จากเช้าจรดเย็นอาหารถูกนำมาวางไว้ให้ถึงสามครั้งแต่ณัฐกานต์ก็ยังใจแข็งไม่ยอมกิน ร่างกายที่ขาดน้ำและอาหารมาทั้งวันเริ่มจะอ่อนล้าลงทุกที โชคดีที่หญิงสาวเป็นคนแข็งแรง เพราะผลจากการที่เธอออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การอดข้าวและน้ำถึงสามมื้อจึงไม่ได้ทำให้ร่างเล็กถึงกับเป็นลมล้มพับไป หญิงสาวอยากจะรู้นักว่าพวกมันโกรธแค้นอะไรเธอนักหนาหรือเพราะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอย่างนั้นหรือ คือเหตุผลที่ไอ้คนชั่วนั่นมันจับตัวเธอมา
ณัฐกานต์คิดอย่างหวาดระแวงสงสัยไปต่างๆ นานา จนผล็อยหลับไป หญิงสาวจึงไม่รู้ตัวว่ามีผู้ชายตัวโตมากๆ คนหนึ่งกำลังมองเธอด้วยสาวตาที่อ่านไม่ออก ร่างสูงใหญ่ส่ายหน้าไปมาด้วยความสงสาร เมื่อมองร่างที่นอนหลับใหลไม่ได้สติอยู่บนพื้นเสื่อตรงหน้า แต่เขาคงช่วยอะไรเธอไม่ได้ เพราะคำสั่งของทัพเทวินทร์คือประกาศิตที่ลูกน้องคนทุกคนต้องปฏิบัติตาม
“เจ้านายครับ วันนี้ทั้งวันเธอยังไม่ยอมกินอะไรเลยนะครับ” นาคาลูกน้องมือขวาก้มหน้ารายงานเกี่ยวกับเชลยสาวที่พามาขังไว้เมื่อคืน
“อวดดี! รอดูต่อไป ดูซิ...ว่าจะทนใจแข็งไปได้สักกี่น้ำ” เสียงกร้าวกระด้างสบถออกมาเมื่อได้รับรายงานจากลูกน้อง เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่านางแมวสาวตัวเล็กๆ อย่างแม่สาวโคโยตี้คนนี้จะทนหิวได้สักแค่ไหน คืนนี้ถ้าหล่อนจะไม่แตะข้าวเลยสักเม็ดก็ให้มันรู้ไป
“เจ้านายจะไม่ไปดูเธอหน่อยหรือครับ” นาคายังคงซักไซ้ไล่เลียงถามเจ้านายด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกเช่นเดิม แต่ภายในใจกลับรู้สึกเป็นห่วงเชลยสาวยิ่งนัก
“ทำไม นายเป็นห่วงหล่อนหรือไง” เสียงมีอำนาจถามกลับไปด้วยความหงุดหงิดรำคาญใจ เขาหันหน้ามามองลูกน้องคนสนิทด้วยเครื่องหมายคำถาม
“เปล่าครับ ผมก็แค่...ถามเจ้านายดู” น้ำเสียงที่อ่อนลงแสดงถึงการเจียมตัวและรู้จักสถานะของตนเองเป็นอย่างดี นาคราชเป็นลูกน้องคนเดียวที่ทัพเทวินทร์ไว้ใจมากที่สุด เพราะเขาเป็นมากกว่าลูกน้อง นาคราชเองก็นับถือทัพเทวินทร์มากที่สุดเช่นเดียวกันเพราะชายหนุ่มมีบุญคุณกับครอบครัวของเขามาก เพราะฉะนั้นไม่ว่าทัพเทวินทร์จะสั่งให้ทำอะไรเขาก็ต้องทำตามและเขาสามารถตายแทนเจ้านายของเขาได้
“คืนนี้เฝ้าดูหล่อนให้ดี ไม่ใช่เพราะว่าฉันเป็นห่วงแต่เป็นเพราะฉันกลัวว่าเด็กนั่นจะหิวข้าวตายซะก่อนจะถึงวันพรุ่งนี้” สายตาอันทรงพลังและเจ้าเล่ห์อย่างเหลือร้ายของร่างสูงใหญ่ทอดมองออกไปภายใต้เงามืดแห่งรัตติกาลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พรุ่งนี้แล้วที่เขาจะให้หญิงสาวได้เริ่มต้นบทเรียนที่หนึ่ง บทเรียนแรกที่ชายหนุ่มคิดขึ้นมาเองเพื่อหยอกล้อลูกหนูตัวเล็กๆ ที่ไร้ทางสู้และมันคงจะสนุกดีพิลึกที่เขาจะกลายร่างเป็นราชสีห์เพื่อเล่นกับหนู ‘หึๆ’ ทัพเทวินทร์หัวเราะในลำคออย่างเจ้าเล่ห์
คิ้วเข้มดั่งปีกกาของนาคราชขมวดมุ่นเข้าหากันเป็นปมแทบจะทันทีเมื่อเห็นท่าทางของเจ้านาย “พรุ่งนี้...เจ้านายคิดจะทำอะไรเชลยสาวคนนั้นหรือครับ เธอน่าสงสารออกนะครับ” ด้วยความสงสัยและเป็นห่วงเชลยสาว ลูกน้องผู้ซื่อสัตย์จึงถามและพูดความรู้สึกในใจออกไปโดยไม่ทันได้คิด
“เอ๊ะนาคา! ใครใช้ให้นายออกความคิดเห็น ฉันอยากจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน นายมีหน้าที่ทำตามที่ฉันสั่งก็พอ” สายตาแข็งกร้าวปรายตามองลูกน้องด้วยแววตาตำหนิ จนคนถูกมองต้องหลุบตาต่ำอย่างเจียมตัว
“นายจะไปไหนก็ไปเลยปะ ฉันอยากคิดอะไรของฉันคนเดียวเงียบๆ”
นาคราชรีบเดินเลี่ยงออกไปทันที เมื่อโดนเจ้านายหนุ่มไล่ตรงๆ ปล่อยให้ร่างสูงใหญ่มองตามหลังไปด้วยความขุ่นข้องใจ เพราะปรกตินาคราชไม่เคยยุ่งวุ่นวายหรือออกความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับการตัดสินใจของเขา แต่หนนี้ดูเหมือนลูกน้องหนุ่มจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการตัดสินใจของเขาสักเท่าไหร่ หรือเป็นเพราะเสน่ห์สาวโคโยตี้นั่นมันไปกระตุ้นต่อมความใจอ่อนของนาคราชเข้าให้ ลูกน้องของเขาก็เลยออกอาการสงสารแม่นั่นขึ้นมา
‘เธอน่าสงสารออกนะครับ’ คำพูดของนาคราชยังคงก้องอยู่ในโสตประสาทของเจ้านายหนุ่มแห่งไร่ทัพเทวัญ ‘คนอย่างฉันไม่มีวันใจอ่อนกับศัตรูเด็ดขาด’ ทัพเทวินทร์รำพึงในใจนัยน์ตาเปล่งประกายวาวโรจน์อย่างน่ากลัวก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะเดินเข้าไปยังที่พักชั่วคราวด้วยท่าทางทรนงองอาจ
เมื่อลับร่างเจ้านายนาคราขจึงแอบเข้าไปดูเชลยสาวด้วยตนเองอีกครั้ง หลังจากที่เขาเห็นสภาพหญิงสาวแล้วเมื่อตอนหัวค่ำ ร่างเล็กบางที่นอนสลบไสลไม่ได้สติกำลังนอนคดคู้ด้วยความเหน็บหนาว ร่างเล็กที่สั่นเทาทำให้นาคราชรู้สึกสงสารหญิงสาวจับใจ ชายหนุ่มจึงสั่งให้สาวใช้หาผ้าห่มมาคลุมร่างให้เชลยสาว แล้วเขาจึงค่อยเดินออกจากห้องไป
รุ่งเช้าของวันใหม่
เช้านี้ทัพเทวินทร์ตื่นแต่เช้าเพื่อไปดูไร่ มีคนงานมากมายที่เอาใจใส่ขยันขันแข็งร่วมแรงร่วมใจกันดูแลไร่เป็นอย่างดี เพราะมีเจ้านายใจดีและใจกว้างอย่างทัพเทวินทร์ ทุกคนที่นี่ต่างก็รักและนับถือนายหัวของพวกเขามาก แต่ก็มีลูกจ้างบางรายที่รักเจ้านายหนุ่มอย่างออกหน้าออกตา และก็รักเกินกว่าคำว่าลูกน้องและเจ้านาย
“สายพิณ นี่แกจะรีบไปไหนฮะ เฮ้อ!...ลูกสาวคนนี้นี่ทำตั๋วแปลกๆ พิกล ถามกะบ่ยอมตอบ” นางคำแก้วบ่นกระปอดกระแปดให้ลูกสาวเพียงคนเดียวอย่างอิดหนาระอาใจ เพราะสายพิณโตแต่ตัวแต่นิสัยดื้อรั้นยิ่งกว่าผู้ชายเสียอีกในสายตาของผู้เป็นแม่
สายพิณลูกสาวคนงานในไร่อายุยี่สิบสองปีหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา วิ่งกระหืดกระหอบหมายจะไปดักรอทักทายพ่อเลี้ยงซึ่งก็หมายถึงนายหัวทัพเทวินทร์ของหญิงสาวนั่นแหละ ซึ่งคนเชียงใหม่แถวนี้ต่างก็เรียกคนร่ำรวยมีเงินว่าพ่อเลี้ยงหรือ ‘ป้อเลี้ยง’ เหมือนกันทุกคน สายพิณตั้งหน้าตั้งตาวิ่งโดยไม่ทันได้ดูทางข้างหน้าเลยว่ามีใครกำลังเดินตัดหน้ามา
พลั่ก!
ร่างบางชนโครมเข้ากับร่างหนาของนาคราชอย่างจัง คนโดนชนเองก็เซถลาจนเกือบจะล้มแล้วเหมือนกัน ชายหนุ่มต้องรีบรับร่างบางที่วิ่งเข้ามาชนด้วยอกแกร่งและอ้อมแขนแข็งแรงของเขาไว้ แทนที่เขาจะได้รับคำขอบคุณแต่เจ้าของร่างสูงกลับได้รับสายตาเอาเรื่องและท่าทางปั้นปึ่งของร่างเล็กแทนอย่างแสนงอน
“นี่นาย! ทำไมเดินมาไม่รู้จักดูทางเสียบ้าง”
“เธอต่างหากล่ะสายพิณ ที่วิ่งมาชนฉันยังไม่รู้จักขอโทษอีก” นาคราชรีบเถียงหญิงสาวออกไปทันทีที่เมื่อโดนอีกฝ่ายต่อว่าต่อขานโดยที่เขาไม่ผิด สายตาที่มองหญิงสาวมีแววตำหนิติเตียนอย่างเห็นได้ชัด
“หลีกไป! มายืนขวางทางอยู่ได้ น่ารำคาญ” ร่างบางทำเป็นดีดดิ้นเบี่ยงตัวเดินกระทืบเท้าออกไปอย่างขัดใจอย่างกับเป็นเด็กสามสี่ขวบ ทำให้นาคราชมองตามหญิงสาวไปอย่างเซ็งๆ
พ่อเลี้ยงหนุ่มกำลังเดินลัดเลาะไปตามสวนผลไม้นานาพันธุ์ อยู่ที่ไกลๆ ท่ามกลางคนงานในไร่ที่ทำงานอยู่ล้อมรอบตัวเขา แต่ร่างแกร่งกำยำของชายหนุ่มกลับดูโดดเด่นสะดุดตายิ่งกว่าใครๆ วันนี้ทัพเทวินทร์ใส่ชุดยีนส์คาวบอยรองเท้าบูทสีน้ำตาลเข้มและสวมหมวกคาวบอยปีกกว้างดูเท่ห์หล่อเข้มและแมนแบบสุดๆ ในสายตาของสาวๆ ในไร่ โดยเฉพาะในสายตาของสายพิณ
“ป้อเลี้ยงเจ้า ป้อเลี้ยงเจ้า” สายพิณวิ่งลัดเลาะดงหญ้ามาหาเจ้าของไร่อย่างเหนื่อยหอบใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อจางๆ
“อ้าวมีอะไรเหรอสายพิณ วิ่งหน้าตั้งมาเชียว” พ่อเลี้ยงหนุ่มมองสายพิณยิ้มๆ เมื่อเห็นอาการของหญิงสาวที่ยังหอบไม่หาย
“สายพิณบ่หัน(เห็น)หน้าป้อเลี้ยงมาหลายวันแล้ว สายพิณก็เลยคิดถึงเจ้า สายพิณได้ข่าวว่าป้อเลี้ยงเอาแม่ญิง(ผู้หญิง)มาขังไว้ในบ้าน แล้วมันเป๋นไผ๋(เป็นใคร)เจ้า สายพิณอยากฮู้แต้ๆ(อยากรู้จริงๆ)”