที่หนังจบผมรีบลุกขึ้นมองไปทางเบาะ VIP เห็นแต่หลังไอ้ไนท์ไวๆ เดินออกประตูไป ผมเร่งฝีเท้าตามแต่กลับถูกแพรตะโกนเรียกจากด้านหลัง “อ๊ะ วันรอแพรด้วย” ผมเพิ่งนึกได้ หันกลับไปหาแพรอย่างรู้สึกผิด “โทษที รีบไปเข้าห้องน้ำน่ะ” “อ้าวเหรอ อื้อ งั้นแพรรอด้านหน้านะ” “อืม” ผมแยกออกมาเข้าห้องน้ำชาย ถึงแม้หนังเพิ่งฉายจบ คนแห่ออกมาพร้อมกันแต่ห้องน้ำกลับไม่ค่อยมีคน ผมชะงักเพราะจำฝรั่งตาน้ำข้าวที่ยืนกอดอกอยู่หน้าห้องน้ำชายได้ ถ้ามันอยู่นี่งั้นก็แปลว่าไอ้ไนท์อยู่ข้างใน? ผมเดินผ่านฝรั่งตาน้ำข้าวเข้าห้องน้ำด้วยความรู้สึกคาดหวังแล้วก็เจอไอ้ไนท์จริงๆ มันล้างมือในอ่างเสร็จหันกลับมาก็ปะทะสายตากับผมเข้าพอดี บรรยากาศรอบข้างคล้ายหยุดชะงัก ความรู้สึกดีที่ได้เจอหน้ามันแผดซ่านไปทั้งใจแต่ดันไม่รู้จะพูดอะไรดี “หนังสนุกไหม” ผมนึกอะไรไม่ออก ถามออกไปเสียงลน “อืม ก็สนุกดี ไปก่อนนะ” ไอ้ไนท์พูดกับผมปกติ มันเดินผ่านผมออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความรู้สึกในใจผมก็เหี่ยวแฟบลงทันที “ฝรั่งนั่นใคร” ผมโพล่งถามอย่างไม่คิด ไอ้ไนท์หันกลับมาพลางเลิกคิ้ว มองผมด้วยสายตาคมกริบ “ทำไม หึงเหรอ” ผมนิ่งไปครู่หนึ่ง ไม่คิดว่ามันจะย้อนกลับมาแบบนี้ “ใครหึงมึง กูแค่ถามเฉยๆ” “แล้วไป” ไอ้ไนท์มองผมด้วยสีหน้าและแววตาล้อเลียน “แต่ว่าเรื่องส่วนตัว กูไม่จำเป็นต้องตอบ” “ส่วนตัวเหี้ย…” ผมเกือบจะตะคอกใส่มันอย่างเคยตัวแต่มีคนเข้ามาซะก่อนทำให้ผมต้องกลืนคำพูดลงคอ ถลึงตาใส่มันอย่างไม่พอใจ ไอ้ไนท์กระตุกยิ้มมุมปากอย่างเป็นต่อ มันยักคิ้วกวนๆ ให้ผมก่อนจะเดินเฉียดผมออกไปทั้งแบบนั้น บ้าเอ๊ย! ผมมองตามแผ่นหลังของมันอย่างไม่สบอารมณ์ ผมทำธุระเสร็จ ไอ้ไนท์กับฝรั่งตาน้ำข้าวก็ไม่อยู่แล้ว ผมเดินออกมาหาแพรที่รออยู่ด้านหน้า ถึงจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดแต่ที่จริงแล้วกำลังหงุดหงิดสุดๆ “วันรีบหรือเปล่า เราไปหาร้านกินข้าวก่อนไหม” แพรเอ่ยขึ้นระหว่างเดินออกจากหน้าโรงหนัง ผมดูเวลาในโทรศัพท์ บ่ายกว่าแล้ว… ถ้าไม่ใช่เพราะผมเจอไอ้ไนท์ในห้องน้ำผมคงตอบรับคำชวนของแพรไปแล้ว ตอนนี้ผมกำลังอารมณ์ไม่ดี ไม่อยากให้แพรได้รับผลกระทบไปด้วย ใครจะรู้ผมอาจจะเผลอโมโหหรือทำอะไรไม่ดีใส่แพรก็ได้ เพราะงั้นแยกกันตรงนี้สบายใจกว่า “ไม่ล่ะแพร เดี๋ยวไปกินทีเดียวที่ร้าน วันนี้ขอบใจนะที่เลี้ยงหนัง” ผมพูดกับแพรอย่างสุภาพ แพรทำหน้าเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่างแต่ผมไม่รอฟังเดินออกมาทันทีที่พูดจบ พอขึ้นรถผมก็ทนไม่ไหวไถโทรศัพท์เลื่อนดู Facebook ไอ้ไนท์ แต่กลับไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรของวันนี้เลย ตกลงว่าไอ้ฝรั่งตาน้ำข้าวนั่นเป็นใครวะ หรือจะเป็นคู่ขาคนใหม่… เส้นประสาทตรงขมับผมชาหนึบเมื่อนึกถึงว่าตัวเองก็ไม่ต่างกัน บางทีผมคงเป็นหนึ่งในคู่ขาของมันด้วย และมันก็อาจจะเบื่อผมแล้วเหมือนกัน เหี้ยเอ๊ย… แล้วทำไมกูต้องรู้สึกแย่กับเรื่องนี้ด้วยวะ ช่างแม่ง! ไม่สนมึงแล้วโว้ยยยย เที่ยงคืนเศษ… ร้านไอ้ไนท์ หลังขับรถกลับจากร้านอาหาร ผมลังเลอยู่นานก็ตัดสินใจโทรชวนคนไปกินเหล้า แต่ที่มามีแค่รุ่นพี่ ส่วนเพื่อนผมสามคนนั้นมันปฏิเสธ คนหนึ่งก็บอกอยากนอน อีกสองคนที่เหลือก็ติดเกม ชวนยังไงก็ไม่ยอมมา “วันนั้นที่พี่ส่งข้อความไปชวนกินเหล้า ตะวันไม่ติดใจใช่ไหม” พี่พิมพ์เอ่ยขึ้นหลังจากนั่งดื่มกันมาได้สักพัก วันนี้ผมจอดรถทิ้งไว้ที่หอพักแล้วนั่งวินมาเพราะงั้นดื่มได้แต่ก็ไม่กล้าดื่มเยอะอยู่ดี พรุ่งนี้ไม่อยากแฮงก์ไปทำงาน เดี๋ยวคนที่ร้านแซว ถ้ามีคนเอาไปฟ้องแม่ผมก็ซวยอีก แต่ตอนนี้ผมควรหยุดสนใจเรื่องตัวเองแล้วตอบคำถามพี่พิมพ์ก่อน ถ้าจำกันได้ ก็พี่พิมพ์นี่แหละที่ทำให้ผมตาสว่างเรื่องบีบี ถ้าไม่ใช่เพราะแชตชวนกินเหล้าคืนนั้นผมก็คงจะหูหนวกตาบอดต่อไป “ไม่ติดใจพี่ ขอบคุณนะที่ทำให้ผมตาสว่าง” “อืม… พี่จะเข้ามาคุยเรื่องนี้กับตะวันหลายรอบแล้วล่ะ แต่อยู่มหาลัยก็ไม่เจอกันสักที จะชวนมาแฮงก์ก็เกรงใจเห็นว่าต้องทำงานร้านอาหารใช่ไหม” ความจริงผมกับพวกรุ่นพี่ก็สวนกันไปสวนกันมา แค่ไม่มีเวลามานั่งจับกลุ่มคุยกันเท่านั้น “ครับ” “แล้วพรุ่งนี้ไม่ทำงานเหรอ ทำไมชวนพวกพี่ออกมาดื่มได้ล่ะ” “อ่อ… ปะเปล่า ทำปกติ แค่อยากดื่มน่ะ” “หืม… หรือว่ามีเรื่องกลุ้มอกกลุ้มใจอะไรหรือเปล่า พี่เป็นที่ปรึกษาได้นะ” พี่พิมพ์พูดพลางกรีดสายตาแพรวพราวอย่างออกนอกหน้า ผมหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ พูดคุยเรื่องอื่นกับพวกรุ่นพี่ต่อสักพักก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ ความจริงผมแอบมาหาไอ้ไนท์ที่ออฟฟิศ แต่พนักงานบอกว่าไอ้ไนท์ไม่อยู่ ไม่มีใครรู้ว่ามันจะเข้ามาที่ร้านไหม ผมรู้สึกผิดหวังที่อุตส่าห์มาถึงนี่แล้วไม่ได้เจอมัน พอดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปอารมณ์ก็ยิ่งเข้มข้นขึ้นในขณะที่ความเป็นเหตุเป็นผลลดลง หลังจากรู้ว่าไอ้ไนท์ไม่อยู่ร้านผมก็ไม่ได้กลับไปที่โต๊ะ ส่งข้อความไปขอโทษรุ่นพี่ที่กลับก่อนพร้อมกับโอนเงินค่าเหล้าเข้าบัญชีรุ่นพี่ด้วย จะได้ไม่มาโวยวายผมทีหลังว่ากินแล้วชิ่ง ผมเดินมาโบกวินมอเตอร์ไซค์หน้าถนน บอกพี่วินให้ไปส่งที่คอนโดไอ้ไนท์

Read on the App

Download by scanning the QR code to get countless free stories and daily updated books

Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD