ปภาณิณไม่ได้แวะพักจอดรถที่ไหน เธอขับมาเรื่อยๆจนถึงจุดหมายในที่สุด ตั้งใจว่าคืนนี้เข้าบ้านก่อน แล้วรุ่งขึ้นจึงจะออกไปดูอาการของบิดา เพราะหากมีอะไรร้ายแรงนางจันทร์เพ็ญที่เฝ้าอยู่ด้วยจะต้องโทรศัพท์มาบอกเธอ เมื่อจอดรถลงแล้วพบว่าบ้านยังคงสว่างไสวอยู่ ทั้งที่ล่วงเข้าวันใหม่มานานร่วมชั่วโมงแล้วตอนนี้
เดินเข้ามาถึงด้านในก็พบชายหนุ่มที่หายหน้าไปนานหลายวัน จึงเอ่ยทักอย่างยินดี
“พี่กวินกลับมาเมื่อไรคะ”
เธอรักกวินเสมือนพี่แท้ๆคนหนึ่ง และกวินเองก็รักและเอาใจใส่เธอไม่ต่างจากกีรนา เมื่อสิบปีก่อนนั่น ตอนที่เธอยืนร้องไห้อยู่หน้าบ้าน โดยมีพฤกษ์ต่อว่าเสียงดังลั่น กวินกระโดดเข้าไปชกต่อยกับพฤกษ์จนหน้าแตกยับกันไปคนละสองสามแผล กวินเป็นห่วงและหวงน้องสาวไม่น้อยทีเดียว ไม่ใช่แค่กีรนา กับเธอกวินยิ่งกว่าหวง และเธอรู้ดีว่าเป็นความห่วงหวงแบบพี่น้องจริงๆ
และตอนนี้กวินผู้มีใบหน้าหล่อเหลาขาวสะอาดตา กลับเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำเขียวม่วงเกือบทั่วใบหน้า เจ้าตัวเมินหลบอย่างไม่อยากให้สำรวจร่องรอยการถูกทำร้าย เธอเองก็ปากหนักไม่กล้าเอ่ยถาม กีรนาที่นั่งอยู่ด้วยจึงตอบขึ้นแทน
“กลับมาตั้งแต่ตอนสายๆแล้วค่ะ”
“แล้ว...กินอะไรหรือยัง” ถามต่ออย่างเป็นห่วง
“กินไม่ลงหรอกค่ะพี่เหนือ สงสัยจะเจ็บปาก กีให้ในครัวทำน้ำพริกกับยำเล็บมือนางของโปรดให้ก็ไม่ยอมกินดูซิ เรื่องมากจริงเชียว”
คนช่างพูดว่าเจื้อยแจ้วแล้วแสร้งหาว บอกขึ้นลอยๆ
“ง่วงแล้ว กีไปนอนก่อนนะพี่กวิน”
กีรนาบอกด้วยสีหน้ามีพิรุธแล้วเข้ามาคล้องแขนเธอพากันเข้าไปคุยในห้อง ทันทีที่ประตูปิดลง กีรนาที่คันปากมานานว่าขึ้น
“พี่กวินอกหักกลับมาค่ะ”
“อ้าว แฟนคนไหนอีกล่ะ”
เธอวางกระเป๋าลงแล้วค่อยถาม น้ำเสียงไม่ได้แปลกใจเท่าไรนัก เพราะกวินกับเรื่องราวรักๆใคร่ๆแบบสมหวังบ้างไม่สมหวังบ้างเป็นสิ่งที่เดินคู่กับกวินอยู่เสมอ คงด้วยว่าเป็นนักร้องหน้าตาดี คลุกคลีอยู่ในวงการดนตรีโดยตลอด ใช้ชีวิตแบบคนกลางคืน จึงไม่ใช่เรื่องประหลาดเลยแม้แต่น้อยที่จะได้ยินเรื่องราวเช่นนี้ของกวิน
“ไม่ใช่แค่แฟนค่ะ เห็นว่าอยู่ด้วยกันแล้วแหละ”
กีรนาเล่าต่ออย่างคนรู้อะไรมาอย่างลึกซึ้ง คงเพราะเจ้าหล่อนมักโทรศัพท์ตามจิกพี่ชายอยู่ตลอด ทางผู้พี่เองก็ไม่คิดปิดบังเรื่องของตนเองเท่าไร มีอะไรจึงบอกกล่าวกีรนาอยู่เสมอ แต่เพียงแค่ว่ายังไม่เคยพาหญิงสาวที่ออกปากว่ารักคนไหนมาพบกับที่บ้านเลยสักครั้งสักคน
“เป็นคุณหนูไฮโซค่ะพี่เหนือ”
“ชื่ออะไร”
“จำไม่ได้ค่ะ” คนเล่ายิ้มก่อนหัวเราะแห้งๆว่าต่อ “พี่กวินเคยบอกทีหนึ่งแล้ว และถ้ากีไปถามตอนนี้อีกนะ กีว่านอกจากพี่กวินจะไม่บอกชื่อแล้ว ยังจะด่ากีด้วยที่ไปรื้อฟื้นเรื่องแฟนเขา พี่เหนือว่าไหมคะ”
“โอเคพี่จะได้ไม่ถาม” บอกพร้อมพยักหน้าให้อีกฝ่ายเป็นอันเข้าใจตรงกัน
“มีอีกเรื่องค่ะพี่เหนือ”
ปภาณิณมองหน้าคนพูดที่มีท่าทีอิหลักอิเหลื่อก่อนถาม
“เรื่องอะไรหรือน้องกี”
“คือพี่กวินไปก่อเรื่องมาน่ะค่ะ…”
ไม่คิดว่าจะต้องกลืนน้ำลายตนเองเมื่อต้องกลับไปพบกับพฤกษ์อีกครั้งเพราะกวินก่อเรื่องร้ายแรงเอาไว้ชนิดที่เธอรู้จากปากกีรนาแล้วได้แต่ตัวชาวาบไปเลยทีเดียว และหากเพิกเฉยไม่สนใจ กวินคงไม่รอดอย่างแน่นอน
หลังจากกีรนากระซิบบอกเธอแล้ว ก็เข้ามารื้อฟื้นความหลังทันที “แม่บอกว่าพี่เหนือเคยรู้จักกับทางคุณพฤกษ์อะไรนั่นใช่ไหมคะ”
ปภาณิณนิ่งไป ใจสั่นเมื่อได้ยินคำถามลักษณะนี้อีกครั้งจากคนที่เธอคิดเสมอว่ารักดั่งครอบครัวเดียวกันอย่างกีรนา หลังจากที่นางจันทร์เพ็ญเคยถามเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง
“พี่เหนือช่วยเข้าไปคุยกับเขาทีได้ไหม ไม่อย่างนั้นพี่กวินต้องแย่แน่ๆเลยค่ะ เพราะเขาขู่มาว่าพี่กวินได้ดับในอาชีพนี้แน่ ถ้าไม่เข้าไปเคลียร์กันให้จบเรื่อง”
ครั้งแรกที่ได้ยิน ปภาณิณบอกกีรนาให้กวินทำตัวเงียบๆเอาไว้ก่อน ประเดี๋ยวเรื่องคงเงียบไปเอง แต่แล้วเช้าวันนี้ก็มีตำรวจบุกมาถึงที่บ้านพร้อมกับควบคุมตัวกวินไปด้วย
หญิงสาวก้มลงมองตัวเองที่อยู่ในชุดเสื้อผ้าเรียบร้อยเป็นกระโปรงติดกันสีกรมท่ายาวถึงกลางน่องที่สวมไปบริษัทจวบจนบ่ายเสร็จงานแล้วถึงบึ่งมายังจุดหมายปลายทางนี่
แหงนมองความสูงของตึกสวยที่ตระหง่านเสียดขึ้นไปบนท้องนภาด้วยสายตาครุ่นคิดแล้วเดินไปยังทางเข้าห้องชุดสุดหรูพร้อมกับนั่งลงอย่างรอคอย
เธอติดต่อกลับไปหาเขา
ใช่แล้ว เธอต้องกลืนน้ำลายตัวเอง เพราะต้องการให้พฤกษ์ช่วย
แต่พฤกษ์ไม่ได้ตอบกลับมาว่าอะไร เขาไม่ได้คุยสายกับเธอโดยตรง แต่บอกคนของตนเองให้ฝากข้อความว่าหากอยากคุยธุระอะไรกับเขาอีก ให้มารอที่นี่
ปภาณิณให้ใจสั่นไหว เมื่อคิดว่าเธอต้องยินยอมตามที่เขายื่นเงื่อนไขเอาไว้จริงๆอย่างนั้นหรือ
บางทีพฤกษ์อาจแค่ขู่ เธอจะลองคุยกับเขาดีดีดูก่อน พร้อมความหวังที่สว่างวาบขึ้น บอกตัวเองว่าครั้งนี้อย่าได้ใช้อารมณ์ในการเจรจาโดยเด็ดขาด
จนเวลาเดินไปถึงหนึ่งทุ่มกับอีกไม่กี่นาที ถึงได้เห็นรถคันหนึ่งรุ่นและสีคล้ายกับของพฤกษ์แล่นเข้ามาจอดที่ด้านหน้าอาคาร พร้อมกับร่างสูงสง่าเปิดประตูลงรถลงมายืน เขาดูดีไปทุกท่วงท่า ออร่าจับเสียจนเธอมองแล้วแทบลืมหายใจ แล้วเตือนสติตัวเองให้พร้อมเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แต่แล้วความมั่นใจที่พกมาเต็มเปี่ยมก็มลายหายไปกับอากาศ เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นพฤกษ์เดินพ้นประตูเข้ามา จึงตัดสินใจลุกขึ้นยืน ตรงเข้าไปหาเขา
พฤกษ์ไม่ได้หยุดเดิน เขาตรงไปยังลิฟต์ โดยมีเธอเดินตามหลังไปห่างๆ
“หวังว่าคราวนี้ จะไม่มีอะไรมาให้แปลกใจเล่นอีกหรอกนะ”
เขาว่าจบแล้ว ฉับพลันเสียงดังเบาๆเตือนขึ้นพร้อมกับที่ประตูลิฟต์ถูกเปิดออก พฤกษ์เดินเข้าไปด้านในทันที เธอถึงต้องรีบสาวเท้าตามเขาเข้าไปบ้าง เหมือนกับถูกบังคับกลายๆให้ตามเขาไปโดยไม่รู้ตัว