บทนำ
“น้องทับทิมวันนี้มีถ่ายบทรวมแก๊งเพื่อนนะ เรามีคิวไม่เยอะมาช่วงเช้าเลยแล้วกัน”
ผู้กำกับเอ่ยออกมาเสียงเรียบ เธอเพิ่งเรียนจบใหม่และตอนนี้กำลังเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงอาชีพที่ใครหลายคนบอกว่าหาเงินได้เยอะที่สุดและเร็วที่สุด เธอเพิ่งเข้ามาได้ไม่นานเริ่มจากการเป็นตัวประกอบธรรมดาจนตอนนี้มาถึงบทแก๊งเพื่อนนางเอก แค่นี้ก็ถือว่าเธอมาเร็วมากแล้ว
“ได้ค่ะ งั้นพรุ่งนี้หนูมาเช้าเลยนะคะ”
“อืม ตั้งใจล่ะเรายังอ่อนประสบการณ์มาก การแสดงก็ยังแข็งอยู่ถ้าฝึกเยอะๆก็น่าจะดีขึ้น”
“หนูจะพยายามนะคะ”
เธอยกมือไหว้ขอบคุณก่อนจะเดินไปเก็บของแล้วกลับบ้านไปหาคุณน้าของเธอ ชีวิตที่ผ่านมามีแค่คุณน้าที่เลี้ยงดูเธอมาคุณพ่อกับคุณแม่แยกทางกันและไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนมีชีวิตยังไง ผู้มีพระคุณของเธอในตอนนี้ก็มีแค่คุณน้าเท่านั้น เธอรักท่านมากและอยากจะให้ท่านมีชีวิตที่สุขสบาย
เมื่อมาถึงที่บ้านเธอก็รีบวิ่งไปหาคุณน้าของตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าท่านกำลังมีแขกอยู่ก็เลยมองเข้าไปดูแทน
“อ่าวกลับมาแล้วเหรอทับทิม มาหาน้าสิ”
เธอวางกระเป๋าลงก่อนจะเดินเข้าไปใกล้คุณน้า ทับทิมนั่งลงข้างน้าสาวก่อนจะยกมือไหว้แขกของคุณน้า
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีจ้ะหนูทับทิม น้าของเราเล่าให้ฟังบ่อยๆว่าอยู่กับหลานสาวตัวจริงสวยเชียว เห็นว่าเป็นดาราเหรอไปอยู่สังกัดของลูกชายลุงสิให้เค้าดันไปเป็นนางเอกจะได้เติบโตเร็วๆ”
“ลูกชายคุณลุงเป็นเจ้าของช่องเหรอคะ”
เขาพยักหน้ายิ้มๆก่อนจะส่งนามบัตรลูกชายมาให้ เธอยกมือไหว้ขอบคุณก่อนจะรับนามบัตรมาเปิดดู รวี ตันกิตติกุล เจ้าของ B2 นี่นา คนนี้เป็นคุณพ่อของเขาเหรอเนี่ย ว่าแต่ทำไมถึงรู้จักกับคุณน้าล่ะ
“โทรหาเลยนะบอกว่าลุงเป็นคนฝากมาเอง เดี๋ยวจะไปบอกให้อีกที”
“ขอบคุณนะคะ”
เธอยิ้มกว้างออกมาก่อนจะหันไปมองคุณน้าของเธอที่ตอนนี้คุยกับคุณลุงคนนี้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาคุณน้าของเธอดูมีความสุขมากก็วันนี้แหละ
“งั้นวันนี้ผมกลับก่อนดีกว่าคุณก็อยู่กับหลานเถอะ เอาไว้ผมจะมาหาใหม่”
“ค่ะ งั้นฉันเดินไปส่งนะคะ”
ทับทิมนั่งอยู่ในห้องรับแขกรอคุณน้าเดินไปส่งคุณลุงและไม่นานท่านก็เดินมาหาเธอที่ห้องรับแขก ดูเหมือนว่าหลานสาวคนสวยจะมีคำถามมากมายอยากจะคุยด้วย เพราะฉะนั้นเธอจะตอบทุกคำถาม
“มีอะไรจะถามน้าว่ามาสิ”
“คุณลุงคนนี้เป็นใครคะแล้วรู้จักกับคุณน้าได้ยังไง”
“เราสองคนรู้จักกันเพราะท่านมาตีกอล์ฟบ่อย น้าทำงานที่นั่นได้เจอกับท่านรู้จักกันคุยถูกคอก็เลยเป็นเพื่อนกันนะจ้ะ”
ทับทิมพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเข้าใจ เธอดูแล้วเหมือนไม่ใช่เพื่อนกันธรรมดา ถ้าเกิดว่าคุณน้าจะมีความรักเธอก็ดีใจนะเพราะท่านก็อยู่กับเธอแบบนี้มาตั้งนานไม่เคยมีใครเลย คอยหาเงินเลี้ยงดูเธอจนเรียนจบ ถ้าท่านจะมีความสุขบ้างเธอก็ยินดี แต่ถ้าทางนั้นมีภรรยาบอกตามตรงเธอไม่สนับสนุน
“งั้นเหรอคะ หนูเข้าใจแล้วค่ะงั้นไปอาบน้ำซ้อมบทละครก่อนนะคะ”
“ได้สิจ้ะเดี๋ยวน้าเอาผลไม้กับน้ำส้มคั้นไปให้”
“ขอบคุณนะคะ รักคุณน้าที่สุดเลย”
ทับทิมสวมกอดคุณน้าก่อนจะผละออกแล้วเดินขึ้นไปในห้องนอนของตัวเอง เธอหยิบนามบัตรที่คุณลุงให้มาดูก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าตามเดิม เธอจะพยายามด้วยตัวเองให้ถึงที่สุด ไม่อยากโทรไปแล้วจะต้องเป็นหนี้บุญคุณใคร
“เอาวะสู้ต่อไปนะทับทิม เธอต้องทำได้สักวัน”
ทางด้านของคุณทวีเขาเดินทางกลับมาที่บ้านหลังจากที่ไปทำบุญให้ภรรยาที่เสียชีวิตไปเมื่อสามเดือนก่อน เขารู้สึกผิดกับภรรยาเป็นอย่างมากเพราะความเจ้าชู้ของตัวเองจึงทำให้ภรรยาอาการแย่ลงและเสียชีวิตไปในที่สุด ถึงแม้คุณหมอจะบอกว่าภรรยาจากไปด้วยโรคร้ายแต่ในใจลึกๆเขาก็คิดว่าเป็นความผิดของตัวเอง รวมถึงลูกชายที่คิดแบบนั้นเช่นกัน เราสองคนเหมือนคนแปลกหน้าตั้งแต่ที่ภรรยาเสียชีวิตไป
“รวี พ่อขอคุยด้วยหน่อย”
คุณทวีเห็นลูกชายก็รีบเรียกไว้ทันที เขาหยุดชะงักไปก่อนจะหันไปมองหน้าพ่อที่เขาผิดหวังในตัวของท่านมากที่สุด เพราะชายตรงหน้าถึงทำให้แม่อาการแย่ลงและจากไปในที่สุด หลังจากนั้นบอกเลยว่าเขาไม่สามารถมองหน้าท่านได้เต็มตา มันกลายเป็นอคติภายในใจต่อต้านเขามาตลอดสองเดือนมานี้ ถ้าเขารักแม่คนเดียวท่านคงจะอยู่ด้วยกันนานกว่านี้
“มีอะไรครับ…”
“พ่อจะฝากเด็กคนหนึ่งให้ไปอยู่ในสังกัดของลูก เธอน่ารักนะสวยมากเลยด้วย พ่อเชื่อว่าเธอจะเป็นนัดแสดงที่ดีได้ นี่รูปถ่ายลองดูสิ”
ท่านทวีเปิดโทรศัพท์ส่งรูปภาพของทับทิมไปให้ลูกชายดู เขาขอมาจากน้าของเธอเผื่อว่าลูกชายอยากจะเห็น
“อย่าบอกนะว่าเป็นเมียน้อยพ่ออีกคน นี่เล่นรุ่นลูกเลยเหรอ เหอะ!”
“แกนี่คิดลบกับพ่อตลอด ถึงพ่อจะเลวแต่ก็ไม่ได้เลวถึงขั้นเอาเด็กมาทำเมียหรอกนะ เธอเป็นหลานสาวของน้าเรย์ต่างหาก พ่อเห็นว่าเธอทำงานในวงการแต่ยังขาดคนสนับสนุนก็เลยเอามาฝากลูก”
คุณพ่อเอ่ยออกมาเสียงเรียบ แต่รวีไม่สนใจเพราะไม่ใช่เรื่องของเขาอีกอย่างทำไมจะต้องช่วยพวกญาติๆเมียน้อยของพ่อด้วย
“ไม่อ่ะผมไม่รับฝาก อ่อ น้าเรย์นี่คุ้นนะเมียน้อยคนล่าสุดรึเปล่า จำได้ว่าแม่อาการทรุดลงเพราะผู้หญิงคนนี้นะ”
“พ่อกับน้าเรย์เราสองคนไม่มีอะไรจริงๆ ตอนนั้นพ่อยังไม่มีใครเลยนะและหมอก็บอกว่าแม่อาการทรุดลงเพราะโรคกำเริบ เราสองคนคุยกับแบบเพื่อนตอนนั้นไม่มีอะไรจริงๆ”
“แสดงว่าตอนนี้มีแล้วสินะ อีกอย่างเพราะสภาพจิตใจอ่อนแอไงถึงได้ทรุดลง พ่อนี่ไม่เคยโทษตัวเองเลยนะ แทนที่จะคิดได้ว่าพ่อไม่ควรไปมีผู้หญิงคนนั้นคนนี้ไปทั่วแต่ก็ยังทำ ตอนนี้แม่เสียไปแล้วนี่พ่อจะมีกี่คนก็ได้ไม่ใช่เหรอ ตามสบายนะผมไม่ยุ่งกับพ่อหรอก เราต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด”
เขาเอ่ยออกมาเสียงเย็นชาก่อนจะเดินออกไปทันที คุณทวีเรียกลูกชายไว้ก่อนจะเอ่ยออกมา
“พ่ออยากจะแต่งงานใหม่ และครั้งนี้พ่อจะหยุดเจ้าชู้แล้วจะไม่มีใครอีก”
รวีหยุดชะงักไปก่อนจะหันกลับมามองสบตากับคุณพ่อของตัวเอง เขาไม่สนใจหรอกว่าคุณพ่อจะมีเมียกี่คนหรือจะแต่งงานกับใคร
“ตามสบายผมไม่ห้าม”
“ถ้างั้นพ่อจะพาน้าเรย์มาอยู่ที่นี่ด้วยกันนะ ลูกโอเคใช่มั้ย”
เขาเอ่ยออกมาเสียงเบา กลัวใจลูกเหลือเกินว่าจะคิดมาก บ้านหลังนี้เป็นสมบัติที่เขากับภรรยาสร้างมาด้วยกัน เมื่อเธอเสียชีวิตลงทุกอย่างก็ต้องเป็นของลูกชายแต่เขายังมีส่วนในทรัพย์สินครึ่งหนึ่งที่ยังไม่ได้โอน ถ้าจะพาใครมาอยู่ที่นี่เขาจะต้องถามลูกก่อน
“พ่อจะมีเมียน้อยกี่คนผมไม่เคยห้าม แต่พามาอยู่ที่บ้านมันมากเกินไปรึเปล่า”
“น้าเรย์เป็นคนดีนะ พ่อเชื่อว่าเธอจะเข้ากับลูกได้”
“งั้นเหรอ… พ่อยังยืนยันจะพามาอยู่ที่นี่ให้ได้ใช่มั้ย”
เขาถามย้ำอีกครั้ง เราเป็นลูกไม่มีสิทธิ์ที่จะห้ามพ่อทำอะไรเหมือนกับที่พ่อไม่มีสิทธิ์ห้ามเขาเช่นกัน เราสองคนอยู่แบบให้อิสระต่อกันถ้าเขาทำแบบไหนเขาก็ทำคืนแบบนั้น
“ใช่… พ่อจะพาน้าเรย์กับหนูทับทิมมาอยู่ที่นี่”
“ได้… เอาสิ”
เขายิ้มมุมปากออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นทันที คุณทวีมองตามลูกชายไปอย่างกลัวใจเหลือเกิน เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดหรือระบายกับพ่ออย่างเขาสักครั้งนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเดาใจลูกชายไม่ออก กลัวว่าเขาคิดจะทำอะไรจริงๆ…