ถึงงานแล้ว หอบของที่นำติดมือมาเดินเข้าไปทักทายเจ้าของงานในทันที “ยินดีด้วยนะคะมิสเตอร์เฉิน”
หนุ่มใหญ่สัญชาติจีนยิ้มตาหยีเลยทีเดียวเมื่อเห็นปภาณิณมาร่วมงานเลี้ยง เขารับของจากมือของเธอพร้อมร่วมถ่ายภาพด้วยกัน ก่อนให้คนพาไปนั่งรับประทานอาหารยังที่ที่จัดเตรียมเอาไว้ให้
เธอได้ร่วมโต๊ะกับคนรู้จักผิวเผินที่เป็นเจ้าของกิจการผ้าไหมไทยส่งออกมีชื่อที่มาพร้อมกับเพื่อนของเจ้าหล่อน ทักทายกันพอหอมปากหอมคอแล้วทางนั้นเอ่ยปากขึ้นพร้อมมองไปทางด้านหน้างานเลี้ยง
“นั่นคุณพฤกษ์ใช่ไหม”
ปภาณิณไม่คิดว่าจะมีพฤกษ์คนไหนอีกที่เธอรู้จัก ทั้งยังแอบภาวนาในใจว่าขอให้มีคนชื่อซ้ำกับเขา แต่แล้วความปรารถนาของเธอก็ไม่เป็นผลเลยสักนิด เมื่อพฤกษ์ที่ว่านั่นเป็นคนเดียวกับที่เธอไม่นึกอยากพบหน้าอีก
“มากับคุณอัยย์ คู่หมั้นใช่ไหม ดูสมกันเชียว”
ได้ยินอย่างนั้นแล้วจึงหันไปมองตามเสียงพูดคุยกัน
ชายหนุ่มร่างสูงสง่าในชุดลำลองสบายตาแต่ดูดีทีเดียว เขาควงแขนมากับหญิงสาวที่สวมชุดลวดลายเดียวกันอย่างกับต้องการบอกให้ใครต่อใครรับรู้ว่าพวกเขาเป็นคู่รักที่หวานชื่นแค่ไหน แม้แต่เสื้อผ้าหน้าผมก็ยังเป็นคู่ดูดีทุกกระเบียดนิ้ว
หญิงสาวเสียววาบขึ้นในหัวใจดวงน้อยเมื่อเห็นรอยยิ้มเปี่ยมสุขของชายหญิงคู่นั้น
“ข่าวว่าจะแต่งกันปลายปีนี้แล้ว”
ปภาณิณหันขวับกลับมาแล้วตัดสินใจลุกขึ้นจากโต๊ะ ตรงไปยังห้องน้ำ เธอขังตัวเองในนั้นครู่หนึ่งแล้วเดินออกมาเมื่อตั้งสติได้ ตั้งใจออกไปลาเจ้าของงาน และกลับบ้านในนาทีนี้เลย แต่เมื่อออกมาที่ด้านนอก กลับไม่พบมิสเตอร์เฉิน เลยยืนรอครู่หนึ่ง คิดว่าจะเอาอย่างไรต่อไปดี ฉับพลันนั้นเองที่มีเสียงเรียกชื่อของเธอดังขัดขึ้น
“เหนือ”
ปภาณิณหัวใจเต้นแรงโลดเมื่อจำเสียงของคนที่เรียกชื่อเธอได้แม่น พอหันไปมองก็พบว่าเป็นคนที่เธอคิดเอาไว้จริงๆ
“พี่เชียร”
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่มีใบหน้าแย้มยิ้มเป็นนิจมองเธอด้วยสายตาที่ผู้ใหญ่มองมาอย่างเอื้อเอ็นดู ก่อนกางแขนออกรอให้เธอกระโดดใส่เหมือนเมื่อสิบปีก่อน แต่ปภาณิณได้แต่ยืนนิ่งเพราะไม่ได้พบกันนาน และขาดการติดต่อจากเขาไปเลยนั่นเอง ทำให้เธอไม่กล้าทำตัวสนิทสนมอย่างที่เคยเป็นมา
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังคงนิ่งเฉยไม่ขยับเขาหา เชียรจึงเป็นฝ่ายเดินเข้าไปโอบกอดร่างเล็กๆนั่นเสียเอง พร้อมหอมแก้มซ้ายขวาทักทายอย่างสุภาพอ่อนโยน ปภาณิณที่มัวแต่ตะลึงเลยยืนนิ่งหน้าแดงจัดอยู่อย่างนั้น
“ขี้อายไม่เปลี่ยนเลยนะเรา” เชียรว่าพร้อมหัวเราะน้อยๆตามแบบของตนเอง
“มาดื่มฉลองกันหน่อยดีกว่า โตแล้วนี่ ไม่ใช่เด็กๆแล้ว”
พอดีกับที่บริกรถือถาดบรรจุแก้วใส่เครื่องดื่มเดินผ่านเข้ามา เชียรจึงฉวยค็อกเทลในนั้นออกมายื่นส่งให้เธอสองแก้ว
“ไม่ไหวหรอกค่ะ เหนือต้องขับรถกลับคืนนี้”
“เห้ย...ได้ไง ไม่เจอกันเป็นสิบปีเชียวนะ เอาน่า พี่อาสาขับให้ก็ได้” แล้วเชียรก็ยื่นแก้วให้เธอทันที ด้วยความเกรงใจจึงว่าจะทำทีเป็นจิบเท่านั้น แต่แล้วกลับถูกเชียรแกล้งด้วยการล็อกคอแล้วป้อนเครื่องดื่มอย่างที่เคยแกล้งเหมือนเมื่อก่อนนั่น
เสียงไอพร้อมใบหน้าแดงกล่ำเรียกเสียงหัวเราะของเชียรให้ดังลั่นบริเวณ ดีที่ตรงนั้นไม่มีใครอยู่จึงไม่เห็นว่าเธอถูกชายหน้าตาใจดีแต่ร้ายกาจบีบบังคับให้ดื่มเครื่องดื่มจนได้
“พี่เชียร” เรียกเสียงดังพร้อมหน้าบึ้งตึงอย่างไม่พอใจ
“ก็ละลายพฤติกรรมเราไง แหม...ไม่เจอกันแค่นี้ทำเป็นหมางเมินกับพี่เลยนะ”
ได้ยินเหตุผลเขาแล้วก็ได้แต่ถอนใจ เชียรไม่เคยเปลี่ยน เขาเคยชอบแกล้งคนอย่างไรก็ยังคงเป็นแบบนั้น ยังไม่ทันได้อ้าปากพูดอะไรกับเชียรต่อ ก็พอดีกับที่มีเสียงทักดังแทรกเข้ามา
“อุ๊ย พี่เชียรจริงๆด้วย”
เสียงหวานๆนั่นดังมาจากพุ่มไม้อีกฝั่ง ก่อนที่ร่างของคนสองคนจะโผล่พ้นออกมาให้เห็น เชียรปล่อยแขนที่โอบกอดเธอออกเมื่อเห็นว่าหญิงสาวคนมาใหม่คนนั้นเดินควงแขนมากับใคร
อัญญายิ้มร่าแล้วดึงแขนชายหนุ่มข้างกายให้เข้ามาร่วมสนทนาด้วยกัน ถามชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาใจดีด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใส
“พี่เชียรกลับมาเมื่อไรคะ”
“ได้เกือบอาทิตย์แล้วล่ะค่ะน้องอัยย์”
เชียรยิ้มแล้วเอียงคอมองอัญญาซ้ายขวา ก่อนยกมือขึ้นลูบคางว่าจริงจัง “สวยขึ้นแยะเลยแฮะ แบบนี้หรือเปล่าเลยถูกหนุ่มลวนลามในผับน่ะ”
หญิงสาวต้นเรื่องตาโต อ้าปากค้างด้วยความตกใจก่อนหันไปมองหน้าพฤกษ์แล้วมุ่ยหน้า หันกลับมามองทางเชียรอีกที ถามเสียงเขียว
“ทำไมพี่เชียรรู้เรื่องนี้ด้วยล่ะคะ”
“ทำไมจะไม่รู้ ข่าวออกดัง”
“ไม่ดังสักหน่อย พี่พฤกษ์ช่วยปิดข่าวให้แล้วค่ะ”
“ดังก็แล้วกัน ไอ้หนุ่มนั่นมันเมาหรือไงถึงว่าเราหน้าตาเหมือนเมียมัน” เชียรถามต่ออย่างที่พอรู้ตื้นลึกหนาบางมาเป็นอย่างดี
“พี่เชียร!”
เชียรหัวเราะขรึมๆว่าออกมาอีก “ไอ้หมอนั่นมันคงอยากตัดอนาคตตัวเองถึงได้มั่วนิ่มตู่เอาแบบนั้น ไงล่ะเจอการ์ดนายพฤกษ์ซ้อมจนอ่วมเลย สม!”
น่าแปลกเพราะแทนที่อัญญาจะพอใจกับการปกป้องของพฤกษ์อย่างที่เชียรว่า สาวเจ้ากลับขมวดคิ้วแน่น สายตาหวานซึ้งก็ดูครุ่นคิดอะไรอยู่แต่พยายามปกปิดเอาไว้ให้แนบแน่น ไม่นานเจ้าหล่อนรีบดึงสติกลับมาคุยกับคนตรงหน้าต่อ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เชียรเอ่ยปากแนะนำ
“รู้จักกันหรือยังล่ะ นี่อัญญา ส่วนนี่น้องเหนือ” เลือกแนะนำให้สุภาพสตรีได้รู้จักกันก่อน แล้วหันมาทางพฤกษ์ว่ายิ้มๆ “กับคุณพฤกษ์คงไม่ต้องแนะนำแล้วมั้ง”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
อัญญายื่นมือออกทักทาย เธอเลยต้องตอบรับกิริยาน่ารักเป็นมิตรของอีกฝ่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วยการยื่นมือออกไปสัมผัสตอบรับพร้อมรอยยิ้มเก้อกระดาก ท่าทางหวานๆของอัญญาแต่แอบแมนไม่น้อย เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาเอาเรื่องที่ฝังตัวในดวงตาหวานซึ้งคู่ของอัญญา