~ Chapter 2 ~
ไร้ค่า
ดวงตาใต้แพขนตางามยังคงเบิกกว้างให้กับสิ่งที่เห็น ก่อนที่เธอจะจัดการสวมเสื้อแจ็คเก็ตยีนส์ของเขา พิ้งค์พราวยกเรียวแขนขึ้นโบกมือให้ รปภ.ที่เดินมาถึง แต่ทว่า
“เอ่อ..เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ” แทนที่รปภ. จะสนใจเธอพวกเขากลับค้อมศีรษะให้กับชายหนุ่มตรงหน้าเธอ พร้อมกับเอ่ยพูดในสิ่งที่ทำให้หญิงสาวมึนงง
“ไม่มีไร” วิลล์ตอบเพียงแค่นั้น ก่อนที่เขาจะยื่นมือไปข้างหน้าหมายจะให้เธอยื่นมือออกมาจับมือเขาเพื่อดึงตัวเธอขึ้น แต่ความหยิ่งผยองพองขนของเธอทำให้เธอยื่นมือไปปัดมือเขาออก
พรึ่บ!
“นายเป็นใคร” ทันทีที่ลุกขึ้นหญิงสาวก็ตั้งคำถามเพื่อคลายความสงสัยที่เกิดขึ้นหลังจากเห็นรปภ. กระทำอย่างนั้นกับเขา
“_” ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร เขาหันหน้าไปหารปภ. ที่ยืนค้อมศีรษะให้เขาอยู่
“มีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยครับ ไม่มีอะไร” น้ำเสียงนิ่งเรียบของเขาทำให้หญิงสาวที่ยืนขมวดคิ้วอยู่นั้นไม่รู้ว่าตนจะพูดอะไรดี ดูท่าแล้วเขาคนนี้คงมีอิทธิพลพอสมควร
“ครับ ขอโทษด้วยนะครับหากมีเรื่องทำให้ไม่พอใจ”
“เดี๋ยวนะ คุณต้องพูดกับฉันหรือเปล่าคะ ฉันเป็นลูกค้านะคะ” พิ้งค์พราวเอ่ยพูดขึ้นเสียงแข็ง เธอกำลังถูกเมินจากบุคลากรรักษาความปลอดภัยทั้ง ๆ ที่เธอเป็นคนเรียกให้ขึ้นมา
“แต่เขาเป็น เอ่อ...เจ้าของที่นี่นะครับ”
“ห้ะ!”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วพวกเราขอตัวนะครับ” ร่างบางที่ชะงักนิ่งงันนั้นเธอไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่ารปภ. เดินออกไปแล้ว หญิงสาวตกตะลึงนิ่งงันมองใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความตกใจ
“ฉันจะบอกให้เธอไปเรียนด้วยอาทิตย์หน้า ถ้าไม่อยากเอฟ” วิลล์เอ่ยพูดขึ้นก่อนที่เขาจะหมุนตัวเดินออกไป ไร้ซึ่งการอธิบายใด ๆ ให้แก่หญิงสาวได้เข้าใจ เธอยังคงอ้าปากเหวออยู่ที่เดิม แม้ว่าเขาจะเดินขึ้นลิฟต์ไปแล้ว
เวลาต่อมา...
-พิ้งค์พราว-
โอ้มายก๊อด~ อะไรยังไง ทำไมฉันยังตกใจไม่หาย ให้ตายเถอะ แม้เหตุการณ์เมื่อช่วงสายจะผ่านมานานจนถึงช่วงเย็นแบบนี้แต่ฉันยังไม่หายตกใจเลย จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงก็ดูสิ่งที่ฉันทำสิ และก็ดูสิ่งที่เขาเห็นด้วย
น่าขายหน้าชะมัด
ฉัน...พิ้งค์พราวดาราสาวไม่เค๊ยไม่เคยมีความรู้สึกเสียหน้าแบบนี้มาก่อน เขาบอกว่าเขาชื่อวิลล์ ฉันก็เลยเอาชื่อเขาไปค้นในอินเทอร์เน็ตบวกเพิ่มกับชื่อคอนโดที่ฉันอยู่ และทุกอย่างก็ทำให้ฉันมานั่งหน้าสลดอยู่ร้านเหล้าแบบนี้ไง
“บ้าชะมัด” จริง ๆ ฉันก็ไม่อะไรหรอกนะ ถ้าหากว่าบริษัทของของตระกูลเขาไม่มีอิทธิพลต่อวงการบันเทิง แต่มันกลับเป็นอย่างนั้นนี่สิ
จีเอฟฟกรุ๊ป หรือเดอะเกรทฟีเจอร์กรุ๊ปคือบริษัทของตระกูลเขา ซึ่งเป็นบริษัทที่มีกิจการหลายอย่าง ทั้งผลิตภัณฑ์ ห้างสรรพสินค้า การโรงแรม คอนโด และอีกหลาย ๆ อย่าง ถ้าดาราคนไหนได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับบริษัทนี้เท่ากับว่าดังมาก แต่ฉันก็ดังนะ แต่ยังไม่ถึงขั้นนั้น ฉันคิดไม่ตกกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่แล้ว
“โทษนะครับ ใช่คุณพิ้งค์พราวหรือเปล่าครับ” เสียงทุ้ลึมของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้น มันทำให้ฉันหันไปมองตามเสียงที่ดังขึ้น ก่อนจะยิ้มและพยักหน้ารับ
“ใช่ค่ะ ถ่ายรูปเหรอคะ”
“ครับ” ฉันลุกขึ้นยืนก่อนจะยื่นมือออกไปรับโทรศัพทืของผู้ชายคนนี้มา และขณะที่ฉันกำลังจะกดเซลฟี่อยู่นั้น ฉันก็รู้สึกถึงการยื่นลำแขนมาโอบเอวของฉัน พร้อมกับการดันแผ่นอกเข้ามาแนบชิดติดกับหน้าอกของฉัน ซึ่งมันทำให้ฉันชะงักเล็กน้อยแต่ก็ฝืนถ่ายรูปให้จนเสร็จ
“ขอบคุณนะครับ” ฉันยิ้มให้บาง ๆ แม้ว่าภายในใจของฉันกำลังลุกโชนแล้วก็ตามแต่ ฉันเจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่ด้วยความที่ฉันเป็นดาราและต้องการที่จะรักษาภาพลักษณ์ทำให้ฉันเลือกที่จะเงียบ ส่วนเหตุการณ์เมื่อเช้าที่ฉันไม่เงียบเพราะอันนั้นมันเกินไป ฉันก็แค่นึกว่าเขาเป็นแฟนคลับของฉันที่มีอาการทางจิต ถ้าหากมาทำอะไรฉันล่ะ ฉันก็แค่กลัวนิ ยิ่งชอบมีคนมาลวนลามฉันแบบนี้อีก
“เห้อ~” ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ฉันควรไปขอโทษเขาเพื่อจะได้มีโอกาสทำงานในวงการบันเทิงดี ๆ เขาอาจจะเมตตาฉันก็ได้ คราวนี้ก็จะง่ายต่อการเสนอชื่อเข้ารับพิจารณาการเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าในเครือของเขาแล้ว แม้เขาจะไม่ได้เป็นผู้บริหาร แต่เขาก็สามารถพูดกับครอบครัวเขาได้
ฉันไม่ได้หวังอะไรหรอกนะ อย่าเข้าใจผิด ก็แค่ไม่อยากโดนตัดรายชื่อออกเพราะความเข้าใจผิด หากว่าฉันมีโอกาสได้รับพิจารณาน่ะนะ
ครืดด ครืดดด~
อยู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น มันทำให้ฉันหันไปมองเพียงเล็กน้อย ก่อนจะกดล็อคหน้าจอเมื่อเห็นรายชื่อของต้นสาย
ติ๊ง!
พอเสียงเรียกเข้าดับไป เสียแจ้งเตือนไลน์ก็ดังขึ้นอีก ฉันชำเลืองสายตามองหน้าจอก่อนจะถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์ฉัน!”
ติ๊ง!
“ฉันได้ยินว่าวันนี้แกไม่ไปถ่ายงานอีกแล้ว” พอเห็นแบบนี้ฉันก็เลยอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปหยิบเอาโทรศัพท์มาส่งข้อความตอบกลับ
“หนูเหนื่อยค่ะ อยากพักวันนี้”
ติ๊ง!
“นี่แกยังไม่นอนแต่ไม่รับโทรศัพท์ฉันเนี่ยนะ”
ติ๊ง!
“ฉันเลี้ยงแกมาไม่ได้ให้แกมาทำแบบนี้กับฉัน แล้วตังค์ที่บอกให้โอน โอนมาหรือยัง”
กริ๊ก!
ฉันกดล็อกหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้งเพราะเห็นข้อความที่มันทำให้ฉันอยากร้องไห้ ทำไมแม่ต้องชอบอ้างว่าเลี้ยงฉันมาด้วย ฉันก็คนนะทำงานทุกวันฉันก็เหนื่อยและอยากพัก ทำงานจนลืมไปเลยว่าลงเรียนวันเสาร์ด้วย แต่ทำไมต้องพูดเหมือนกับว่าฉันอกตัญญูซะขนาดนั้น
อีกอย่างตอนนี้แม่ก็อยู่บ่อนคาสิโน แต่กลับบอกฉันว่าเลี้ยงฉันมาทั้ง ๆ ที่ฉันก็เริ่มทำงานในวงการตั้งแต่เด็กจนตอนนี้อายุยี่สิบสองปีแล้ว หรือเป็นเพราะการพูดแบบนี้จะทำให้ฉันใจอ่อนโอนเงินไปให้
ซึ่งมันก็จริง
ฉันไม่อยากสนับสนุนให้แม่เล่นการพนันเลย แต่พอพูดคำนี้ทีไรมันก็ทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะโอนเงินให้ เพราะคำว่าเลี้ยงฉันมามันค้ำคออยู่
หมับ!
คิดได้ดังนั้นฉันก็เลื่อนมือไปจับโทรศัพท์อีกครั้งเพื่อจะได้โอนเงินให้แม่ แต่ทว่าข้อความของแม่ที่ฉันยังไม่อ่านนั้น...
“ขี้เกียจทำงานก็หาไฮโซรวย ๆ สิ ดารามันก็ต้องหาผัวรวย”
มันทำให้ฉันรู้สึกไร้ค่าทันที