ตอนที่ 3
ย้อนไปเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว
เขาไม่เคยเชื่อเรื่องพรหมลิขิต แต่แวบแรกที่เขาเห็นใบหน้าของเด็กสาวคนนั้นมันเหมือนมีความรู้สึกคุ้นเคยกับเธอมาก่อน ภาพที่เขาเห็นเธอตรงหน้ามันเหมือนเป็นภาพของวิดีโอฟิล์มเก่า ๆ สีออกเหลือง ๆ ไม่ชัดแต่นั้นก็แค่แวบแรกเท่านั้น เขาสบตากับเด็กสาว และหลังจากนั้นเขาเองก็แทบจะละสายตาจากเธอไม่ได้อีกเลย เขาเป็นคนที่รักใครยาก ที่ผ่านมามีผู้หญิงเขาหาเขาตั้งมากมาย แต่เขาก็ปฏิเสธไปหมด เพราะมีใจรักเพียงแค่เธอคนเดียว
นรภัฏรู้สึกประหลาดขึ้นมาในใจเมื่อพบเธอครั้งแรก ความรู้สึกตอนนั้นไม่ใช่แค่เพียงความรู้สึกที่คุ้นเคยเพียงอย่างเดียว แต่เขายังรู้สึกถูกชะตากับเด็กสาวคนนี้เป็นอย่างมาก ความน่ารักรวมไปถึงรอยยิ้มของเธอทำให้เขาคิดถึงเรื่องรักแรกพบขึ้นมา ไม่ใช่ว่าเราจะผูกพันธ์กับใครง่าย ๆ ได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่เขาก็รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ พอถึงคราที่เขาจะได้พูดกับเธอเขาก็แทบพูดไม่ออก เขาสบสายตาเธอเพียงชั่ววินาที ก็ทำให้เด็กสาวใบหน้าร้อนผ่าว จนเธอต้องรีบก้มหน้าลงหลบสายตาของเขา นั่นแหละเขาจึงได้โอกาสพูดกับเธอ
“หนู...ข้าวเหนียวมะม่วง ขายอย่างไรครับ”
“ขายเป็นชุดค่ะ ชุดล่ะ 50 บาท” เด็กสาวหันมาสบตาเขาอีกครั้งเพื่อตอบคำถาม
“งั้นพี่เอาสองชุดครับ” เด็กสาวจัดมะม่วงและข้าวเหนียวใส่กล่องพร้อมกับใส่ถุงหิ้วเรียบร้อยแล้วยื่นให้ชายหนุ่ม
“ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวรับเงินจากเขาไป แต่พอดูก็รู้ว่าตนเองนั้นไม่มีเงินมากพอที่จะทอนให้เขา
“เอ่อ..พี่คะ คือหนูไม่มีเงินทอน คุณยายหนูยังไม่มาถึงที่ตลาดเลยค่ะ พอดีหนูมาที่นี่ก่อน”
“ไม่เป็นหรอกครับ พี่ไม่รีบ งั้นพี่อยู่คุยกับหนูก่อนได้มั้ย” อันที่จริงเขาจะสแกนจ่ายเลยก็ได้ แต่หากว่าเจตนาของเขาไม่ได้รีบจะไปจากเธอสักหน่อย เรื่องอะไรจะบอกว่าเขาต้องการจ่ายเงินแบบนั้น
“ค่ะ อีกไม่นานคุณยายก็น่าจะมาถึงแล้ว” เด็กสาวมองหาแผ่นป้ายคิวอาร์โค้ดรับเงิน แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่พบ ในลิ้นชักใต้รถเข็นก็ไม่มี เธอเลยรีบโทรบอกคุณยายให้รีบมา เพราะคิดว่ามันน่าจะอยู่ที่รถเข็นของคุณยาย นรภัฏเห็นเด็กสาวรีบร้อน จึงเอ่ยขึ้นหลังจากเธอวางสายโทรศัพท์กับคนที่เธอเรียกว่าคุณยาย
“พี่เลิกงานแล้ว ไม่ได้รีบร้อนไปไหนหรอกครับ หนูมาขายที่นี่ทุกวันเหรอครับ”
“ค่ะ หนูมาช่วยคุณยายขายขนมที่นี่ทุกวัน” เด็กสาวพลางเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าตังใบน้อยของเธอ และพลางมองหาคิวอาร์โค๊ดอีกครั้ง แต่ก็ไม่เห็นมันอยู่ดี
“ขยันจังเลยนะ นอกจากขายข้าวเหนียวมะม่วงแล้ว..หนูขายขนมอย่างอื่นด้วยมั้ย” นรภัฏชวนเด็กสาวคุยไปเรื่อย ๆ ระหว่างที่รอคุณยายของเธอ
“ก็มีค่ะ เป็นขนมไทย พวกบัวลอย ทับทิมกรอบ ลอดช่อง หม้อแกง เอ่อ!!!พี่คะ!!!...คุณยายหนูกำลังเข็นมาโน่นแล้วค่ะ” เด็กสาวรีบบอกและชี้มือไปที่หญิงชราคนที่กำลังเข็นรถเข็นเข้ามาในตลาด ข้างบนรถเข็นเต็มไปด้วยขนมหวานหลากหลายชนิด นรภัฏมองตามนิ้วชี้เล็ก ๆ ของเธอไป พอคุณยายของเด็กสาวเดินมาถึงที่ เด็กสาวก็รีบบอกคุณยายของเธอทันที
“คุณยายคะ พี่เค้ารอตังทอน ฝ้ายไม่มีตังทอนเลยคุณยาย”
“แบงค์พันซะด้วยยายก็ไม่มีหรอก ต้องเอาไปแตกเซเว่นข้างหน้าโน่นแหละคุณ” หญิงชราหันมาบอกนรภัฏ ที่กำลังยิ้มให้คุณยาย
“ไม่เป็นครับคุณยาย วันพรุ่งนี้..ผมค่อยแวะมาเอาเงินทอนก็ได้”
“จะดีเหรอคะพี่.” เด็กสาวรีบถาม ไหน ๆ คุณยายก็มาแล้ว เธออาสาจะเอาไปแลกให้เขาก็ได้ แต่เขาก็รีบพูดออกมาเป็นประโยคสั้น ๆ
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่จะซื้อขนมเพิ่มไปอีกหน่อยก็ได้”
นรภัฏเลือกซื้อขนมทุกอย่าง ๆ ละสองถึงสามชิ้น แต่จำนวนเงินก็ยังไม่ถึงหนึ่งพันบาทอยู่ดี เขาจึงรีบบอกอีกครั้งว่า
“เดี๋ยวพี่ค่อยแวะมาเอาเงินทอนพรุ่งนี้ก็ได้ครับ”
“แต่ว่าพรุ่งนี้หนูอาจจะไม่ได้มาขายนะคะ”
“งั้นพี่ขอไลน์ของหนูเอาไว้หน่อยได้มั้ย เผื่อได้ติดต่อกันว่าหนูกับคุณยายจะมาขายอีกทีวันไหน” นรภัฏยื่นข้อเสนอ
“อืม..เอางั้นก็ได้ค่ะ” เด็กสาวเปิดโทรศัพท์เพื่อให้นรภัฏสแกนคิวอาร์โค๊ดเพิ่มเพื่อนในแอพไลน์
“งั้นพี่ไปก่อนนะครับ แล้วจะไลน์หานะ” เขายิ้มให้เด็กสาวก่อนจะเดินจากไป
กลางดึกคืนนั้นนรภัฏก็ส่งข้อความหาเด็กสาวทันที และถามว่าเธอจะมาขายขนมที่ตลาดนัดตอนเย็นอีกวันไหน หลังจากนั้นทั้งสองก็คุยกันมาเรื่อย ๆ จนได้รู้เรื่องราวส่วนตัวกันมากขึ้น จนทั้งสองเริ่มสนิทกัน
พอหลังจากนั้นทุก ๆ เย็นที่นรภัฏเลิกงานแล้ว เขาก็จะมาช่วยเด็กสาวซื้อขนม ในบางครั้งที่เธอขายคนเดียวคุณยายเธอยังไม่มาถึง เขาก็จะอยู่ขายเป็นเพื่อนเธอ เขาแลกเงินทอนมาไว้เพื่อช่วยให้เธอสะดวกขึ้น แถมยังซื้อขนมไปฝากคุณแม่และน้องสาว รวมไปเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียง เพราะอยากให้เด็กสาวได้กลับบ้านเร็วขึ้น
ช่วงเย็นของวันหนึ่ง
“ฝ้าย รายงานที่ฝ้ายฝากพี่เข้าเล่มให้...เรียบร้อยแล้วนะ” เขายื่นรายงานที่เธอฝากเข้าไปเข้าเล่มเมื่อวันก่อนให้เธอ
“กี่บาทคะพี่ภัฏ”
“เฮ่ย ๆ ไม่ต้อง ๆ พี่เต็มใจช่วย” เขารีบโบกไม้โบกมือ
“แล้วเสาร์อาทิตย์นี้ มีรายงานต้องทำอีกเยอะมั้ย”
“ก็พอมีบ้างค่ะ..แต่ไม่เยอะหรอก พี่ภัฏจะชวนฝ้ายไปไหนคะ”
“พี่จะชวนฝ้ายไปดูหนังกับพี่ได้มั้ย” เขาพูดขึ้น
“ฝ้ายยังไม่รับปากนะคะ เพราะฝ้ายต้องขออนุญาตกับคุณยายก่อน ไม่รู้ว่าคุณยายจะอนุญาตหรือเปล่า แล้วกลับดึกมั้ยคะ”
“ไม่ดึกหรอก เย็น ๆ ก็กลับแล้ว..งั้นเดี๋ยวพี่จะช่วยไปยืนยันกับคุณยายเอง” ปภาวรินทร์ เธออายุเพียง 17 ปีเท่านั้น นรภัฏจะทำอะไรจะพาเธอไปไหนก็ต้องระมัดระวังอยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกินเธอ เขาบริสุทธิ์ใจที่จะคบหาเธอ และไม่คิดจะล่อลวงไปในทางเสื่อมเสียอย่างแน่นอน
ความรู้สึกในครั้งแรกที่เขาตัดสินใจจีบปภาวรินทร์เธอเป็นเหมือนหญิงสาวที่เขารอคอยมาตลอด ทุกอย่างที่รวมเป็นเธอนั้นถูกใจเขาไปเสียหมด จนวันที่เธอตัดสินใจยอมเป็นแฟนกับเขา โลกทั้งใบของนายภัฏก็กลายเป็นสีชมพู