แตงไทยเพื่อนใหม่

910 Words
เวลาต่อมา “ ซวยซะมัดเลย” มะปรางบ่นกับตัวเองเบาเมื่อก้นที่ลงไปจูบพื้นเหมือนมันจะระบม “ เธอ เธอนั้นแหละ” เสียงหวานใสของเด็กสาวน่ารักคนหนึ่งเรียกมะปราง มะปรางเมื่อเห็นผู้หญิที่ดูแล้วน่าจะอายุเท่าเธอเรียก “ เรียกปรางเหรอคะ” มะปรางยิ้มหวานพร้มอกับถามร่างบางที่เดินเข้ามาหาเธออย่างกระหืดกระหอบ เหมือนกับวิ่งตามมะปรางอย่างไงอย่างงั้น “ ใช่เราเรียกเธอนั้นแหละ เห้อๆ เดี๋ยวๆแป๊บๆเราหายใจไม่ทัน” หญิงสาว น่ารักเอามือขึ้นมาเท่าเอวพร้อมกับยืนหอบหายใจ มะปรางมองคนที่เดินกระหืดกระหอบเข้ามาหาเธอด้วยสายตาที่ส่งใสและเอ็นดู “ เห้อๆ เราชื่อแตงไทยแล้วเธอละ” หญิงสาวที่วิ่งมาทันมะปรางเอ้ยแนะนำตัวพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างน่ารัก มะปรางเมื่อเห็นแบบนั้นเธอก็ยิ้มอย่างดีใจเพราะนี้เป็นครั้งแรกที่มีคนอยากรู้จักเธอนอกจากจิ๊งหรีดแล้วมะปรางก็ไม่มีเพื่อนคนไหนอีก จากนั้นทั้งสองก็ได้แนะนำตัวเอง พรอ้มกับพูดคุยสัพเพเหระ จนได้รู้ว่าทั้งคู่เรียนแผนกเดียวกันแตงโมเป็นเด็กทุนส่วนมะปรางเธอเอ็นเข้ามา มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นของเอกชนแต่ก็มีทุนให้สำหรับเด็กที่เรียนดีแต่ยากจนแล้วก็ให้เอ็นแต่ละปี วิทยาลัยชื่อดังแห่งนี้จะคัดเอาแต่หัวกระทิที่จะได้ทุนและเอ็นได้คะแนนสูงสุดเท่านั้น และหนึ่งในนั้นก็มีมะปรางที่สอบได้คะแนนเต็มส่วนแตงไทยเธอยากจนเรียนเก่งเธอเลยได้มา ที่มะปรางอยากเอ็นเพราะเธออยากแสดงความสามารถให้ทางมหาวิทยาลัยดูว่าเธอเหมาะสมที่จะมาที่นี้เธอเลยไม่อยากขอทุน เหตุผที่มีแม่เป็นบ้าและที่บ้านจนทำอะไรกับมะปรางไม่ได้ เพราะเธอต้องการให้ทุกคนรู้ว่าถึงแม้ว่าแม่ของเธอจะบ้าแต่ก็เลี้ยงลูกอย่างเธอมาเป็นอย่างดี “ เอ้อ ทำไมเธอถึงเรียกพี่3คนนั้นแบบนั้นละ” มะปรางถามเพื่อนใหม่ออกมาอย่างสงสัยเพราะแตงไทยเรียกพี่สามคนอย่างกับรู้ว่าพี่เขาเป็นใคร “ เอ้านี้เธอไม่รู้เหรอ ว่าคนที่เธอชนแล้วด่าเธอนะเป็นใคร” แตงไทยถามออกมาอย่างแปลกใจเพราะทุกคนที่อยากมาเรียนที่นี้เพราะความหล่อของแก๊งลูกเจ้าของโรงเรียน และก็มีคนมีชื่อเสียงเยอะมาเรียนที่นี้แตงไทยทำหน้างงอย่างกับไก่ตาแตกเมื่อเพื่อนใหม่ของตนไม่รู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง เพราะทุกคนที่นี้รู้หมด “ ฮึ ไม่รู้จ๊ะเราจะรู้ได้ยังไงเราก็เพิ่งมาที่นี้นี้น่า” มะปรางพูดออกมาอย่างอายๆเพราะเธอไม่รู้ว่าจะต้องรู้เรื่องอะไรพวกนี้ด้วยเหรอ ที่เธอรู้ก็คือเรื่องเรียนและก็เรื่องแม่เท่านั้น “ เอ้า…มะปรางคนที่เธอเดินชนนะพี่เขาเป็นถึงลุกเจ้าของที่นี้เลยนะ แล้วเพื่อนเขาอีกสองคนนั้นก็เป็นลูกเจ้าของโรงแรมและก็เจ้าของอสังหาเลยนะ “ แตงไทยพูดออกมาด้วยสีหน้าตื่นตกใจเพราะมะปรางเป็นผู้หญิงคนแรกที่ไม่สใจ3หนุ่มนั้นรวมทั้งแตงไทย เพราะจุดหมายที่เธออยากมาที่นี้คือหาความรู้แล้วรีบกลับไปช่วยพ่อแม่ทำงาน เพราะท่านแก่แล้ว “ อ้าว เราต้องรู้เรื่องนั้นด้วยเหรอ “ มะปรางถามเพื่อนออกมาด้วยท่าทางใสซือเพราะเธอไม่คิดว่าเธอจะต้องรู้เรื่องแบบนี้ด้วยมะปรางคิดว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญอะไร แตงไทยเมื่อเห็นหน้าตาใสซื่อของเพื่อนพูดออกมาแบบนั้นเธอก็อขำไม่ได้ จากนั้นทั้งสองก็เดินไปด้วยกันเพื่อไปรายงานตัวและก็ประถมนิเทศเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยและอื่นๆอีกมากมาย เวลาต่อมา “ มะปรางเธอกลับยังไง” แตงไทยที่เดินมากับเพื่อนถามมะปรางออกมา เพราะเธอกับรถเมล์ “ เรากับรถประจำทางนะจ๊ะ” มะปรางพูดออกมาด้วยยิ้มที่หวานหยดย้อย แตงไทยเห็นยิ้มหวานของเพื่อนใหม่ที่สะกดทั้งสายตาทั้งหญิงและชายแบบนั้นของเพื่อนใหม่เธอก็อดสะตั๊นไม่ได้ “ แตงไทยเป็นอะไรรึเปล่าร้อน ร้อนเหรอ” มะปรางเห็นเพื่อนอยู่ๆก็หยุดนิ่งไป เธอก็ถามเพื่อนออกมาอย่างตกใจแตงไทยพอได้สติแบบนั้นเธอก็รีบโบกไม้โบกมือบอกเพื่อน “ เปล่าๆ ฉันแค่ชอบยิ้มของเธอ เธอนี้น่ารักอย่างกับตุ๊กตาเลยนะมะปรางนี้ขนาดไม่แต่งหน้านะถ้าแต่งจะขาดไหนเนี่ย” แตงไทยเอ้ยชมเพื่อนอกมาด้วยท่าทางที่เอ็นดูเหมือนคนที่หลงเสน่ห์เลยละ จากนั้นทั้งสองก็หัวเราะกันออกมาก่อนจะขึ้นรถเมล์มาคันเดียวกันก่อนจะรู้ว่าที่พักของเธออยู่ไม่ไกลจากบ้านพักของเธอ บรื้น…..บรื้น….บรื้น เสียงรถประจำทางวิ่งออกตัวไปย่างแรง ด้วยความที่บนรถคนเยอะอย่าง กับมดมะปรางและแตงไทยก็เลยได้ยืนเมื่อรถเบรคทีมะปรางกับแตงไทยก็แทบพุ่งออกนอกรถ 555 นี้แหละที่มาของคำว่าสู้ชีวิตแต่ชีวิตสู้กลับ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD