สายพิณถือว่าตนเองมีอภิสิทธิ์เหนือลูกจ้างหลายๆ คนในไร่ เพราะพ่อของเธอเป็นถึงหัวหน้าคนงานในไร่ และครอบครัวเธอก็ทำงานให้กับทัพเทวินทร์มาเป็นสิบๆ ปีแล้ว ตั้งแต่ที่พ่อเลี้ยงหนุ่มมาบุกเบิกทำไร่ทางภาคเหนือใหม่ๆ หญิงสาวพยายามทำตัวสนิทสนมกับเจ้านายหนุ่มจนเกินงาม หลายครั้งหลายคราที่พ่อกับแม่ของเธอคอยดุด่าว่ากล่าวแต่เด็กสาวก็ไม่ยอมฟัง
“แล้วสายพิณจะอยากรู้จักผู้หญิงคนนั้นไปทำไมล่ะ เธอกับเขาไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันเสียหน่อย” วาจาที่กล่าวออกมาอย่างราบเรียบแต่ก็แฝงไว้ด้วยแววตำหนิหน่อยๆ ทำให้คนฟังไม่กล้าที่จะถามชายหนุ่มต่อ
เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าเด็กสาวทำหน้าจ๋อยลงเขาก็ใช้มือหนาขยี้ศีรษะเธอเล่นเบาๆ อย่างเอ็นดู เขาเห็นสายพิณมาตั้งแต่เด็กสาวยังเป็นเด็กหญิงอยู่เลย ชายหนุ่มจึงเอ็นดูสายพิณเหมือนน้องเหมือนนุ่งคนหนึ่ง แววตาที่เขามองดูเด็กสาวช่างอบอุ่นนักจนหัวใจของสาวน้อยเต้นตูมตามทุกครั้งที่ชายหนุ่มยิ้มให้
“ป้อเลี้ยงน่ะ หันสายพิณเป็นละอ่อน(เด็ก)ไปได้ สายพิณเป็นสาวแล้วน่ะเจ้า” ร่างบางทำท่ากระเง้ากระงอดทำหน้าเชิดน้อยๆ อย่างแสนงอน
“อ้าว...เหรอ ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ยว่าสายพิณโตเป็นสาวแล้ว ฉันยังหลงคิดว่าเธอยังเป็นเด็กหญิงอยู่เลย”
“จริงครับนาย ตัวน่ะเป็นสาวแต่นิสัยยังกับเด็กสี่ห้าขวบ” เสียงทุ้มต่ำที่กล่าวสำทับทำให้หนุ่มสาวทั้งคู่หันไปมอง นาคราชผู้จัดการหนุ่มแห่งรีสอร์ทพรรณพฤกษานั่นเอง สายพิณส่งสายตาเขียวปัดไปให้เขาแทบจะทันทีที่ได้ยินผู้จัดการหนุ่มพูดจบ
“นี่นายว่าฉันเหรอ นายหิน!” ร่างบางตวาดแว้ดๆ ใส่นาคราชเสียงแหลม
‘นายหิน’ คือฉายยาที่สายพิณตั้งให้กับนาคราช เพราะหญิงสาวรู้สึกว่าชายหนุ่มเป็นคนทื่อๆ แข็งๆ ไม่มีความนุ่มนวล พูดจาก็ห้วนๆ ไม่มีศิลปะ ใบหน้าก็ไม่ค่อยมีรอยยิ้ม ดูไร้ชีวิตชีวา และอีกเหตุผลสารพัดที่หญิงสาวเอามาอ้าง เมื่อชายหนุ่มถามว่าทำไมถึงเรียกเขาว่า ‘นายหิน’
“อีกแล้วนะสายพิณ ฉันบอกเธอกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกฉันว่านายหิน ฉันไม่ชอบ” ผู้จัดการหนุ่มตะคอกใส่หญิงสาวเสียงดัง
“ทำไม ก็ฉันอยากจะเรียกนายว่า นายหิน...นายหิน...นายหิน!...”
“นาย ผมขอตัวนะครับ” ก่อนที่สายพิณจะเรียกชื่อ ‘นายหิน’ ไปมากกว่านั้น ข้อมือทั้งสองข้างของหญิงสาวก็ถูกรวบไว้อย่างแน่นหนาด้วยมือใหญ่หยาบกร้านของนาคราชลากไปทางป่าหญ้ารกๆ ที่ผู้คนไม่ค่อยเดินผ่านไปผ่านมาสักเท่าไหร่
“เอ๊ะนายหิน นายจะพาฉันไปไหน ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ! ปล่อย!” ร่างเล็กพยายามดึงรั้งตัวเองให้หลุดพ้นออกจากพันธนาการที่แข็งแกร่งดั่งปลอกเหล็กของอุ้งมือหนาแต่ก็ไม่สำเร็จ ยิ่งดิ้นก็เหมือนยิ่งแน่นจนร่างเล็กถึงกับนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
“โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ ไอ้คนบ้า ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” ร่างบางทั้งดิ้นทั้งถองแต่ชายหนุ่มก็ไม่ยอมปล่อย
ผู้จัดการหนุ่มมาดเข้มเริ่มหมดความอดทนต่อหญิงสาวแล้ว เพราะไม่ว่าเขาจะขู่เธอสักกี่ครั้งบอกเธอสักกี่หนแต่สายพิณก็ดูเหมือนจะไม่ยอมฟังเขาง่ายๆ เห็นทีเขาต้องใช้ไม้แข็งจัดการกับหญิงสาวขั้นเด็ดขาดเสียแล้ว
“อยากลองดีกับฉันนักใช่ไหมสายพิณ ที่ผ่านมาฉันบอกเธอดีๆ ก็แล้ว ขู่เธอหนักๆ ก็แล้ว เธอก็ไม่ยอมทำตามที่ฉันบอก ได้...คราวนี้ฉันอยากจะรู้นักว่าเธอยังจะกล้าเรียกฉันว่า ‘นายหิน’ อีกมั้ย”
ดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มส่องประกายวาวโรจน์จ้องหน้าคนร่างเล็กนิ่ง ร่างบางเริ่มดีดดิ้นอีกครั้งอย่างไม่กลัวเกรง ทันใดเท้าเล็กๆ ของเธอก็ยกกระทืบเท้าหนาของร่างสูงใหญ่อย่างสุดแรง
“โอ๊ย! ยัยบ้าเอ๊ย!” นาคราชผลักร่างของหญิงสาวลงพื้นหญ้าอย่างแรงส่งผลให้ร่างเล็กลงไปกองกับพื้นจนหงายหลังไปกับพื้นหญ้าสีเขียวขจี ตามมาด้วยร่างหนาของชายหนุ่มที่ใช้เข่าแข็งแรงค่อมร่างเล็กเอาไว้ แล้วจับข้อแขนเล็กสองข้างแผ่ราบลงไปกับพื้นด้วยสองมือหนาของเขาที่ประสานนิ้วมือเรียวเล็กเอาไว้แน่น
“อะ...” ร่างใหญ่หนาที่โน้มต่ำลงจู่โจมหญิงสาวอย่างรวดเร็ว ปากบางสีกุหลาบของหญิงสาวที่กำลังจะส่งเสียงประท้วงถูกบดขยี้อย่างบ้าคลั่งด้วยปากหยักได้รูปของชายหนุ่ม ใบหน้าที่แดงก่ำของคนใต้ร่างพยายามสะบัดหนีใบหน้าเข้มของคนตัวใหญ่ไปมา แต่หญิงสาวมีแรงเพียงน้อยนิดมีหรือที่จะสู้พละกำลังอันมหาศาลของผู้ชายที่กำลังข่มเหงเธอตอนนี้ได้ เขาจูบเธออย่างรุนแรงจาบจ้วงในนาทีแรกแต่กลับอ่อนหวานในนาทีต่อมาจนร่างเล็กเริ่มหวั่นไหวในสัมผัสอันนุ่มนวลของเขา
เมื่อรู้สึกว่าคนใต้ร่างเลิกพยศ ชายหนุ่มจึงได้ผละออกทั้งๆ ที่เขายังอยากจะรังแกเด็กสาวต่อ แต่ด้วยสามัญสำนึกจึงทำให้ผู้จัดการหนุ่มหยุดการกระทำอันจาบจ้วงและบ้าคลั่งไว้เพียงเท่านั้น สายพิณยังรู้สึกเบลอๆ หัวใจสั่นไหวเหมือนเงาที่ตกกระทบผืนน้ำที่ไหลเชี่ยว แต่ทันทีที่หญิงสาวรู้สึกตัวร่างบางจึงรีบยืนขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าผมเผ้าของตนเองให้เข้าที่และปัดเศษไม้ใบหญ้าออกจากตัว ก่อนที่จะหันไปจ้องหน้าคนที่ฉวยโอกาสกับเธออย่างป่าเถื่อนนิ่งด้วยแววตาวาวโรจน์
เผียะ! ฝ่ามือเล็กเงื้อมฟาดลงบนในหน้าที่สากระคายไปด้วยเคราเขียวอย่างสุดแรงเสียงดังสนั่น
“นี่สำหรับสิ่งที่นายทำกับฉัน และนี่...”
เผียะ!!
“สำหรับฉันที่เกลียดนายมากที่สุด นายหิน!” ร่างเล็กหันหลังวิ่งไปทั้งน้ำตา ปล่อยให้คนที่หน้ากำลังชายืนนิ่งเป็นหุ่น มองตามแผ่นหลังบางจนสุดสายตา ความรู้สึกบางอย่างกำลังเกิดขึ้นในหัวใจของนาคราช ชายหนุ่มผู้ไม่เคยหวั่นไหวในมายาของหญิงใดมาก่อน แต่ความรู้สึกหวั่นไหวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้มันคืออะไร ร่างสูงยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นอีกหลายนาที
หลังจากที่ไปเดินดูไร่มา ทัพเทวินทร์ก็แวะไปที่เรือนหลังเล็กซึ่งเป็นที่คุมขังของเชลยสาว แต่ขณะที่ชายหนุ่มกำลังเดินไปตามทางเดินใกล้จะถึงที่หมายแล้ว หยาดฝนสาวใช้ก็วิ่งหน้าตาตื่นมาหาพ่อเลี้ยงหนุ่มทันทีที่เห็นร่างสูงใหญ่เดินเข้ามา
“ป้อเลี้ยงเจ้า ป้อเลี้ยง” ร่างอวบเตี้ยรีบวิ่งเข้ามารายงานเจ้านายหนุ่มด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“มีอะไรเหรอฝน มีใครเป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงเข้มต่ำถามออกไปด้วยความสงสัย
“มีเจ้า มี ก็...ผู้หญิงที่นายพามาเมื่อคืนไงเจ้า ตัวร้อนจี๋เลยเจ้า กำลังตัวสั่นและเพ้อเสียงดังเลยเจ้า ฝนกลั๋วว่าเธอจะช็อก ก็...ก็เลยรีบมาบอกนายเจ้า” สาวใช้รายงานด้วยเสียงหอบกระเส่า
“ไปหาผ้าและน้ำอุ่นๆ แล้วตามฉันมา”
“ได้เจ้า”
ร่างสูงใหญ่รีบเดินลิ่วๆ ไปอย่างกับลมพายุเมื่อฟังสาวใช้รายงานจบ ชายหนุ่มไม่ได้ห่วงหญิงสาวแต่เขากลัวว่าโคโยตี้สาวจะช็อกตายก่อนเวลาอันสมควรต่างหาก และหญิงสาวจะตายตอนนี้ไม่ได้ หล่อนต้องได้รับบทเรียนอย่างสาสมเสียก่อน หรือจนกว่าเขาจะหายแค้น หญิงสาวจึงจะสามารถออกไปจากชีวิตของเขาได้
สภาพของเชลยสาวตอนนี้ดูต่างจากเมื่อคืนก่อนนัก ใบหน้าที่ซีดเซียวดูอิดโรยหมองคล้ำอย่างเห็นได้ชัด หญิงสาวกำลังเพ้อเพราะพิษไข้อย่างน่าเวทนา
“ปลดโซ่ออกจากร่างเธอให้หมด” เสียงเข้มทรงพลังสั่งสาวใช้
“เจ้า จะปลดเดี๋ยวนี้แหละเจ้า” เมื่อสาวใช้ปลดโซ่ตรวนที่ล่ามเธอไว้ออก ร่างสูงใหญ่แข็งแรงกำยำของชายหนุ่มก็ก้มตัวลงช้อนร่างบอบบางมาไว้ในอ้อมแขนแข็งแรง อุ้มร่างเล็กเดินลิ่วๆ ออกไปจากกระท่อมอย่างรวดเร็วจนสาวใช้เดินตามแทบไม่ทัน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามทัพเทวินทร์ก็ยังคงเป็นทัพเทวินทร์อยู่วันยังค่ำ เนื้อแท้ของเขายังคงมีเมตตาธรรมฝังลึกอยู่ในจิตใจ ชายหนุ่มไม่อาจทนนิ่งดูดายให้ใครมาตายต่อหน้าต่อตาเขาเป็นอันขาด