บทที่ 4 การเดินทางอันยาวไกล
“นีล...”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นผมไม่อยากฟัง!” เมมฟิสตวาดกร้าวและทำให้หญิงสาวชะงักกึก
“เก็บเสียงสวย ๆ ของคุณไว้ทำอย่างอื่นจะดีกว่า อย่างเช่น...ครางออกมาดัง ๆ เวลาที่...”
“เมมฟิส...อย่ามาหยาบคายกับฉันนะ”
“คุณดีแค่ไหนนอกจากหลอกล่อผู้ชายไปวันๆ”
“ฉันไม่ได้เป็นอย่างนั้น คุณเป็นคนไม่มีเหตุผลเอาซะเลย”
“คุณยังจะหาเหตุผลอะไรมาอ้างให้ผมเข้าใจเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นอีก ในเมื่อคุณเองก็รู้อยู่แก่ใจว่ารวมหัวกันทำอะไรกับนีลทำร้ายน้องสาวของผม คนดี ๆ คนหนึ่งต้องตายก็เพราะไอ้ความมักง่ายของอีตัวในคราบดาราอย่างคุณ!”
“เมมฟิส!”
เขาขบกรามแน่นรู้สึกสะใจกับเสียงเล็กแหลมเหมือนถูกลงแส้ของหญิงสาว
“หรือจะเถียง”
“ฉันเกลียดคุณที่สุด เมมฟิส แคเมอรอน”
“ผมก็เกลียดคุณ!”
เมมฟิสตะเบ็งเสียงกร้าวใส่ทว่าเขาต้องผงะเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บแปลบแล่นจากปลายนิ้วขึ้นมาถึงข้อมือ ชายหนุ่มขบกรามเสียงดังเพราะนุชนาถตอบโต้ด้วยการจิกปลายเล็บลงบนอุ้งมือข้างที่เขาบีบแก้วไวน์แตกและยังคงมีเลือดไหลซิบ ชายหนุ่มรับรู้ถึงความเจ็บปวดนั่นแค่น้อยเดียวแต่โทสะของเขากำลังจะแตกระเบิดเพราะความเคียดแค้น นัยน์ตาสีเข้มจ้องร่างเล็กเขม็ง
“คิดว่าทำแบบนี้แล้วผมจะเจ็บรึไง คุณอยากลองดีใช่มั้ยรีส...ได้...ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเอาจริงขึ้นมาแล้วคุณจะทนได้แค่ไหน”
“เมมฟิส...อื้อ!”
นุชนาถเกร็งสุดตัวเมื่อเขาตอกกลับด้วยการกระแทกริมฝีปากลงบนกลีบปากชมพูอิ่ม หนนี้เมมฟิสบดขยี้เรียวปากของเธอยิ่งกว่าขยี้กลีบดอกไม้ หญิงสาวสั่นเทิ้มไปทั้งตัวเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บแปลบที่มุมปาก มือบางขยุ้มแขนเสื้อสูทบนตัวเขาเมื่อไม่อาจเปล่งเสียงร้องออกมา
ร่างน้อยกระตุกจากแรงขบกัดที่เม้มบนเรียวปากอิ่มจนแน่น รสเค็มปะแล่มซึมเข้าไปในอุ้งปากของหญิงสาวที่ลิ้นหนาฉกลึกและคุกคามลิ้นเล็กที่พยายามหลีกหลบ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลจากดวงตาคู่สวย
เขาขยี้กลีบปากบอบบางอย่างจาบจ้วงและเอาแต่ใจ เวลาผ่านไปเหมือนยาวนานทั้งชีวิตของเธอเลยก็ว่าได้ก่อนที่เมมฟิสจะถอนปากร้อนของเขาออก และชายหนุ่มก็เกิดความตระหนกเล็ก ๆ เมื่อเห็นดวงตาเบิกกว้างของดาราสาว
ใบหน้างามเป็นสีแดงเข้ม ริมฝีปากของเธอบวมเป่งและเคลือบด้วยรอยแดงจากคราบเลือด วาบหนึ่งของสำนึกบอกว่าเขาทำรุนแรงมากไปแต่มันก็เพียงเสี้ยวหนึ่งของความรู้สึกที่จมหายไปในห้วงลึกของความโกรธแค้น
“จำไว้ว่าอย่าท้าทายผมอีก เพราะคราวต่อไปคุณอาจเจ็บตัวมากกว่านี้!”
เขาคาดโทษเสียงแข็งก่อนผละจากร่างบอบบางและลุกขึ้นยืน เมมฟิสเช็ดมุมปากด้วยหลังมือและรู้สึกถึงรสชาติเค็มของรอยเลือดข้น ในขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกกุหลาบป่าที่แทรกซึมอยู่ในปากของเขาด้วย มันเป็นกลิ่นหอมหวานที่เขาสัมผัสได้ตั้งแต่จูบดาราสาวครั้งแรก หัวใจชายหนุ่มเต้นแรงแต่ใบหน้าคร้ามเข้มยังถมึงทึง
“ลุกขึ้น! คุณต้องไปฝรั่งเศสกับผมเดี๋ยวนี้”
ร่างสูงออกคำสั่งขณะจ้องมองนุชนาถที่ค่อย ๆ ขยับลุกขึ้น เธอเจ็บที่บั้นเอวและปวดปลาบไปหมดทั้งตัวโดยเฉพาะบนริมฝีปากจนต้องนิ่วหน้า แต่อะไรก็ไม่เท่าความเจ็บใจที่มันแล่นพล่านอยู่ในความคิดที่อยากตอกกลับให้เขาเจ็บแสบบ้างหากก็ไม่อาจทำได้ดั่งใจ
ร่างบอบบางโงนเงนขณะพยุงตัวให้ยืนหลังตรงและพยายามดึงชุดราตรีเกาะอกที่อยู่ในสภาพหมิ่นเหม่ให้เข้าที่อย่างทุลักทุเล เรือนผมย้อมสีเทาหลุดสยายบนแผ่นหลังขาวเนียน ถึงไม่เห็นเงาตัวเองในกระจกแต่นุชนาถรู้ดีว่าสภาพของเธอตอนนี้ย่ำแย่ขนาดไหน
“เมมฟิส”
นุชนาถร้องเรียกร่างสูงใหญ่ที่กำลังจะก้าวเท้า ชายหนุ่มหยุดและหันกลับมา
“มีอะไร?”
“ฉันอยากร้องขออะไรคุณสักอย่าง”
เขาเหยียดริมฝีปากขึ้น “คุณคิดว่าจะเรียกร้องอะไรจากผมได้มากกว่านี้อีกหรือรีส”
“ฉันแค่อยากไปพบคุณยายก่อนเดินทางไปฝรั่งเศส จริง ๆ แล้วท่านไม่ค่อยสบายและฉันก็เป็นห่วงท่านมาก”
“คุณยายของคุณจะอยู่ภายใต้การดูแลจากคนของผม ไม่ต้องห่วงว่าอาเคมิจะไม่ได้รับความสะดวกสบาย ผมจะให้คุณพบกับคุณยายของคุณ...หลังจากนี้...หกเดือน”
พูดจบก็ก้าวฉับ ๆ ออกไปโดยยไม่สนใจร่างเล็กบางที่ยืนตัวสั่นกำมือแน่น ถึงตอนนี้นุชนาถก็ยังขบปัญหาไม่แตก เธอตกผลึกความคิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้และไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร หญิงสาวยืนนิ่งชั่วอึดใจประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับคนของเมมฟิสก้าวเข้ามา
“เชิญไปที่รถครับ คุณเบคเลอร์”
หนึ่งในสองคนกล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น ร่างแน่งน้อยประสานมือเย็นเฉียบไว้ด้วยกันก่อนเดินตามบุรุษร่างใหญ่ทั้งสองออกจากห้องสวีทหรู คนของเมมฟิสพาดาราสาวออกจากโรงแรมใจกลางกรุงด้วยรถลีมูซีนตามหลังรถเมอเซเดสเบนท์ของมหาเศรษฐีเจ้าของสายการบินตรงดิ่งไปยังชานเมืองอันเป็นที่ตั้งของรันเวย์ขนาดใหญ่เทียบเท่าได้เลยกับสนามบินระดับนานาชาติ
ทว่าที่นั่นกลับเงียบสงบและนุชนาถเห็นเครื่องบินเจ็ทขนาดใหญ่ เป็นเครื่องบินโบว์อิง 747-8 VIP จอดอยู่ และเมื่อรถลีมูซีนจอดลงสนิทร่างบางจึงก้าวลงจากรถขณะมองขึ้นไปบนยานพาหนะขนาดยักษ์ นุชนาถสั่นจากข้างในและหายใจติดขัดเหมือนจับไข้ยิ่งกว่านักโทษที่กำลังก้าวย่างสู่แดนประหาร
“เชิญขึ้นเครื่องตอนนี้เลยครับ”