EPISODE 1 : After we break up.

1970 Words
“เอาไว้โตกว่านี้ค่อยมาเจอกัน” ต้องโตแค่ไหนถึงจะไม่ดูเด็กในสายตาเขา ฉันอายุยี่สิบปีแล้วนะ ถึงจะห่างจากเฮียยิมสี่ปี แต่ที่ผ่านมาเราสองคนก็คุยกันลงตัวแล้วก็รู้เรื่องมาโดยตลอด เขาก็แค่หาข้ออ้างมาบอกเลิกเท่านั้นแหละ ข้ออ้างอะไรก็ได้ที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเรามันจบลง.. สามวันแล้วที่ฉันไม่ได้ไปมหาวิทยาลัย ไม่ใช่ว่าเกเรขาดเรียน แต่เพราะอาการป่วยมันรุมเร้าจนแทบจะลุกออกจากเตียงไม่ไหวเลยต้องกลายเป็นผู้ป่วยจำเป็นนอนซมเป็นศพอยู่แบบนี้ เรื่องของเฮียยิมผ่านมาได้เกือบสัปดาห์ แน่นอนว่าฉันโหยหาและประท้วงด้วยการอดข้าว แล้วก็ไม่ยอมทานยาอีกด้วย หิวจนไส้กิ่วไปหมดแล้วเนี่ย คนเดียวที่จะบังคับให้ฉันกินยารสขมได้ก็เห็นจะมีแค่เฮียยิม ทว่าตอนนี้ฟีนป่วยแต่ไม่มีเฮียแล้ว อยากจะออกไปหาแต่ว่าร่างกายก็แทบจะไม่เป็นใจให้เลยสักนิด ฮือ ฟีนต้องการเฮียยิม.. แค่อยากจะนอนหลับแล้วตื่นมาพบว่าการเลิกราเป็นเพียงฝันไปก็แค่นั้นเอง “คุณฟีนขา ป้าเอาข้าวเช้ามาให้ค่ะ” “ฟีนไม่กินค่ะป้าดา” สิ้นเสียงของคนด้านนอก ฉันก็พลิกตัวนอนหันหลังใต้ผ้าห่มผืนหนา ไม่ได้ขยับลุกจากเตียงไปไหนตั้งแต่เช้า ยันเก้าโมงกว่าก็ยังไม่รู้สึกว่าตัวเองอยากจะออกไปเผชิญโลกข้างนอกเลยสักนิด “แต่คุณท่านสั่งว่าถ้าคุณฟีนไม่ยอมทานข้าว ท่านจะลงมาหานะคะ” “.....” “คุณฟีน” “ขอโทษนะคะป้าดา แต่ฟีนกำลังประท้วงป๊าอยู่..” ฉันบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าน้อยใจ ป๊าก็เอาแต่บอกว่ารักลูกคนนี้ ภูมิใจที่มีฟีนเป็นลูกสาว แต่ไม่เห็นเคยจะทำให้เห็นเลยว่ารักเด็กมีปัญหาแบบฟีน ถ้าบอกว่ารักแต่แม่หม้ายลูกติดหุ่นเซียะคนนั้นมากกว่าจะไม่เถียงเลย ฉันงอตัวเอามือกุมท้องที่ร้องไม่หยุด ตอนนี้ในหัวมีหลายร้อยเมนูที่อยากจะกิน แต่ก็ยังยืนหยัดในจุดยืนของตัวเองที่จะประท้วงอดข้าวต่อไป ต่อให้ส่งข้อความไปหาเฮียยิมว่าจะประท้วงด้วยการอดข้าว ไม่ไปเรียน แล้วก็จะไม่ยอมไปเจออีกก็ไม่มีการตอบกลับจากเขาอยู่ดี เฮียยิมแทบจะไม่เปิดอ่านข้อความของฉันด้วยซ้ำ แชทเทขวาหนักมาก เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นเสียงของพ่อฉันเอง ป๊าไม่ค่อยวางเพราะมัวแต่ทำงานแล้วก็ออกเดินทางไปสัมมนาต่างประเทศบ่อยครั้ง หญิงสาวตัวจ้อยอย่างฉันก็เลยร่อนเร่เป็นเหมือนผีไร้ศาลไปโดยปริยาย ทำไมต้องเลิกกับแฟนช่วงปิดเทอมของมหาวิทยาลัยด้วย ถึงจะปิดแค่อาทิตย์เดียวก็ตามเถอะ แต่พอไม่มีเพื่อนคุยแล้วเหงาอย่างบอกไม่ถูก “ฟีนนี่ป๊าเองลูก” “.....” “ขอป๊าเข้าไปหน่อยได้มั้ย แล้วถ้าอยากได้อะไรป๊าจะหามาให้เราหมดเลย” ฉันดีดตัวขึ้นจากที่นอนอัตโนมัติ รีบก้าวลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้คนข้างนอกทันที ป๊าที่เห็นหน้าฉันครั้งแรกของวันก็ถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่สภาพของฉันตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากหนูท่อหรอก ผมเผ้าแทบจะไม่ได้เซท ใส่ชุดนอนเน่ามาหนึ่งวันเต็ม “ทำไมไม่ยอมกินข้าวเลยล่ะเรา” ป๊าเดินเข้ามาโอบไหล่ฉันให้เดินลงไปนั่งที่โซฟาตัวโปรดมุมห้อง “ป๊า” ฉันเบะริมฝีปากแล้วโผเข้ากอดชายตรงหน้าเอาไว้แน่น “ประท้วงป๊าด้วยการไม่กินข้าวหรอ” “กินข้าวไม่ลงด้วย” “ทำไมล่ะ” “ป๊าก็น่าจะรู้ว่าทำไม” คู่สนทนาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ คงจะรู้ความจริงเกี่ยวกับฉันหมดแล้วว่าเป็นอะไรถึงได้ทำแบบนี้ ไม่เคยมีเรื่องไหนที่ป๊าไม่รู้ แล้วก็ไม่มีเรื่องไหนที่ฉันรู้ไม่ทันป๊าเช่นกัน “ป๊ารู้เรื่องจากดาเขาหมดแล้ว เลิกกับแฟนแค่นี้ถึงกับต้องทำขนาดนี้เลยเหรอเรา” “มันไม่ใช่แค่นี้ซะหน่อย..” ฉันสูดน้ำมูกเล็กน้อย ก่อนจะผละออกแล้วกอดอกมองป๊า “ฟีนรักเขา.. ป๊าไม่เข้าใจหรอกค่ะ” “ป๊าเข้าใจเราสิ” มือหนาอันอบอุ่นวางไว้บนหัวฉันแล้วระบายยิ้มบางเบาให้คลายกังวลใจ ป๊าไม่เคยคาดหวังเรื่องเรียนกับฉันก็จริง แต่ก็แนะนำให้เรียนบริหารภาคอินเตอร์ แต่ฉันก็หัวรั้นขอเรียนนิเทศศิลป์จนได้ ใจมันรักห้ามไม่ได้หรอก “เลิกกับคนแบบนั้นไม่ดีตรงไหน ลูกสาวป๊าสวยขนาดนี้หาใหม่ได้สบายอยู่แล้ว” “แต่เฮียยิมมีคนเดียวนี่คะ “ฟีนลูก” “เขามีคนเดียวบนโลก..” ใช่ ผู้ชายที่เคยทำให้คนอย่างฟีนยิ้มได้ มีเพียงแค่เฮียยิมเท่านั้น แค่เขาเพียงคนเดียว.. วายเอ็ม แทททู อีกวันที่ฉันฟื้นร่างกายตัวเองด้วยการตามใจปากจนท้องอิ่มหนังตาก็หย่อน ใช้เวลาพักผ่อนกับตัวเองเต็มที่หนึ่งวันเต็ม ตอนนี้ฉันขับเบนซ์ส่วนตัวมาจอดสนิทที่หน้าร้านสักของเฮียยิม เพราะเราสองคนคงมีอะไรที่ต้องเคลียร์กันอีกเยอะเลย ช่วงวันธรรมดาคนที่ร้านไม่ค่อยมาก อาจเป็นเพราะมาช่วงบ่ายด้วยล่ะมั้ง แต่พอช่วงพลบค่ำหรือช่วงเย็นจะมีคนมาเดินตลาดนัดกลางคืนแล้วร้านของเฮียยิมมันก็จะคึกครื้นมากเป็นพิเศษ สาวเล็กสาวใหญ่แวะเวียนมาหยอดขนมหวานไม่พัก เพราะเฮียยิมมีตัวเลือกเยอะใช่ไหม ฟีนถึงถูกตัดช้อยส์เร็วขนาดนี้ ปกติแล้วเขามักจะหมกตัวอยู่ที่นี่ตลอด เป็นพวกเก็บตัวจากโลกภายนอก แต่พอถามอะไรก็ดันรู้หมดไปซะทุกอย่าง นึกว่าเป็นกูเกิลเคลื่อนที่ซะอีก ถ้าหากว่าเขาไม่อยู่ห้องก็ต้องเป็นร้านสักนี่แหละ แหล่งหมกตัวชั้นดีของคนพูดน้อยต่อยหนักแบบเฮียยิมเลย หน้าร้านถูกตกแต่งด้วยป้ายไฟเป็นตัวอักษรสีนีออนเด่นสะดุดตา พอผลักประตูเข้ามาด้านในก็จะเจอกับห้องแยกอีกสองห้องตรงหน้า แล้วก็มีที่นั่งพัก มีมุมถ่ายรูปแล้วก็ขนมกับน้ำปั่นทางขวามือเหมือนกับเป็นคาเฟ่ขนาดย่อม เศร้าอยู่นะ เพราะมุมถ่ายรูปตรงนั้นฉันเป็นคนออกแบบให้เขาเอง “อะ..อ้าวน้องฟีน” “พี่เข้ม” ฉันเงยหน้าแล้วแยกยิ้มให้พี่เข้มที่เดินสวนออกมาจากห้องสัก เขาทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะเดินตรงเข้ามาทัก “มาหาไอ้ยิมมันหรอ” เขาเลิกคิ้วถาม “สวัสดีค่ะพี่เข้ม ใช่ค่ะ ฟีนมาหาเฮียยิม” ฉันพยักหน้ารับ พูดจบเจ้าตัวก็กลอกตาไปมา หันซ้ายหันขวาเหมือนกับระแวดระวังอะไรอยู่ “มันอยู่ข้างใน” เขาป้องมือแล้วกระซิบกระซาบเสียงค่อย ฉันมุ่นคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับอีกครั้ง พลางค้อมศีรษะขอบคุณให้เขา “อย่าบอกมันละกันว่าพี่บอก” “ทำไมล่ะคะ” “มันสั่งมาว่าไม่ให้บอกเราเด็ดขาดถ้าเรามาหามันที่นี่” พอพี่เข้มพูดจบฉันก็ถึงบางอ้อเลยทีเดียวกับท่าทีเลิ่กลั่กของอีกฝ่ายเมื่อครู่ ที่แท้ก็มีคนใจร้ายสั่งปิดปากห้ามพูดเวลาฉันมาหาสินะ ใจร้าย โคตรจะใจร้ายเลย ถ้าเขารู้จักผู้หญิงอย่างฟีนตั้งแต่ต้น เขาก็ควรจะรู้ด้วยว่าฉันเป็นคนยังไง ฉันเดินตรงปรี่เข้ามาที่ห้องสักของเฮียยิม ผลักประตูเปิดเข้าไปเพราะรู้ดีว่าเขาไม่ได้ล็อคประตูแน่ แล้วก็เป็นอย่างที่คิดเพราะเจ้าตัวกำลังนั่งทิ้งร่างอยู่บนเก้าอี้ทำงาน พ่นควันสีเทาลอยขึ้นสู่อากาศด้วยสีหน้ากร้านโลก “เฮียยิม” “ฟีน” อีกฝ่ายตกใจไม่น้อยที่เห็นฉัน เขาเบิกตาโตก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น “มาทำไม กลับไปเลย” เขาเอ่ยปากไล่ทั้งที่ยังไม่ได้คุยกันสักประโยคเดียว ไม่เจอแปปเดียวใจร้ายขึ้นเป็นกองเลยแฮะ “เจอหน้ากันแปปเดียวก็ไล่ซะแล้ว” ฉันยิ้มยั่ว “เราเลิกกันแล้วไม่ใช่หรอวะ” “ก็ฟีนไม่ได้เลิกรักเฮีย” ใช่ เลิกกันแล้วต้องเลิกรักด้วยเหรอ ดวงตาคู่คมไล่มองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า ฉันอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นเหนือเข่าตัวโปรด ใส่เสื้อแบบสปอร์ตบาร์คู่กันกับรองเท้าผ้าใบ ในมือถือกระเป๋าเงินกับกุญแจรถควงไปมายั่วอีกฝ่ายที่ใช้สายตาสำรวจไม่หยุด “บอกอย่าใส่สั้น” “ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ” “ก็..” เขาชะงักงันไปครู่หนึ่ง เพราะว่าอาการหึงออกหน้าออกตาอย่างปิดเอาไว้ไม่อยู่ เฮียยิมให้ฉันใส่ขาสั้นได้ ไม่ใช่ว่าเขาเป็นพวกเผาเสื้อผ้าแบบนั้น แต่จะต้องมีเขาอยู่ด้วยเพราะว่าฉันเคยโดนแอบถ่ายใต้กางเกง จนเฮียยิมต้องลากหัวไอ้โรคจิตนั่นขึ้นโรงพักมาแล้ว “อีกอย่างถ้าเลิกกัน.. ฟีนจะแต่งตัวแบบไหนมันเกี่ยวอะไรกับเฮียล่ะ” “อยากโดนจับโยนออกไปข้างนอกมั้ย” “อยากโดนจับอย่างอื่นมากกว่า” "โดนจับเย็ด" "ที่นี่เลยมั้ยล่ะ" “ไอ้เด็กฟีน” ฉันกระตุกยิ้มมุมปาก มองเขาที่ถอนหายใจแรง พลางดับไฟของบุหรี่จนมอด ไฟก็ต้องเจอกับไฟสิ จะให้เอาน้ำไปดับไฟที่โหมกระหน่ำแบบเฮียยิมจะไปสู้ได้ยังไงกัน “ฟีนแค่มีเรื่องอยากจะมาบอก” เขาเปรยตามองแต่ไม่ได้พูดอะไร ฉันที่ทำท่าจะก้าวเข้าไปหาถูกอีกฝ่ายดุผ่านสายตาเลยต้องหยุดเดิน “ฟีนคิดว่ากำลังถูกพวกโรคจิตแอบตาม.. อาจจะได้สักระยะนึงแล้ว” “เพ้อเจ้ออะไร” “เฮียไม่เชื่อหนูหรอ” “แล้วมีอะไรให้น่าเชื่อถือบ้าง ไหนบอกว่าจะไม่มาเจอกันแล้วไง” “คนมันคิดถึงนี่..” คนตัวสูงกระแอมไอ “กลับไปได้แล้ว วันหลังก็ไม่ต้องมาที่นี่อีก” อยากกอดไม่ไหวแล้ว แต่เหมือนว่าเขากำลังสร้างกำแพงขึ้นมาสูงพอสมควรเลย ทำไมกันนะ.. “ฟีนอยากสัก” ฉันเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเขาเงียบ “ร้านปิด” เฮียยิมตอบกลับสั้นๆ “เลิกกันแล้วจะเลิกทำอาชีพสักด้วยหรือไง” “ก็บอกว่าร้านปิด” “งั้นจะมาใหม่พรุ่งนี้” “พรุ่งนี้ไม่อยู่” อีกคนปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย สีหน้าตายด้านราวกับไร้อารมณ์ร่วมที่จะสนทนาด้วย ฉันเสียใจไม่ใช่ไม่รู้สึก ก็แค่แสดงออกให้เขาเห็นว่าฉันไม่เป็นอะไร และพร้อมที่จะไฟ้ว์กับความหัวรั้นของเฮียยิมด้วย พอบทสนทนามันไปต่อไม่ได้ ฉันก็ไม่รู้จะยื้อไว้ยังไง เลยได้แต่ลอบถอนหายใจแล้วก้มมองนิ้วมือของเขาที่ยังสวมแหวนที่ฉันซื้อให้ฉัน แค่นั้นก็ใจชื้นแล้ว “หลบให้ได้ตลอดนะคะเฮียยิม เพราะถ้าฟีนเจอตัวรอบหน้าเมื่อไหร่” “.....” “ฟีนไม่ปล่อยให้เฮียไปแน่”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD