2

1271 Words
“เอ...แล้วมันเรื่องอะไรกันนะ ใหญ่พอจะรู้ไหมลูก” ดวงดาราหันมาถามบุตรชายที่เป็นเพียงคนเดียวที่ไม่อยากรู้เรื่องนี้ “ผมไม่ทราบครับคุณแม่” จอมทัพตอบตามตรง การสนทนาของคนภายในห้องยุติลง เมื่อลิขิตก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับนภาพรภรรยาน้อย สกาวใจมองค้อนสามี ก่อนจะจิกสายตาใส่นภาพรที่ยกมือไหว้ แต่แทนที่นานๆ จะได้อยู่กันพร้อมหน้าสักครั้ง สีหน้าทุกคนจะชื่นมื่น ตรงกันข้ามกลับมีความอึดอัดลายล้อมไปทั่วบริเวณ โดยเฉพาะสกาวใจ ผู้สูงวัยอายุเจ็ดสิบปีที่ไม่อยากจะมานั่งอยู่ในห้องนี้ แต่ก็จำยอมมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “มีอะไรก็รีบพูดมาดีกว่า ฉันรู้สึกคลื่นไส้เมื่อเห็นหน้าใครบางคน เดี๋ยวความดันฉันขึ้น” สกาวใจเชิดหน้าพูดใส่สามี ปรายตามองนภาพรภรรยาน้อยอย่างเกลียดชัง อยากจะลุกขึ้นไปกระชากผมแล้วตบหน้าให้สาสมกับความคั่งแค้นในจิตใจ “นานๆ ทีจะอยู่กันพร้อมหน้า พูดดีๆ กันไม่ได้หรือไง” ลิขิตอ่อนใจเรื่องนี้ไม่น้อย แล้วรู้ดีว่าสิ่งที่ตนทำนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและไม่สมควรให้อภัย เขาจึงไม่คิดโกรธเคืองในคำพูดของสกาวใจที่มักจะพูดเหน็บแนมและแขวะเนืองๆ “คุณไม่เป็นฉัน คุณไม่รู้หรอกว่าฉันรู้สึกยังไง คุณทำแบบนี้เท่ากับหยามหน้าฉันนะ” สกาวใจแหวใส่สามี ที่นั่งถอนใจอย่างระอา แต่เขาก็พูดอะไรมากไม่ได้เพราะความผิดติดตัว เสมือนชะนัดติดหลัง “เอาล่ะ ผมจะพูดเรื่องที่ตั้งใจจะพูดก็แล้วกัน บรรยากาศมันจะได้ไม่อึดอัดไปมากกว่านี้” “งั้นก็รีบพูดมา ฉันจะได้ขึ้นไปพักผ่อน” สกาวใจยังคงทำเสียงแข็งใส่สามี พร้อมกับตวัดตามองภรรยาน้อยที่ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายด้วยความชิงชัง “คุณพ่อมีเรื่องอะไรครับถึงได้เรียกมารวมตัวกันที่นี่ ผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องสำคัญแน่ๆ” น้ำเสียงนี้เป็นของวิมุตที่อยากรู้ไม่น้อยว่า เหตุผลของการรวมตัวครั้งนี้คืออะไร “เรื่องที่พ่อจะพูดก็คือ พ่อจะให้ใหญ่แต่งงาน พ่อหาผู้หญิงที่จะมาเป็นเมียใหญ่ไว้แล้ว” ทุกคนที่ได้ยินเรื่องสำคัญนี้ ต่างพากันตกใจเพราะไม่คิดว่า หัวข้อเรื่องจะออกมาเป็นรูปแบบนี้ โดยเฉพาะจอมทัพที่ตกใจมากที่สุด รีบค้านทันท่วงที “ไม่ครับคุณปู่ ผมไม่แต่ง ยังไงผมก็ไม่แต่ง” จอมทัพ ชายหนุ่มวัยสามสิบสองปี ผู้ครองตัวเป็นโสดเพื่อรอวันแต่งงานกับหญิงสาวอันเป็นที่รัก เอ่ยเสียงดังฟังชัด ประกาศจุดยืนชัดเจน “ผมไม่มีวันแต่งงานกับใครนอกจากน้ำหวานคนเดียว” “แต่แกต้องแต่งกับผู้หญิงที่ฉันหาให้ ถ้าไม่แต่งแกกับฉันขาดกัน” ลิขิตตอบกลับเสียงกร้าว ด้วยท่าทีไม่ยอม จ้องมองหลานชายเขม็ง บรรยากาศภายในห้องเริ่มอึดอัดมากขึ้น และมีความตกใจเข้าแทรก เป็นเพราะทุกคนไม่เคยได้ยินน้ำเสียง รวมทั้งท่าทางแข็งกร้าวของลิขิตเช่นนี้มาก่อน ลิขิตไม่เคยบังคับลูกหลานให้ทำในสิ่งที่ตนต้องการ เขาจะถามความสมัครใจของลูกหลานทุกครั้งว่า เต็มใจทำในเรื่องที่ตนบอกหรือไม่ แต่เรื่องนี้กลับไม่ใช่ ประมุขของบ้านใช้วิธีบังคับและความเผด็จการเป็นที่ตั้ง “คุณนึกยังไงถึงหาเมียให้ใหญ่ ร้อยวันพันปีไม่เคยสนใจหลานเลย หรือว่าถูกใครเป่าหู” สกาวใจไม่วายแขวะนภาพร “คุณอย่านอกเรื่อง เรื่องนี้ผมคิดเอง