ทับทิมมองออกไปข้างนอกอย่างใคร่รู้ เธอหยิบโทรศัพท์มากดูเวลานี่ก็ใกล้จะเริ่มงานแล้วด้วยไม่รู้ว่าจะไปทันรึเปล่า รวีมองหญิงสาวก่อนจะเอ่ยถามอย่างแปลกใจ ดูนาฬิกาแล้วรนไปหมดสงสัยกลัวงานจะเริ่มแล้วจะไปไม่ทันล่ะมั่ง
“เป็นอะไรทำไมดูรีบ”
“กลัวไปไม่ทันงานค่ะ”
“ก็ช่างสิ”
เขาเอ่ยออกมาอย่างไม่แคร์ ไปทันหรือไม่ทันเขาก็ไม่ซีเรียสหรอกเอาเวลาที่มีไปแกล้งดวงใจของแม่เลี้ยงดีกว่าน่าสนุกกว่าเยอะเลย เขายื่นมือไปโอบเอวเธอเอาไว้ก่อนจะเริ่มลวมลามอย่างเปิดเผย หญิงสาวตาโตก่อนจะดันตัวเขาให้ออกห่างแต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีประโยชน์
“อยู่นิ่งๆสิคะจะถึงแล้ว”
“ไม่เอาอยากให้ฉันไปงานแต่งงานก็ต้องตามใจสิ ว่าแต่เธอเป็นนักแสดงนี่มีสังกัดหรือยัง”
เขาเอ่ยถามประวัติส่วนตัวของหญิงสาว ดูท่าทางน่าจะไม่มีผู้จัดการส่วนตัวและไม่มีงานเยอะมากถึงขั้นจะโด่งดังได้ ล่าสุดที่เจอน่าจะเป็นบทตัวประกอบมากกว่าเป็นนักแสดงชั้นนำ
“ไม่มีค่ะ หนูเพิ่งเข้าวงการได้ไม่นานไม่มีคนดูแลแล้วก็งานไม่ค่อยมีค่ะ”
“งั้นเหรอ… เดียร์พรุ่งนี้ทำสัญญาให้ทับทิมเข้าสังกัด แล้วก็ป้อนงานให้หน่อยเอาเรื่องที่นำมารีเมคก็ได้ขาดบทไหน”
รวีหันไปมองสบตากับผู้ช่วยผ่านกระจกสั่งให้เขาทำตามที่บอกทุกอย่างที่ต้องการ หญิงสาวมองทั้งสองคนสลับกันอย่างสงสัยนี่พวกเขาคิดจะทำอะไรกันแน่เธอเดาใจไม่ถูก
“วางตัวละครไว้แล้วครับยกเว้นนางร้ายที่กำลังคิดว่าอาจจะเปิดแคสบทละครดู”
“ไม่ต้องใส่ชื่อทับทิมเข้าไปเลย”
เดียร์พยักหน้าตอบรับอย่างรับทราบ ท่านประธานมีสิทธิ์ที่จะให้ใครแสดงบทบาทไหนก็ได้เค้าเรียกว่ามีคำสั่งชี้เป็นชี้ตายคนในวงการนี้
“ทำแบบนี้จะดีเหรอคะ ถ้าเกิดว่าใคร…”
“ไม่ต้องสนใจใครนี่เป็นคำสั่งของฉันเอง จัดการตามนี้แกละ อ่อ แล้วก็หาผู้จัดการส่วนตัวให้เธอด้วย”
“ครับนาย”
เขาหันไปมองสบตากับหญิงสาวก่อนจะบีบแก้มนวลเล่นอย่างหยอกล้อ ทับทิมเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยภายในใจคิดไม่ตกว่าชายหนุ่มกำลังคิดจะทำอะไร หรือว่าเขาจะญาติดีกับเธอและคุณน้าถ้าเป็นแบบนี้จริงก็ดีไปขออย่าให้เขาร้ายทีหลังเลยนะเธอคงรับไม่ไหว
และไม่นานก็มาถึงที่โรงแรมสถานที่จัดการแต่งงานของท่านทวีและคุณเรย์ อาจจะค้านสายตาใครไปบ้างแต่ทุกคนที่สนิทกับท่านจะรู้ว่าเขาเจ้าชู้ขนาดไหน แต่ท่านก็ยกย่องภรรยาคนเดียวมาตลอดจนเสียชีวิตนี่คงเป็นอีกคนที่ท่านจัดงานแต่งงานตามประเพณี คนรวยเค้าก็แบบนี้แหละ…
“ไปเถอะค่ะงานเริ่มแล้ว”
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในงานด้วยกันโดยมีเดียร์เดินตามหลังอยู่ไม่ห่าง เขาล่ะกลัวใจเจ้านายจริงๆไม่รู้ว่าจะมาพังงานพ่อตัวเองรึเปล่าดีนะที่วันนี้นักข่าวไม่มีสิทธิ์เข้ามาที่นี่งานแต่งงานจึงเป็นส่วนตัวที่สุด
“หนูทับทิมไปไหนมาลูกน้าตามหาซะทั่วเลย”
ทับทิมวิ่งเข้าไปหาคุณน้าก่อนจะสวมกอด ท่านทวีเห็นหน้าลูกชายก็ยิ้มกว้างออกมาทันที ในที่สุดเขาก็ยอมมางานแต่งงานสักที
“รวีพ่อนึกว่าแกจะไม่มาซะอีก”
“ก็ว่าจะไม่มาแต่ว่าบังเอิญมีสาวสวยไปรับถึงบริษัทก็เลยใจอ่อนยอมมาสักแป๊บหนึ่ง”
เขามองไปยังทับทิมอย่างเปิดเผย คุณน้าเรย์มองสายตาของลูกเลี้ยงที่มองหลานสาวของเธออย่างไม่ปิดบังความรู้สึกก็เอะใจอะไรบางอย่าง เธอดึงทับทิมไปซ่อนด้านหลังก่อนจะเอ่ยทักทายเขา
“สวัสดีค่ะคุณรวี ฉันเรย์ค่ะ”
“สวัสดีครับแม่เลี้ยง สวยนะเนี่ยไม่แปลกใจว่าทำไมหลานสาวถึงสวยขนาดนี้ ทับทิมมาอยู่กับฉันสิไม่อย่างนั้นฉันจะกลับแล้วนะ”
เขาเอ่ยออกมาเสียงข่มขู่ภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ทับทิมได้ยินแบบนั้นก็ตาโตก่อนจะหันไปมองคุณน้าของเธอทันที
“แขกมากันแล้วคุณน้ากับคุณลุงรับแขกเถอะค่ะ ส่วนคุณรวีเดี๋ยวหนูดูแลให้เอง”
“น้าว่าหนูอย่าไปใกล้เขาเลย เขาดูอันตรายเกินไป”
คุณน้าเรย์มองหลานสาวอย่างห่วงใย เธอรักทับทิมมากและอยากให้เธอมีชีวิตที่สุขสบายที่สุด และที่เธอยอมแต่งงานกับท่านทวีก็เพราะว่าเขาสามารถดูแลเราสองคนได้ แต่ตอนนี้เธอชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่ามันจะเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเราสองคน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะหนูโอเค วันนี้เป็นวันสำคัญของคุณน้ากับคุณลุง ยิ้มเข้าไว้ค่ะอย่ากังวลอะไรที่เหลือหนูจัดการเอง”
เธอกุมมือคุณน้าเอาไว้ก่อนจะเดินไปยืนเคียงข้างคุณรวี เขายิ้มออกมาอย่างพอใจก่อนจะกุมมือหญิงสาวเอาไว้แน่น น้าเรย์เริ่มอยู่ไม่สุขเพราะไม่ชอบใจเลยที่คุณรวีแตะเนื้อต้องตัวหลานสาวของเธออย่างออกนอกหน้า
“ไปเถอะคุณไปถ่ายรูปกับแขกกัน”
“ค่ะ”
ทั้งสองคนพากันเดินไปรับแขกหน้างาน ส่วนรวีทำท่าทางเหมือนคนอยากอาหารเพราะตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ทับทิมสังเกตเห็นท่าทีของชายหนุ่มก็เอ่ยถามทันที
“หิวเหรอคะ ทานอะไรมั้ย”
“มีอะไรให้กินรึเปล่าล่ะ งานก็ตั้งหรูหราน่าจะมีอะไรให้กินบ้างนะ”
“งั้นเดี๋ยวหนูไปหาอะไรให้ทานนะคะ”
เธอเสนอตัวเอาอกเอาใจชายหนุ่ม กลัวว่าเขาจะพังงานแต่งานของพ่อตัวเองเธอจึงต้องตามประกบเขาทุกฝีก้าว
“เอาสิ งั้นฉันไปนั่งเล่นข้างในดีกว่า”
เขาเดินเข้าไปในงานอย่างอารมณ์ดีเอ่ยทักทายแขกที่พอคุ้นหน้าและรู้จักกันดีอย่างเป็นมิตร ในระหว่างที่ทับทิมกำลังตักอาหารให้เขารวีก็เดินไปจิ้มเค้กแต่งงานของคุณพ่อ ทับทิมเห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งมาห้าม เค้กยังไม่ได้ตัดเลยเขาจะทำพังซะแล้ว
“เค้กนี่ไม่ได้นะคะมันเป็นเค้กแต่งงาน”
“อ่าวเหรอ… อร่อยดีนะแบ่งมากินได้ป่ะ”
เขาเอ่ยออกมาอย่างกวนประสาท ทับทิมรีบไปบอกพนักงานให้ย้ายไปที่อื่นเพราะไม่อย่างนั้นไม่มีใครได้ตัดเค้กในงานนี้แน่นอน
“คุณไปนั่งดีกว่านะคะเดี๋ยวหนูเอาอาหารไปให้”
เธอดึงชายหนุ่มไปนั่งลงบนโต๊ะก่อนจะรีบวิ่งไปเอาจานอาหารมาวางให้ชายหนุ่มตรงหน้า เขานั่งทานอย่างเอร็ดอร่อยชี้นิ้วสั่งให้เธอไปหยิบนั่นนี่ให้เขาไม่หยุด ถึงจะเหนื่อยแต่ก็ต้องยอมเพราะไม่อย่างนั้นเขาจะต้องไปวุ่นวายกับของทุกอย่างในงานและเดี๋ยวจะซวยกันหมด เดียร์ที่เห็นเจ้านายกวนประสาทหญิงสาวก็อดขำไม่ได้ แต่แปลกที่เขายอมมาดีๆทั้งที่บอกไว้แล้วว่าจะไม่มา กลัวใจเหลือเกินว่ากำลังคิดแผนร้ายอะไรอยู่
“น้ำส้มค่ะ”
“เอาน้ำแข็งด้วยดิอยากกินแบบเย็นๆ”
“ได้ค่ะงั้นรอสักครู่นะคะ”
ทับทิมรีบวิ่งไปเติมน้ำแข็งให้ชายหนุ่มก่อนจะรีบกลับมาให้เขาอย่างเหนื่อยหอบ รวีรับแก้วน้ำมาดื่มอย่างชื่นใจก่อนจะหันไปมองดอกไม้ภายในงาน
“ดอกไม้สวยอ่ะฉันเอาไปใส่แจกันที่ห้องทำงานดีกว่า เดียร์ให้คนมายกดอกไม้พวกนี้กลับออฟฟิศเลยเอาหมดเลยนะ”
“ไม่ได้นะคะงานยังไม่เลิกเลยคุณจะเอาของออกไปไม่ได้นะคะ”
ทับทิมตาโตอย่างตกใจก่อนจะรีบร้องห้าม รวียักไหล่เล็กน้อยก่อนจะตักสลัดกินต่อ
“อะไรก็ไม่ได้ไม่สนุกเลย กินเสร็จจะกลับแล้วนะ”
“คุณต้องอยู่จนจบงานนะคะ”
เธอเอ่ยออกมาเสียงเด็ดขาด ยังไงเขาจะต้องอยู่แสดงความยินดีกับผู้ใหญ่ทั้งสองคนจนจบงาน รัวพยักหน้าช้าๆก่อนจะมองเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“อยู่ต่อก็ได้แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ”
“แลกเปลี่ยนอะไรคะ…”