จึงต้องทำตามอย่างที่เขาสั่งชนิดเลี่ยงไม่ได้ ทันทีที่ลืมตาขึ้นมาก็เห็นเขามองเธออยู่ก่อนแล้ว
“หกโมงเย็นถึงหกโมงเช้าต้องมารอที่ห้องนี้”
เขาพูดอย่างกับครูประจำหอพักสุดโหดที่บอกกฎระเบียบเคร่งครัดให้นักเรียนประจำที่มาใหม่ได้รับฟัง บอกอะไรต่อมิอะไรออกมาอีกหลายอย่าง แต่ปภาณิณไร้ซึ่งความสนใจ สมองของเธอจดจำข้อแรกได้เพียงข้อเดียวเท่านั้นว่าต้องมาถึงที่นี่และอยู่ในเวลาหกโมงเย็นจนถึงหกโมงเช้าเท่านั้น สายตามองเหม่อครุ่นคิดอย่างอับจนปัญญา
หากบิดายังคงสบายดี เธอคงไม่ต้องมาทำเรื่องต่ำตมเช่นนี้
พฤกษ์พูดถึงข้อตกลงไม่จบดี แล้วก็ให้หงุดหงิดในใจยิ่งนัก เมื่อหญิงสาวตรงหน้าเมินมองไปทางอื่นอย่างเหม่อลอย ทำราวกับหมดซึ่งความสนใจในตัวของเขาแล้ว จึงหยุดพูดแล้วเข้าไปตวัดร่างของคนที่ตัวเล็กกว่าตนถึงครึ่งค่อนขึ้นอุ้ม แววตาเข้มจัดด้วยแรงอารมณ์ล้ำลึกบอกอย่างพยายามไม่ให้เสียงสั่นพร่าจนน่าอาย
“และ...ผมชอบทำในห้องมากกว่าข้างนอก”
แขนของเธอโอบรอบคอเพราะกลัวว่าหากปล่อยมือเธออาจหล่นลงกระแทกพื้นได้ หรือแท้ที่จริงเธอต้องการเกี่ยวรัดตัวเองไว้กับพฤกษ์ทั้งตัวและหัวใจ หากเธอยอมเป็นของเขาแล้วจะไม่มีทางปล่อยให้พฤกษ์หลุดลอยออกไปได้อีกโดยเด็ดขาด วินาทีนี้เองที่จังหวะหัวใจของเธอเต้นแรงโลดแทบหลุดออกมานอกทรวงอก ตลอดเวลายี่สิบห้าปีปภาณิณไม่เคยปล่อยกายกับชายคนใดมาก่อน คงเพราะบอกตัวเองว่าเธอเฝ้ารอใครบางคนอยู่
และใครบางคนนั่นก็อิงแอบแนบชิดกับเธอแล้วในตอนนี้
พฤกษ์เดินเข้ามาด้านในห้องของเขาด้วยระยะทางไม่กี่ก้าวเท่านั้น ก่อนวางเธอลงบนพื้นพรมที่เป็นโทนสีหลักของห้องพัก แล้วผละมายืนมองดูเธอทั้งตัว เขาว่าขึ้นอย่างไม่รีบไม่ร้อนเท่าไรนัก
“เราจะเริ่มกันวันนี้ และในเมื่อคุณตกลงยอมรับข้อเสนอแล้วก็จัดการถอดเสื้อให้ผมเสียที”
ปภาณิณใจแกว่งไกวกว่าเดิม เธออึ้งแต่แล้วก็ยอมเข้าไปยืนประจันหน้ากับพฤกษ์ พร้อมยกมือขึ้นปลดกระดุมเสื้อเขาออกทีละเม็ด เริ่มจากเม็ดบนสุด และมันก็บ้านักที่มือของเธอสั่นจนเห็นได้ชัด พฤกษ์เองคงเห็นเช่นกัน เขาทาบมือของเขาลงที่มือของเธอเมื่อมาถึงกระดุมเม็ดที่อยู่ระดับหน้าอก
คล้ายกับช่วยแต่เปล่า เขาคลายแรงทาบออกแล้วไล้ปลายนิ้วมือบนหลังมือของเธอไปมาอย่างปลุกเร้า
ปภาณิณเม้มปากระงับความรู้สึกซาบซ่านที่ผุดพร่างขึ้นทั่วกาย หัวใจเต้นโครมครามพร้อมกับลมหายใจที่สะดุดแล้วสะดุดอีก อาการเหล่านั้นยิ่งหนักหน่วงมากขึ้น เมื่อถูกเขารั้งเข้าหาให้แนบชิดกันทั้งเรือนกาย พร้อมกับที่ปากของพฤกษ์ประทับลงมาบดขยี้ดูดเม้มริมฝีปากของเธออย่างเร่าร้อน ลิ้นไล้เลียก่อนดันแทรกรุกเร้าจนเธอสุดจะต้านทานเขาได้ ขาของเธอเหมือนกับจะอ่อนเปลี้ยลงไปในนาทีนั้น เขาดูดซับความหวานจากโพรงปากของเธออีกครู่ใหญ่ถึงยอมคืนอิสระให้ดังเก่า
ปภาณิณตาปรือไปแล้วในตอนนี้ เมื่อตั้งสติได้ก็พบว่าดวงตาสีดำสนิทราวราตรีกาลของพฤกษ์นั้นเหมือนมีกองเพลิงอยู่ข้างในก็ให้สั่นไปทั้งเนื้อทั้งตัวคล้ายกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน มันช่างวาบหวิวอย่างไรบอกไม่ถูก
เขาปลดเปลื้องอาภรณ์ของเธอออกด้วยการโอบมือรูดซิปไปที่ทางด้านหลังลากลงตามความยาวของซิป พร้อมถือโอกาสนั้นไล้ปลายนิ้วลงบนแผ่นหลังของเธออีกด้วย หญิงสาวตัวชาวาบ แอ่นอกหนีแต่แล้วที่เบื้องหน้าก็มีเขารองรับอยู่
แล้วสมองก็พร่าเลือนไปอีกครั้ง เมื่อพฤกษ์ลากฝ่ามืออ้อมมาด้านหน้า ผ่านยอดอกของเธอก่อนทาบทั้งอุ้งมือนวดเฟ้นทะนุถนอมแผ่วเบา ปลายนิ้วของเขาราวกับมีไฟติดอยู่ที่ตรงนั้น มันทั้งร้อนและปลุกเร้า หญิงสาวเม้มปากแน่นเมื่อลำคอเหมือนจะเปล่งเสียงครางออกมา ฉับพลันเธอถูกตวัดอุ้มขึ้นแล้วพาลงไปยังเตียงนอนกว้างที่กลางห้อง พร้อมกับที่เขาตามติดลงมา
พฤกษ์ลูบไล้ทั่วเรือนร่างของเธออีกครั้ง บริเวณที่มือของเขาลากผ่านก็เหมือนกับว่าผิวจะไหม้ติดไฟขึ้นมาได้เอง คงเพราะฝ่ามือใหญ่นั่นมีอุณหภูมิสูงจัดแต่แล้วก็ทำให้อบอุ่นตามมาได้อีกด้วย
ขณะที่ยังคงมึนงงอยู่นั้น ก็ให้เย็นวาบเมื่อรู้สึกว่าท่อนล่างของเธอนั้นไร้ซึ่งสิ่งปกปิด พฤกษ์เปลื้องปราการด่านสุดท้ายออกไปอย่างเบามือเหมือนเขาเป็นนักถอดมืออาชีพ แล้วก็เห็นกลุ่มผมสีดำของเขาซุกซบลงมาที่ทรวงอิ่มเต็มตึง ปากร้อนครอบลงบนยอดอกด้านซ้ายพร้อมเม้มมิ้มก้อนเนื้อบนสุดที่แข็งเป็นไต เขาเลียไล้ไปมาจนเธอหลุดเสียงครางอย่างสุดกลั้น
“เพาะ...พอก่อนได้ไหมคะ”
เธอน่าจะรู้ว่าพฤกษ์เป็นพวกยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เขาเป่าลมเย็นๆลงมาก่อนเม้มอีกครั้งอย่างหยอกเย้า แล้วในตอนนี้ก็เหมือนกับว่าสติของเธอปลิวหายไปไหนแล้วไม่รู้
“คงจะไม่ได้”
ปากเขาว่างแล้วนั่นเอง เมื่อพฤกษ์ยอมผละออกจากยอดอกสีสดที่หวานล้ำจนอยากทำมากกว่าที่เป็น แต่อะไรไม่รู้ดลใจให้เขาค่อยเล็มลิ้มชิมเธอทีละนิด
มืออุ่นจัดจนร้อนแทบไหม้ของพฤกษ์ไล้ต้นขาเนียนลออจากล่างขึ้นมาถึงโคนต้นขาด้านใน ก่อนแยกกว้างออกอย่างเชื่องช้าทว่าเอาจริง แม้มีแรงน้อยนิดต้านทานมือเขาอยู่แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่อุปสรรคของเขา
เธอขืนตัวเอาไว้อีกครั้งโดยอัตโนมัติ เพราะเกิดกลัวขึ้นมาแวบหนึ่ง แต่มันอยู่ได้ไม่นานนักเพราะพฤกษ์สัมผัสเบาๆปลอบประโลมแฝงหลอกล่อที่มาพร้อมกับจุมพิตหวานแหลมและแล้วปภาณิณก็ลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง ลืมแม้แต่ฝ่ามือร้ายกาจที่ไต่เข้าไปแตะเนินสาว