แล้วมันจะต้องเป็นไปตามที่ผมต้องการด้วย” ลิขิตยังคงเสียงแข็งเช่นเดิม “แล้วแกก็ต้องทำตามที่ฉันต้องการการด้วย” “ผมไม่แต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น ผมจะแต่งงานกับน้ำหวานคนเดียวครับคุณปู่” จอมทัพประกาศจุดยืนของตนเองที่ตั้งมั่นมากว่าสิบห้าปี ในหัวใจของเขามีเพียงธนัสสรณ์คนเดียว จะให้แต่งงานกับหญิงสาวที่ไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้า เขาทำไม่ได้ อีกประการหนึ่งเขาได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับเธอไว้ว่า เจ้าสาวของตนคือ ธนัสสรณ์คนเดียวเท่านั้น “แกจะแต่งกับน้ำหวานไม่ได้ ฉันไม่ยอม หัวเด็ดตีนขาดยังไงฉันก็ไม่ยอม แกต้องทำตามที่ฉันบอก ไม่อย่างนั้นฉันจะตัดแกออกจากกองมรดก แล้วแกก็ต้องไสหัวออกไปจากบ้านหลังนี้ อ้อ...ไปแต่ตัวนะ ฉันจะยึดทุกอย่างที่เป็นของแก” ลิขิตใช้ไม้เด็ดเพราะนึกว่ามันจะได้ผล และคำพูดประโยคนี้เองที่ทำให้ทุกคนในห้องพากันเงียบกริบ สีหน้ายังเต็มไปด้วยความตกใจ สกาวใจไม่เคยเห็นสามีเป็นเช่นนี้มาก่อน ท่าทางเอาจริง ไม่ยอมอ่อน ไม่ใช่นิสัยของลิขิต นางเริ่มสงสัยแล้วว่า ต้องมีเหตุผลซ่อนเร้นอยู่ ไม่เช่นนั้นลิขิตคงไม่บังคับถึงขั้นตัดญาติขาดมิตร “คุณปู่อยากทำอะไรก็ตามสบายเลยครับ เพราะถึงยังไงผมก็ไม่มีวันแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นแน่นอน ผมไม่กลัวอดตายอยู่แล้ว มีสมองและสองมือผมเชื่อว่า ผมอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งมรดกของคุณปู่” จอมทัพไม่ใส่ใจหากลิขิตจะทำตามที่ประกาศ เขาไม่แคร์เรื่องทรัพย์สมบัติเพราะคิดว่า ตนเองมีความสามารถพอที่จะยืนอยู่ด้วยลำขาของตัวเอง “คุณพ่อครับ ผมว่าใจเย็นๆ ก่อนดีกว่านะครับ ค่อยๆ พูดกัน” วิมุตนิ่งอยู่เฉยไม่ได้ สถานการณ์เริ่มด่ำดิ่งลงเหวทุกขณะ บิดาเขามีทีท่าแข็งกร้าว ในขณะที่บุตรชายก็ไม่ยอมถูกคลุมถุงชน ก่อนจะหันมาปรามลูกชายที่อารมณ์ไม่สู้ดีนัก “ใหญ่ก็ใจเย็นๆ อย่าพูดกับคุณปู่แบบนี้” “แกอย่ามาทำผยองกับฉันนะ แกอย่าลืมสิว่า ที่แกยืนอยู่ในสังคมจนถึงทุกวันนี้ สุขสบายบนกองเงินกองทอง มีคนนับหน้าถือตาเพราะใคร ถ้าไม่เพราะฉัน หัดสำนึกในบุญคุณบ้าง ไม่ใช่มาพูดจาราวกับไม่เห็นหัวฉันแบบนี้” ลิขิตพูดเหมือนทวงบุญคุณ “ผมเคารพรักคุณปู่เสมอ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมยอมไม่ได้ ชีวิตเป็นของผม ผมขอเลือกเอง แล้วผมก็ขอเลือกไม่แต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น อย่างที่บอกไปผู้หญิงที่ผมจะแต่งงานด้วยคือน้ำหวาน” จอมทัพพยายามใจเย็นให้มากที่สุด อย่างน้อยลิขิตก็เป็นปู่และเป็นผู้มีพระคุณของตน ทว่าเรื่องชีวิตคู่ เขาขอลิขิตเอง ไม่ยอมถูกคลุมถุงชนเด็ดขาด “ผมขอตัวนะครับ ผมคิดว่าไม่มีอะไรจะพูดแล้ว” จอมทัพลุกเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นทันทีที่พูดจบ เพราะคิดว่า ถึงอยู่ต่อไปก็คงไม่พ้นมีปากเสียงกับลิขิต เขาไม่อยากจะปะทะคารม แสดงกิริยาที่ทำให้เห็นว่าไม่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้าน อีกทั้งเขาเองก็ไม่มีวันยอมทำตามความต้องการของคนเป็นปู่ ฉะนั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่ในห้องนี้ สู้ไปสงบสติอารมณ์ในห้องน่าจะดีที่สุด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD