10
“ว่าแต่คุณพ่อคุณแม่ของแก้วทำงานอะไรคะ นามสกุลไม่คุ้นหูเลย หรือว่าจะมีกิจการอยู่ต่างจังหวัดประมาณว่า เป็นเจ้าของรีสอร์ท เจ้าของไร่ส้ม ไร่องุ่นหรือไม่ก็ไร่กาแฟอะไรเทือกนี้ใช่ไหมจ้ะ”
สกาวใจอดทนกับความสงสัยไม่ไหว นางคิดว่า การที่ลิขิตหาคู่ให้หลานรัก หญิงสาวคนนั้นจะต้องมีพื้นเพที่ดี มีฐานะและร่ำรวย เพื่อจะได้เทียบเทียมกับตระกูลรุจิเวโรจ ทว่านามสกุลใจจันทร์ทึกที่นางได้ยิน นอกจากจะไม่คุ้นหูยังรู้สึกว่าเป็นนามสกุลบ้านๆ เหมือนคนไม่มีชาติตระกูล แต่คิดไปคิดมาหากไม่มีชาติตระกูลลิขิตคงไม่บังคับให้จอมทัพแต่งงานกับเธอแน่ หรืออาจจะเป็นเศรษฐีบ้านนอก สิ่งเดียวที่จะทำให้ความสงสัยคลายลงคือ ต้องถามให้รู้แจ้ง
“ไม่ใช่ค่ะครอบครัวของแก้วคงไม่มีปัญญาเป็นเจ้าของรีสอร์ตหรือเจ้าของไร่ค่ะ แก้วเปิดร้านเบอเกอรี่และกาแฟอยู่แถวศาลาแดงค่ะ ส่วนพ่อกับแม่ทำอาชีพรับจ้างค่ะ”
สกาวใจคิ้วขมวดยุ่ง สีหน้าแปลกใจกับคำตอบที่ได้ยิน เท่าที่ฟังครอบครัวศรัญญาเป็นชนชั้นธรรมดา ไม่ได้อยู่ในชนชั้นสูงหรือมีชาติตระกูลเทียบเทียมรุจิเวโรจน์ แล้วเหตุใดลิขิตจึงเลือกศรัญญามาเป็นหลานสะใภ้ ทั้งที่มีลูกหลานคุณหญิงคุณนายอีกหลายสิบคนให้เลือก หรือแม้แต่ธนัสสรณ์ หญิงสาวที่หลานชายมอบหัวใจให้ แม้ว่าฐานะไม่เทียบเท่า แต่ก็เป็นคนมีตระกูล น่าจะถูกเลือกมาเป็นคนแรกไม่ใช่หรือ กลับถูกมองข้ามไปเลือกศรัญญา ช่างน่าแปลกเหลือเกิน ไม่ใช่เพียงสกาวใจที่แปลกใจ วิมุต ดวงดาราและบุตรสาวอีกสองคนก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ทว่าไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้า
“ผมคงลืมบอกคุณไปว่า แก้วเป็นหลานสาวของเล็ก ผมเห็นแก้วมาตั้งแต่เล็ก แก้วเป็นเด็กดี ขยัน มีความมุ่งมั่นและเรียบร้อย คุณสมบัติอาจจะไม่ดีเด่นเท่าคนในสังคมชั้นสูง แต่ผมเชื่อว่า แก้วจะเป็นเมียและสะใภ้ที่ดีได้ ซึ่งผมคิดว่า ผมคิดไม่ผิด”
“กรี๊ดดดด” สกาวใจกรีดร้องออกมาทันทีที่สามีพูดจบประโยค “คุณเอามันมาเป็นเมียไม่พอ ยังจะเอาหลานมันมาเป็นหลานสะใภ้อีกเหรอ คุณหลงมันขนาดบังคับใหญ่ให้แต่งงานกับหลานของมันเหรอ คุณไม่รักลูกหลานเลยใช่ไหม ไม่เห็นใจใครเลยสักคนใช่ไหม”
สกาวใจระเบิดเสียงใส่ลิขิตด้วยความตกใจ อัดอั้นและความโกรธ เดิมทีนางรู้สึกเอ็นดูศรัญญา แต่พอมารู้ว่าเธอคือใคร ความเกลียดชังวาบขึ้นในจิตใจสกาวใจทันที ตวัดสายมองศรัญญาอย่างเปิดเผยความรู้สึก คนถูกมองหลบสายตาแทบไม่ทัน
นอกจากสกาวใจจะตกใจกับประวัติของศรัญญา วิมุต ดวงดารา จอมทัพและพี่สาวน้องสาวของเขาก็ตกใจไม่แพ้กัน ทุกคนไม่คิดว่า ศรัญญาจะเป็นหลานของนภาพร ต่างคิดกันว่า เธอจะเป็นลูกหลานเพื่อนสนิทของลิขิต รูปการณ์ออกมาเป็นเช่นนี้ เห็นทีศรัญญาจะอยู่ในบ้านหลังนี้ยากเสียแล้ว และนั่นทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารโอบล้อมไปด้วยความอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนนิ่งเงียบต่างคนต่างมองหน้ากัน
“ที่ผมทำ ผมไม่ได้ทำเพราะเล็กเป่าหูอย่างที่คุณคิด ผมทำไปเพราะผมมีเหตุผล” ลิขิตตอบกลับเสียงสุขุม
“เหตุผลบ้าบออะไร ไหนคุณบอกฉันสิว่าคุณทำอย่างนี้ทำไม” สกาวใจเดือดไม่หาย ตะเบ็งถามสามี
“ผมว่าคุณกินข้าวต่อดีกว่านะ วันนี้เป็นวันดี ผมไม่อยากทะเลาะกับคุณ” ลิขิตพยายามทำใจเย็น เพราะเวลานี้ภรรยาหลวงกำลังร้อน “เสร็จพิธีเข้าหอ ของที่คุณอยากได้ก็จะเป็นของคุณ หรือว่าคุณไม่อยากได้ ถ้าไม่อยากได้ก็แสดงอภินิหารก็ได้นะ”
สกาวใจกำมือแน่น โกรธสามีก็โกรธ ทว่าความโลภก็มีมากกว่า อีกทั้งในใจนางคิดไว้ว่า กระทำสิ่งใดตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เนื่องจากศรัญญาเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของจอมทัพและเป็นหลานสะใภ้ของตนแล้ว จะขัดขวางก็คงไม่ทันการณ์ แต่ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ก็ไม่แน่ สู้นางเก็บเรี่ยวแรง เก็บเสียงเกรี้ยวกราด เก็บความโกรธแค้นไว้ชำระความกับศรัญญาภายหลังก็ยังไม่สาย เพราะถึงอย่างไรศรัญญาก็อยู่บ้านหลังนี้ บ้านชายคาเดียวกับตน
การรับประทานอาหารมื้อนี้ไร้ซึ่งความอร่อยไปโดยปริยาย ต่างคนต่างทานอาหารกันอย่างเงียบๆ ไม่มีเสียงสนทนาใดๆ ทั้งสิ้น สกาวใจฝืนทานอาหารไปเพียงไม่กี่คำก็รวบช้อน ก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งสงบสติอารมณ์ในห้องรับแขก หลังจากการรับประทานอาหารฝืดคอเสร็จสิ้น พิธีต่อไปคือส่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอ
จอมทัพกับศรัญญานั่งบนพื้นห้อง โดยมีบิดามารดาของทั้งคู่นั่งริมเตียง ทั้งสี่อวยพรคู่บ่าวสาวตามธรรมเนียม จากนั้นลิขิตกับนภาพรให้พรเป็นคู่ต่อมา รั้งท้ายด้วยสกาวใจที่พูดเพียงว่า ขอให้มีความสุขในชีวิตคู่ ทว่าน้ำเสียงและสีหน้าไม่ได้แสดงออกถึงความยินดีแม้แต่น้อย
“ประนอมไปเอาน้ำชามา” ลิขิตสั่งประนอม คนถูกสั่งเดินถือถาดน้ำชาตามคำสั่ง “น้ำชานี้เป็นของขวัญจากปู่ ดื่มซะชีวิตคู่จะได้ราบรื่น อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข”
สกาวใจเบ้ปากกับประโยคของสามี ดื่มน้ำชาแล้วชีวิตคู่จะราบรื่น ฝันไปเถอะ นางจะทำทุกวิถีทางให้ศรัญญาอยู่บ้านหลังนี้ไม่ได้ หรือถ้าหน้าด้านหน้าทนเหมือนนภาพร สกาวใจก็จะทำให้ศรัญญากระอักด้วยความเจ็บปวด
ลิขิตหยิบจอกน้ำชาส่งให้คู่บ่าวสาวคนและแก้ว จอมทัพรับมาดื่มทีเดียวหมดจอกโดยไม่คิดอะไร เขาคิดเพียงว่า ให้ทุกขั้นตอนผ่านพ้นไปเร็วๆ เป็นพอ ศรัญญาทำตามบ้างและดื่มหมดจอกเช่นกัน ลิขิตยิ้มพอใจเมื่อเห็นทั้งคู่ดื่มชา
“เอาล่ะ เราออกไปกันได้แล้ว ใหญ่กับแก้วจะได้พักผ่อน”
ลิขิตเดินออกจากห้องหอเป็นคนแรก ทุกคนจึงเดินตามออกไป เหลือไว้เพียงสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามัน แน่นอนว่าจอมทัพไม่อยากจะอยู่ร่วมห้องกับศรัญญา เขาจึงลุกพรวดเดินไปยังประตูห้อง มือใหญ่หมุนลูกบิดประตูเพื่อหวังจะเปิดมัน ทว่ากลับถูกล็อก
“ต้องเป็นฝีมือคุณปู่แน่ๆ” จอมทัพหัวเสียหนัก แต่อย่าคิดว่าจะหยุดเขาได้ ในเมื่อประตูหน้าห้องเปิดไม่ได้ เขาหมุนตัวเดินไปยังประตูที่ติดกับระเบียง หนทางเดียวที่จะนำพาตนเองออกไปจากห้องแสนอึดอัดนี้ “อะไรวะเนี่ย กะจะขังให้อยู่ในห้องนี้หรือไง”
อาการหัวเสียของเขาหนักมากขึ้น หลังจากที่ประตูบานนี้ก็เปิดไม่ได้ แถมยังถูกล็อกด้วยกุญแจดอกใหญ่ เท่ากับว่า เขาถูกขัง
ศรัญญายืนมองอารมณ์โกรธของจอมทัพอย่างอกสั่นขวัญแขวน เธอกลัวว่า เขาจะโกรธจนเดินเข้ามาบีบคอเธอ หากเป็นเช่นนั้นจริง เธอคงตายคามือเขาแน่นอน
“อย่าคิดนะว่าคุณปู่ขังฉันไว้ในห้องนี้กับเธอแล้วฉันจะพิศวาสเธอ เรื่องแบบนั้นมันไม่เกิดขึ้นแน่ๆ”
จอมทัพเดินลงส้นไปยังห้องน้ำ เขาต้องการน้ำเย็นๆ มาดับอารมณ์ขุ่นมัวในจิตใจให้บรรเทาลงกว่านี้ เพราะตนต้องใช้พลังอันแรงกล้าและมากมายที่จะอยู่ร่วมห้องกับคนที่ตัวเองเกลียดชัง