ก่อนหน้านี้...
-วิลล์-
ผมไม่รู้ว่าทำไมอะไรหลาย ๆ อย่างมันถึงเป็นใจให้ผมรู้สึกปวดหัว อย่างเช่นวันนี้วันอาทิตย์ และครอบครัวผมก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้
“คบดารามีแต่เหนื่อยกับเหนื่อย” ผมหันหน้าไปมองคุณอาไทป์ที่กำลังนั่งเล่นหมากรุกกับพ่ออยู่ ทั้ง ๆ ที่ผมบอกทุกคนไปแล้วว่าไม่ได้คบกับเธอคนนั้น ไม่ได้เป็นแฟน และไม่ได้ชอบอะไรในตัวเธอเลย แต่ก็ยังพูดเหมือนกับว่าผมคบกับเธอ
“ตกลงจะไม่ออกไปพูดอะไร?”
“เธอยังไม่ตอบข้อความผมเลยครับ” ผมตอบออกไปเสียงเรียบ ผมได้ไลน์พิ้งค์พราวจากลูกน้องของคุณอาที่จัดการให้
“เราเป็นผู้ชายก็ต้องออกไปพูดก่อน”
“ผมรู้ครับพ่อ แต่แค่อยากให้เธอตอบแบบเดียวกันกับผม ถ้าผมพูดความจริงไปใช่ว่าเธอจะตอบตามผม”
“ถ้าไม่ได้คบกัน เธออยากจับลูกหรือไง” ผมไม่ได้หันไปมองแม่ที่นั่งอ่านข่าวเกี่ยวกับผมกับพิ้งค์พราว
“_”
“น่าคิดนะ วิลล์ไม่ลองพาแฟนมาบ้านล่ะ เดี๋ยวอาจะได้ช่วยดูให้” แต่ตอนนี้ผมหันขวับไปมองคุณอาแอนนี่ เธอเป็นเมียอาไทป์ที่เป็นเพื่อนกับแม่ผมอีกที ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่มีใครเชื่อว่าผมไม่ได้คบกับเธอคนนั้น เหตุผลอย่างหนึ่งคงมาจากพิ้งค์พราวเองที่เธอตอบนักข่าวไปแบบนั้น
“ข่าวดังมากเลยวิลล์ แม่จะไปช้อปปิ้งก็แล้วกัน”
“ไปทำไมครับ”
“ไปหาซื้อเสื้อผ้ามางานแถลงข่าวของลูกไง”
“มันเป็นข่าวดีซะทีไหนล่ะ ทำไมต้องไปซื้อเสื้อผ้าด้วย”
“ก็แม่จะได้สะใภ้ทั้งที”
“แม่ครับ...” ผมเอ่ยเรียกแม่เพื่อดึงสติ ก่อนที่แม่จะยิ้มกว้างให้ผม
“แม่ชอบเธอคนนั้นนะ สวยดี เล่นละครเก่งด้วยแม่ดูทุกเรื่องเลย” ตอนแรกผมนึกว่าแม่จะไม่โอเคกับข่าวเสียอีก แต่มันดันเป็นแบบนี้เฉยเลย
“แต่ผมไม่ได้ชอบเธอ เรื่องเมื่อวานมันแค่เป็นเรื่องเข้าใจผิด เดี๋ยวผมจะไปคุยกับเธอให้เธอแก้ข่าว”
“แต่ถ้าทำแบบนั้นคิดว่าเธอจะชอบหรือไง” คำพูดของอาไทป์ทำให้ผมฉุกคิดได้ ผมยังไม่รู้เลยว่าทำไมเธอถึงทำแบบนี้
“เธออยากได้เงินหรือเปล่า ลองไปถามดู” ผมไม่คิดว่าเธออยากได้เงินอย่างที่พ่อพูดหรอก ดูเธอเป็นคนอยากเอาชนะคน คงอยากแกล้งผมมั้ง
“เดี๋ยวตอนเย็นผมจะไปหาเธอครับ”
“อย่าให้นักข่าวเห็นล่ะ มีเรื่องกับดาราไม่ใช่เรื่องดีต่อบริษัทนะ อาไม่ว่าอะไรถ้าเราจะคบหากับดารา แต่อย่าให้มันมีข่าวเสียหาย” ผมพยักหน้ารับ ส่วนพ่อผมแค่หันมามอง พ่อเป็นหมอก็จริงแต่พ่อถือหุ้นในบริษัทเยอะมาก พอ ๆ กับคุณอา ผมไม่อยากให้การกระทำของผมส่งผลเสียกับอะไรทั้งนั้น ผมควรไปเคลียร์กับพิ้งค์พราวให้รู้เรื่อง
“ผมขึ้นห้องนะครับ อ้อ คุณอาครับเพียงฝันอยากย้ายไปอยู่คอนโด”
“หือ? ฝันบอกเหรอ”
“ครับ”
“อืม อาขอดูก่อน” ผมเกือบลืมเรื่องของเพียงฝัน แต่ยังดีที่นึกขึ้นได้
“ขอตัวนะครับ” ผมเอ่ยปากบอกทุกคนก่อนจะหนีขึ้นบ้านไป ผมรู้สึกดีใจที่พ่อแม่ไม่ได้บังคับอะไรผม พวกท่านค่อนข้างให้อิสระทางความคิดกับผม ยิ่งมันเป็นแบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเท่าไรที่ทำให้พวกท่านคิดมากเรื่องผมกับข่าวบ้าบอนั่น
เวลาต่อมา..
พอตกดึกผมก็ขับรถออกจากบ้านมาที่คอนโดของพิ้งค์พราว ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วมันก็เลยไม่ค่อยมีคน แถมยังไม่มีนักข่าวด้วย แต่ผมก็ควรพรางตัวเพื่อหนีกล้องถ่ายรูปที่อาจจะถูกยกขึ้นถ่ายจากใครก็ได้ที่ผมบังเอิญเจอผม
ตอนนี้คนค่อนประเทศคงรู้จักผมไปแล้ว พอคิดแบบนี้ทีไรมันอดที่จะรู้สึกเสียใจไปไม่ได้ ชีวิตที่เงียบสงบของผมกำลังจะจบลง...
ผมใช้เวลาไม่นานก็สามารถขึ้นมายังห้องของเธอได้ ผมไม่คิดที่จะกดออดอะไรเพราะไม่มั่นใจว่าที่เธอไม่ตอบไลน์ผมนั้นเป็นเพราะเธอไม่อยากคุยกับผมหรือยังไง ถ้าเกิดว่าเธอไม่อยากคุยล่ะ เรื่องอะไรเธอจะยอมเปิดประตูให้ผม คิดได้ดังนั้นผมก็ถือวิสาสะกดรหัสผ่านที่ผมเคยได้มาจากพนักงานของคอนโดลงไป ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องของเธอ
แต่กลับไม่พบใคร...
“ไปไหนวะ” ผมเดินไปหาเธอที่ห้องน้ำก็ไม่เห็น หรือเธอจะอยู่ในห้องนอน คิดได้ดังนั้นผมก็เดินไปเปิดประตูห้องนอนของเธอทันที
แกร็ก!
แอ๊ดด...
“กรี๊ดดดด~”
“เหี้ย!!!” ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไป ผมก็เห็นร่างเปลือยเปล่าของพิ้งค์พราว ซึ่งร่างเปลือยเปล่าของเธอมันก็ทำให้ผมร้องตกใจออกมา ก่อนที่ผมจะหมุนตัวหันหลังให้เธอทันทันที เห็นหมดเลยให้ตายเถอะ!
ผมพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองที่กำลังพุ่งขึ้นหลังจากเห็นเรือนร่างผู้หญิง ถึงแม้จะพยายามคิดแบบนั้นแต่ตอนนี้สมองของผมมันดันคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย มันจิตนาการจนไปถึงดวงจันทร์แล้วมั้ง ชิบหายแล้วไง..
-วิลล์ จบ-
-พิ้งค์พราว-
“อะไรของเธอวะเนี่ย!” วิลล์นิ่งไปสักพักก่อนที่เขาจะเอ่ยพูดขึ้น มันทำให้ฉันตอบกลับทันควัน
“ฉันนี่แหละที่ต้องถามนาย นายเข้าห้องฉันแบบนี้ได้ยังไง”
“แล้วใครมันจะไปรู้ว่าเธอยืนแก้ผ้าอยู่” ฉันรีบดึงสติตัวเองก่อนจะรีบวิ่งไปเอาชุดคลุมอาบน้ำที่ห้องแต่งตัวมาสวมก่อนจะออกมาหาหาเขาที่ยังคงยืนหันหลังให้ฉันอยู่เหมือนเดิม
“นาย...”
“ทำไมเธอไม่ตอบไลน์ฉัน!” ฉันยังพูดไม่จบเขาก็พูดแทรกขึ้นมาทั้ง ๆ ที่ยืนหันหลัง แต่คำพูดของเขานี่สิมันทำให้ฉันหันไปมองโทรศัพท์ที่ถูกปิดเครื่องจากฉันเองเพื่อหนีแม่ และหนีนักข่าว
อย่าบอกนะว่า
“ฉันส่งข้อความหาเธอตั้งแต่เช้า ทำไมไม่ตอบ แล้วเมื่อไรจะได้เคลียร์!!” ฉันตาโตให้กับสิ่งที่ได้ยิน ทั้งวันที่ฉันนั่ง ๆ นอน ๆ เพื่อให้เขาติดต่อมา แต่ฉันดันปิดโทรศัพท์ ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ แต่พอได้ยินแบบนี้ จากที่คิดว่าเขาไม่สนใจฉัน มันคงไม่ใช่แล้วล่ะ
ฉันยิ้มกรุ้มกริ่มออกมาก่อนจะเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าเขา รูม่านตาของเขาขยายกว้างเล็กน้อยตอนที่ฉันสบตากับเขา
“เธอ...” วิลล์ไล่สายตามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนที่เขาจะสะบัดศีรษะแรง ๆ ซึ่งการกระทำของเขามันทำให้ฉันเข้าใจโดยไม่ต้องอธิบาย
“รอฉันแป๊บนึงนะ ขออาบน้ำก่อนค่อยคุย”
“ไม่อายเลยหรือไง”
“หือ? อ้อ..อายไปก็เท่านั้น ลบภาพของฉันออกจากหัวนายได้หรือเปล่าล่ะ” ฉันเอ่ยปากบอกเขา พอนึกดูแล้วฉันก็ลืมอายไปเลยเรื่องที่เขาเห็นร่างกายของฉัน แต่ก็จริงนิ อายไปก็เท่านั้น
“เธอมันสมองเพี้ยน” ฉันยกยิ้มให้เขาจนตาหยี ไม่ได้ดีใจที่เขาด่าหรอก แค่ฉันมีความสุขน่ะที่อย่างน้อยเขาก็มีปฏิกิริยาตอบกลับให้กับสิ่งที่ฉันทำ
“รอนี่นะ ถ้าอยากกินอะไรก็ไปหากินในครัวได้ ในตู้เย็นมีของกินเยอะอยู่ ฉันเพิ่งไปซุปเปอร์มาร์เก็ตมาเมื่อวันก่อน” ฉันไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ฉันพูดแบบนี้ออกมา พูดออกมาราวกับว่าเราทั้งคู่สนิทกันมาก ทั้ง ๆ ที่เราเพิ่งเจอกันได้แค่สองวันเอง
“เธอ..ไม่รู้หรือไงว่าฉันมาทำไมที่นี่”
“ทำไมต้องพูดเสียงเข้มด้วย” วิลล์กดเสียงต่ำจนฉันตกใจ ใบหน้าหล่อ ๆ ของเขาฉายแววไม่พอใจฉัน และดูเหมือนเขาจะรำคาญฉันมาก
“เธอทำแบบนี้ทำไม” ฉันเงยหน้ามองเขาด้วยสายตานิ่ง ๆ แต่อยากจะบอกว่าใจฉันไม่นิ่งเลย มันกระตุกเมื่อเขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจแบบนี้ มันอาจจะดูเร็วไปหน่อยที่ฉันจะรู้สึกแบบนี้ แต่มันทำให้ฉันรับรู้ความรู้สึกตัวเองมากเลยทีเดียวว่าเขามีอิทธิพลต่อความรู้สึกของฉัน เขาทำให้ฉันรู้สึกเสียใจ
“หรือว่าเธอ..ชอบฉัน?”
“ใคร ใครชอบนาย” ฉันเชิดใบหน้าขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนความจริง ฉันชอบเขาก็จริง แต่ฉันจะไม่เป็นฝ่ายบอกเขาก่อนหรอก ฉันจะทำให้เขาหวั่นไหวแล้วเป็นฝ่ายบอกชอบฉันเอง
“หึ หน้าเธอมันชัดขนาดนี้ ยังจะปฏิเสธอีก” ฉันขมวดคิ้วมึนงงในสิ่งที่เขาพูด หน้าฉันมันชัดขนาดนั้นเหรอ ขณะที่วิลล์เขาก็ยกยิ้มที่มุมปากพร้อมกับค่อย ๆ ย่างเท้าเข้าหาฉัน มันเลี่ยงไม่ได้ที่ฉันจะค่อย ๆ ถอยหลังหนีเขา ฉันถอยหลังจนแผ่นหลังของฉันแนบชิดติดผนังห้อง
“นะ..นายจะทำอะไร”
“หึ แค่นี้เสียงก็สั่น” ไม่ใช่แค่เสียงของฉันที่สั่น เพราะตอนนี้หัวใจของฉันมันสั่นมาก ใจของมันฉันมันเต้นตึกตัก ตึกตักเลย
แต่ฉันก็ทำใจดีสู้เสือ เชิดใบหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับยกยิ้มขึ้น ก่อนที่ฉันจะยกเรียวแขนขึ้นโอบรอบลำคอแกร่ง มันทำให้เขาผงะเล็กน้อยด้วยความตกใจไม่คาดคิดว่าฉันจะกล้าทำ
“นายหรือเปล่า..ที่เป็นฝ่ายชอบฉัน” วิลล์นิ่งไปสักพักก่อนที่เขาจะตอบกลับ
“ชอบเธอ? หึ ช่วยหาเหตุผลเรื่องนี้ให้ฉันสักข้อซิ ว่าอะไรในตัวเธอที่ฉันจะต้องชอบ” วิลล์ยกยิ้มที่มุมปากอย่างเย้ยหยัน ใจฉันมันกระตุกให้กับรอยยิ้ม และถ้อยคำที่เขากำลังใช้มันทำร้ายความรู้สึกของฉัน
“เอาแขนออก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แล้วเรื่องอะไรที่คนอย่างฉันจะต้องลดแขนลง ไม่มีทางซะแล้วละมาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันก็เลย
จุ๊บ!
ฉันเขย่งปลายเท้าขึ้นจุ๊บที่ริมฝีปากหยักได้รูปสีชมพูของเขา ซึ่งวิลล์ก็มองฉันด้วยสายตานิ่ง ๆ ไม่ได้มีท่าทีไหวติงอะไร มันทำให้ใจของฉันวูบทันที
“ฉันเจอผู้หญิงแบบเธอเยอะมาก...”
“_”
“ผู้หญิงน่ารำคาญแบบนี้”
พรึ่บ!
ฉันค่อย ๆ ลดแขนลงจากลำคอหนา ฉันรู้สึกแปลก ๆ ให้กับคำพูดของเขา และมันก็เจ็บจี๊ด ๆ ที่หน้าอกข้างซ้ายขึ้นมา
ปากร้ายชะมัด..
พอคิดแบบนี้แล้วฉันไม่น่าเอาเขาเข้ามาในใจเลย อะไรกันทำไมฉันถึงรู้สึกได้มากขนาดนี้ทั้ง ๆ ที่เพิ่งรู้จักกัน มันเป็นเพราะเขาดูเป็นคนดีอย่างนั้นใช่ไหม ฉันถึงรับเขาเข้ามาเต็มอกขนาดนี้
“พรุ่งนี้ฉันจะบอกนักข่าวว่าไม่ได้คบกับเธอ เธอต้องตอบแบบนั้นด้วย”
“_”
“ฉันไม่ได้รู้จักกับเธอ และไม่ได้อยากรู้จักอะไรกับเธอ อย่าทำให้ฉันรู้สึกปวดหัว” ฉันค่อย ๆ ก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกที่ยากเกินกว่าจะควบคุม ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง
“เมื่อคืน...ฉันไม่ได้ขอให้นายมาส่ง” ฉันเอ่ยพูดขึ้น และพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ ฉันเป็นดาราเรื่องการแสดงความรู้สึกที่ต่างจากความจริงเป็นเรื่องที่ฉันถนัดมาก
“เธอกำลังจะบอกว่าฉันทำตัวเอง?”
“ใช่ นายอุ้มฉันขึ้นคอนโดแบบนั้น ไม่คิดว่าฉันจะเสียหายหรือไง”
“_”
“จะให้ฉันบอกว่านายเป็นใครก็ไม่รู้ บังเอิญมาส่งฉันถึงห้อง อย่างนั้นเหรอ ใครเขาจะเชื่อ”
“เชื่อไม่เชื่อเธอก็ไม่มีสิทธิ์มาบอกใครว่าเธอเป็นแฟนฉัน” สิ่งที่เขาพูดมันทำให้ฉันรู้สึกโมโห
“แล้วมันแย่มากหรือไงที่มีแฟนเป็นฉัน!” ฉันไม่เข้าใจเลย ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นพวกเขาคงรู้สึกดีนะที่มีแฟนเป็นดารา และฉันก็ไม่ใช่ดาราปลายแถวด้วย แต่แล้วคำตอบของเขา...
“ก็ใช่ไง!”
มันทำให้ฉันไปไม่เป็นเลยทีเดียว