แค่ปลอบใจ [ ทิชชู่++ ]

1692 Words
ผมมองใบหน้านิ่งขรึมของไอ้ไนท์ด้วยสายตาระแวง มารอกูทำไมวะ หรือว่าคิดจะมาแก้แค้นให้น้องมัน แต่ถ้ามันจะแก้แค้นทำไมไม่ทำตั้งแต่อยู่สถานีตำรวจวะ ผมพยายามเรียบเรียงความคิดในหัวใหม่แต่ก็ยังไม่ดีเท่าไหร่ คำพูดที่เอ่ยออกไปจึงปิดอาการเลิ่กลั่กไม่มิด “มีอะไร” “ใครมาประกันตัวให้” “ถามทำไม” “แค่ถามดู ออกมาได้ก็ดีแล้ว ไปกันเถอะ” ไอ้ไนท์มันบี้บุหรี่กับซองจนดับแล้วยัดมวนที่เหลือกลับเข้าไปในซองบุหรี่ตามเดิมก่อนหันมามองหน้าผม “ไปไหน” ผมถอยหลังครึ่งก้าว มองสบสายตาคมกริบของมันอย่างหวาดๆ ทำไมดูดุจังวะ ผมนึกถึงคราวที่มันเข้ามารับหมัดผมด้วยมือเดียวตอนอยู่ในผับขึ้นมาแล้วก็กลืนน้ำลายเอือก “แล้วแต่มึงเลย” “....” ผมมองตอบสีหน้าจริงจังของไอ้ไนท์ด้วยแววตาสับสน ไม่เข้าใจว่ามันต้องการอะไรจากผมกันแน่ “แล้วทำไมกูต้องไปกับมึง” พอผมพูดประโยคนั้นออกมาไอ้ไนท์ก็เดินเข้ามาประชิด ผมถอยกรูดทันที แต่ก็ถูกมันเข้าถึงตัวอยู่ดี มันทาบฝ่ามือกับแก้มผม ใบหน้าอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ ผมกลั้นหายใจมองเครื่องหน้าคมคายหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ ทั่วทั้งตัวแข็งทื่อทันที “มึงทำร้านกูเละ ไม่คิดจะรับผิดชอบหน่อยเหรอ” “อึก” คอนโดไอ้ไนท์... ผมยอมรับว่าขับรถมาถึงคอนโดมันเพราะถูกแรงกดดันจากไอ้ไนท์บีบบังคับกลายๆ ทำให้ผมไม่กล้าขัดขืน หรือจะบอกว่ายินยอมคล้อยตามแบบจำนนเพราะความผิดที่ได้ทำเอาไว้ “กูขอโทษ” ผมเอ่ยขึ้นหลังจอดรถเสร็จ แต่ยังไม่ได้ลงไปไหน “ขอโทษเรื่องไร” “ก็ที่กูก่อเรื่องที่ร้านมึง ค่าเสียหายเท่าไหร่ ส่งบิลล์มาเดี๋ยวกู” ผมกำลังจะบอกว่าเดี๋ยวกูรับผิดชอบเอง แต่คำพูดยังไม่ทันหลุดจากปาก ริมฝีปากก็โดนประกบปิดด้วยจูบที่อบอวลไปด้วยกลิ่นบุหรี่ หัวใจผมกระตุกแรง เบิกตากว้างอย่างตั้งตัวไม่ทัน ลมหายใจชะงักค้างขณะที่ความหวามไหวรุกล้ำจู่โจมเข้ามาต่อเนื่อง ไอ้ไนท์ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้คิดอะไรเลย มันโหมจูบผมอย่างดุดันราวกับสัตว์ป่าที่หิวกระหาย รู้ตัวอีกทีผมก็ถูกมันครอบงำไปทั้งตัว ซิปกางเกงผมถูกรูดลงตอนไหนก็จำไม่ได้ ฝ่ามือไอ้ไนท์ลูบคลำบนผิวกางเกงชั้นในอวบอูมอย่างมีนัยแฝง ล่อซะผมอารมณ์เตลิดแล้วเตลิดอีก ผมพยายามดึงสติตัวเองกลับมา จับข้อมือไอ้ไนท์เอาไว้ก่อนเบือนริมฝีปากหลบจูบที่ตามประชิดไม่ห่าง “ทำแบบนี้ทำไม” ไอ้ไนท์ไม่ตอบ มันประกบปิดปากผมแทบจะทันที ฝ่ามือกดคลึงบนแท่งเนื้ออุ่นที่แข็งดุนเนื้อผ้าขึ้นมา ก่อนจะกระชากกางเกงชั้นในผมลงไป ทำให้ของที่มันอุดอู้อยู่ข้างในโผล่พรวดออกมาเผชิญกับอากาศข้างนอก ความรู้สึกเย็นวาบคงอยู่ได้ไม่นานก็ถูกแทนที่ด้วยความร้อนกรุ่นจากฝ่ามือของไอ้ไนท์ มันโอบกำแก่นกายผมเต็มมือ บีบคลายด้วยจังหวะเร้าอารมณ์สลับกับรูดขึ้นลงกระตุ้นความกระสันไม่หยุด ผมเสียวจนต้องกลั้นหายใจ ใบหูร้อนผ่าว ลมหายใจคุกรุ่นไปด้วยกลิ่นอายปรารถนา ริมฝีปากไอ้ไนท์ประคองจูบผมไม่ห่าง ราวกับกลัวว่าผมจะหลุดมือหรือไม่ก็ตื่นจากหลุมพรางอารมณ์ที่มันสร้างขึ้น ความจริงผมปล่อยตัวปล่อยใจไปนานแล้ว ตั้งแต่ที่มันไม่ตอบคำถามโผเข้าจูบผมรอบสองนั่นแหละ เพราะคิดว่าไม่มีอะไรเสียหาย อย่างน้อยมันก็ไม่ท้อง ถ้าจะติดก็มีแค่กลัวคนเห็นเพราะอยู่ในรถเท่านั้นเอง ผมกำลังเคลิ้มอยู่ดีๆ ไอ้ไนท์มันก็หยุดมือ ผละริมฝีปากออก ผมมองมันอย่างงงๆ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร มันก็ก้มหน้าลงไปครอบปากเข้ากับท่อนเนื้อแข็งตึงของผม สัมผัสฉ่ำชื้นในโพรงปากของไอ้ไนท์ทำผมเสียวจนเกร็งปลายเท้า กดศีรษะมันอย่างเร้าอารมณ์ “อึก... อ่าส์” มันใช้ปากทำจนผมถึงจุดสุดยอด ก่อนปลดปล่อยผมเตือนมันแล้วแต่ไอ้ไนท์กลับไม่ยอมผละหน้าออก หนำซ้ำยังใช้ลิ้นกับแรงดูดปากกระตุ้นให้ผมถึงฝั่งฝันไวขึ้นอีก ผมเสร็จในปากมันแบบไม่อาจหลีกเลี่ยง ทว่าแทนที่มันจะถอยออกมากลับยังอมน้องชายผมเอาไว้ในปากแล้วกลืนลงคอเสียงดังอึกๆ ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่มันกลืนของผม แต่ผมก็ยังไม่ชินและคงไม่มีทางชินกับเรื่องนี้ แม่งไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอวะ น้ำว่าวนะเว้ยไม่ใช่ชาน้ำผึ้งมะนาวจะได้ดื่มแล้วชุ่มคอ ผมมองก้อนผมบนตักด้วยสายตากังขา เสียงดูดเม้มเล็มเลียอย่างออกรสออกชาติมาพร้อมกับอาการเสียววูบวาบแล่นปราดจากท่อนเอ็นที่เริ่มแข็งตัวขึ้นมาใหม่กระจายไปทั่วร่าง “อือ~” ผมส่งเสียงครางลอดลำคอเมื่อถูกดูดดึงอย่างเร่าร้อน “อา…” ผมยกหลังมือขึ้นกดปากตัวเอง เสียววูบวาบกระทั่งหายใจยังไม่เป็นจังหวะ สมองเบลอไปหมด นึกอะไรไม่ออก ตอนนี้จุดรวมความสนใจทั้งหมดของผมอยู่ที่ลีลาในการใช้ปากของไอ้ไนท์ มันทำผมจะเสร็จรอบสองแล้ว… “อึก กูจะเสร็จแล้ว” ผมบอกเพื่อให้มันไหวตัวทัน จะได้ไม่แตกใส่ปากมันเหมือนครั้งที่แล้ว “อือ” ไอ้ไนท์ครางตอบเสียงอู้อี้ขณะที่ยังอมอยู่ เหมือนมันรับรู้แล้วและอนุญาตให้ผมเสร็จได้ ผมไม่อยากทำตัวหยาบคายกับมันแต่ผมหยุดความต้องการของร่างกายไม่ได้ หยัดสะโพกขึ้นแล้วปล่อยสายธารแห่งความสุขสมในปากของมันอีกรอบ มันกลืนลงไปจนหมดจรดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเลียริมฝีปาก นัยน์ตาคมเปล่งประกายยั่วยวนภายใต้ความมืดสลัวในรถ ผมเผ้าไอ้ไนท์ยุ่งเหยิงเห็นแล้วชวนหัวใจละลาย ผมยื่นมือไปช่วยมันเสยผมอย่างไม่รู้ตัว “….” ไอ้ไนท์ชะงัก “….” ผมชะงัก มือที่จับผมไอ้ไนท์หยุดกึก ค้างอยู่ครู่หนึ่งก็จัดเส้นผมของมันต่อทำให้เข้าที่เข้าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไอ้ไนท์มองหน้าผมเงียบๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ผมสบตามันด้วยความรู้สึกประหม่า ลดมือลงอย่างเก้ๆ กังๆ “กูไม่รู้มึงทำแบบนี้ทำไม” “กูแค่ไม่อยากให้มึงคิดอะไรมาก” ไอ้ไนท์ทิ้งตัวเอนหลังกับเบาะแล้วพูดออกมาขณะผ่อนลมหายใจยาวเหยียด ผมถือโอกาสนี้รูดซิปกางเกงเก็บของลับให้เรียบร้อย “มึงทำแบบนี้กูยิ่งคิดมาก” ผมพิงศีรษะกับเบาะนั่งด้วยท่าทางผ่อนคลาย เอียงหน้ามองมัน “....” “นี่คือวิธีที่มึงให้กูรับผิดชอบเหรอ” ผมนึกถึงคำพูดมันก่อนหน้านี้ขึ้นมา แล้วถามออกไปอย่างสงสัย รู้สึกไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่เพราะมองยังไงคนที่ได้ประโยชน์ก็คือผม ไอ้ไนท์หัวเราะ “หึๆ” ในลำคอแล้วพูดต่อ “แล้วแต่มึงจะคิดเลย” “กูไม่เอาเปรียบมึงหรอก ค่าเสียหายเท่าไหร่ก็ส่งบิลล์มา เดี๋ยวกูเคลียร์ให้” “ค่าเหล้าไม่กี่พันมึงยังไม่คืนกูเลยนะ” “เออ เดี๋ยวโอนทีเดียวพร้อมกัน” ผมบอก รู้สึกฉุนเล็กน้อยเมื่อถูกทวงหนี้เก่า “ไม่เป็นไร กูยกให้” “อะไร” ผมมองมันด้วยสายตาไม่ไว้ใจ “ค่าเสียหายทั้งหมดในคืนนี้ กูยกให้ มึงไม่ต้องชดใช้แม้แต่บาทเดียว” “ได้ยังไง” “ถือว่าเป็นค่าปลอบใจแล้วกัน” “เห้ย! มึงคิดจะเอาเงินฟาดหัวกูเหรอ” “ไม่ใช่” “ไม่ใช่แล้วหมายความว่ายังไง” “กูแค่อยากชดเชย” “ชดเชยอะไร เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมึง คนที่ควรรู้สึกผิดและขอโทษกูคือสองคนนั้นต่างหาก” ผมหมายถึงไลท์กับบีบี นี่ถ้าไอ้ไนท์ไม่ออกตัวก่อนผมก็คงตีโพยตีพายโทษมันด้วยอีกคนในฐานะที่มันเป็นพี่ชายไอ้ไลท์ แต่มันดันแสดงความจริงใจกับผมขนาดนี้ ผมจะโมโหมันลงได้ยังไง โว้ย... มึงแม่งเจ้าเล่ห์สัสๆ “ไม่มีใครมาขอโทษมึงหรอก ลืมซะเถอะ” ไอ้ไนท์พูดออกมา ไม่ได้ถนอมใจผมเลย “กูรู้ มึงไม่ต้องย้ำ กูแค่เจ็บใจที่ถูกคบซ้อน” “น้องบีบีนั่นคือแฟนที่มึงคบอยู่เหรอ” “เออสิ!” “แล้วมึงทำไงต่อ” “ทำใจ” “เลิกเลยเหรอ” “อืม” ผมนึกถึงท่าทางของบีบีก่อนหน้านี้ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้อาลัยอาวรณ์ผมเลยแล้วผมจะเสียดายทำไม “ดีแล้วที่มึงคิดได้” “กูแค่ไม่อยากจมปลักอยู่กับคนที่ไม่ซื่อสัตย์ มันไม่มีประโยชน์” “อืม คิดดี” “ว่าแต่มึงเหอะ คิดอะไรอยู่” “หืม” ไอ้ไนท์เลิกคิ้วตีหน้ามึนมองผมกลับด้วยสายตาคมปลาบ “เซอร์วิสกูขนาดนี้ คิดอะไรอยู่หรือเปล่า” “คิด...” ไอ้ไนท์มันพูดออกมาคำหนึ่งแล้วหยุด นั่งหลังตรงมองผมแววตาล้ำลึกยากหยั่งถึง “...คิดว่ามึงคงอยากมีใครสักคนคอยปลอบใจ แค่ปลอบใจ...” ไอ้ไนท์เอ่ยย้ำราวกับกลัวว่าผมจะเข้าใจเจตนาของมันผิด แค่ปลอบใจงั้นเหรอ คนประเภทไหนกันที่ยินดีปลอบใจคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ผมกระตุกยิ้มมุมปาก มองใบหน้าหล่อเหลาเย้ายวนไม่แพ้ใบหน้าผู้หญิงของไอ้ไนท์ ความเห็นแก่ตัวผุดขึ้นในใจ ถ้าให้เลือกระหว่างกลับไปนอนห่อเหี่ยวอยู่ห้องคนเดียวกับมีคนให้นอนกอดบนเตียงผมก็ต้องเลือกอย่างหลังอยู่แล้ว “กูต้องการคนปลอบใจจริงๆ นั่นแหละ” ​
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD