สมัยราชวงศ์โจวตะวันตก
พรึ่บ! แสงสว่างเจิดจ้าพลันปรากฏขึ้นกลางทะเลทรายเวิ้งว้างสุดสายตา ขยายเป็นบริเวณกว้างก่อนจะค่อยๆ ปรากฏซากโครงกระดูกมนุษย์จมอยู่บนผืนทรายครั้นแสงดังกล่าวมลายจางหายไปอย่างช้าๆ
ในขณะที่แผ่นฟ้าสีฟ้าครามดวงอาทิตย์กลมโตค่อยๆ สาดแสงรำไรขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบนอย่างช้าๆ เผยให้เห็นผืนทรายสีทองอร่ามกระทบกับแสงสุริยันจนเม็ดทรายมากมายสะท้อนเงาระยิบระยับไปทั่วบริเวณ แผ่นน้ำสีฟ้าสะท้อนเงาวูบวาบมาจากทะเลสาบซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติกลางทะเลทราย
ท่ามกลางท้องทะเลทรายอันเงียบงัน ซากโครงกระดูกแห้งกรังของแม่ทัพในตำนานได้หวนกลับคืนสู่ยุคอดีตกาล ณ บริเวณอันเป็นสถานที่เคยตั้งกองทัพของแม่ทัพไร้พ่ายแห่งแคว้นซางเมื่อ 6 ปีก่อน และทันทีที่ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าซากโครงกระดูกของแม่ทัพในอดีต ค่อยๆ หวนกลับคืนเป็นมนุษย์ดั่งเดิม
ซากแห้งกรังที่กำลังนอนคว่ำหน้าไปกับผืนทรายอยู่ในขณะนั้น บัดนี้ปรากฏแสงสว่างจากกระดองเต่าศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆ ลามเลียตั้งแต่พระเศียรจรดถึงพระบาท
พระวรกายใหญ่ที่เต็มไปด้วยเลือดเนื้อและชีวิตพร้อมด้วยลมหายใจได้หวนกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์อีกครั้ง
ทว่าท่ามกลางทะเลทรายอันเวิ้งว้างอยู่ในขณะนี้ไม่ปรากฏค่ายทหารอันเป็นกองทัพของแม่ทัพไร้พ่ายแต่อย่างใด ทั่วบริเวณมีแต่เม็ดทรายและทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวที่ตั้งโดดเด่นอยู่ในเวลานี้เท่านั้น องค์ชายหนุ่มรูปงามหวนคืนสู่ยุคอดีตและหมดพระสติมิรู้สึกพระองค์แต่อย่างใด
และยิ่งไปกว่านั้น ไร้สิ้นร่างระหงของไป๋หลันฮวามาเฟียสาวคนสวยที่หายจากยุคปัจจุบันมาพร้อมกับพระองค์ มิล่วงรู้ว่านางพลัดหลงไปแห่งหนใดในระหว่างทางที่ทั้งสองหวนคืนอดีต
ในขณะที่ดวงอาทิตย์เริ่มลอยสูงขึ้นจากเส้นของฟ้าเสียงฝีเท้าคนที่เดินอยู่บนเนินทรายพลันหยุดนิ่งลงเมื่อสายตามองเห็นผ้าสีดำทะมึนส่องประกายระยิบระยับอยู่บนผืนทรายสะท้อนออกมาให้เห็นได้แต่ไกล
“ท่านพ่อดูนั่น!”เสียงของเด็กหนุ่มวัยประมาณ 17 ปี เอ่ยพร้อมชี้มือไปทางผ้าสีดำทะมึนตรงหน้าซึ่งแท้จริงแล้ว คือเสื้อคลุมขององค์ชายโจวโยว่เฉิงนั้นเอง
“แลดูเหมือนจะเป็นเศษผ้านะขอรับท่านพ่อ ส่องประกายออกมาแบบนั้นเอาไปขายแลกเปลี่ยนอาหารและของที่จำเป็นได้หลายอย่างเลยทีเดียว”เด็กหนุ่มคนดังกล่าวบอกบิดากลับไป
ในขณะที่คนเป็นพ่อทอดสายตามองไปยังจุดที่บุตรชายชี้ให้ดู ด้วยประสบการณ์ที่เดินทางข้ามทะเลทรายเพื่อไปยังแคว้นต่างๆ ทั่วผืนแผ่นดินมาตลอดอายุของตน ทำให้ล่วงรู้โดยพลันว่าสิ่งที่นอนอยู่กลางทะเลทรายอยู่ในขณะนี้แท้จริงแล้วคือคนนั้นเอง
“สิ่งที่เจ้าเห็นมิใช่สิ่งของหรอกนะหลงเอ๋อร์ แต่นั้นคือคน เพียงแต่ว่ายังมีชีวิตรอดอยู่หรือไม่เท่านั้น หรืออาจจะเหลือเพียงแค่ซากศพที่เคยเห็นผ่านตามานักต่อนักแล้วก็อาจเป็นได้ เริ่มบังคับอูฐไปดูเสียสิ”คนเป็นพ่อบอกลูกชายกลับไป
“ขอรับท่านพ่อ”บุตรชายกล่าวรับคำทันใดพร้อมรีบบังคับอูฐลงจากเนินทรายมุ่งตรงไปที่ร่างหมดสติตรงหน้า
ตุบ! ร่างสันทัดของเด็กหนุ่มกระโดดลงจากหลังอูฐอย่างรวดเร็ว พร้อมรีบเดินตรงไปหาร่างที่ปกคลุมด้วยผ้าคลุมสีดำขนาดใหญ่ ก่อนจะเห็นอย่างชัดเจนครั้นเมื่อเดินเข้ามาใกล้ว่าสิ่งที่เห็นนอกจากเสื้อคลุมสูงค่าแล้ว ยังมีเส้นผมสีดำยาวสลวยแผ่ปกคลุมไปทั่วผืนทราย
หนุ่มน้อยรีบทรุดกายลงนั่งพลางตรงเข้าประคองร่างใหญ่ของชายหนุ่มที่นอนคว่ำหน้าอยู่ในขณะนั้นให้พลิกกลับมานอนหงายอย่างรวดเร็ว
“โอโห่!คนผู้นี้รูปงามเสียนี่กระไร”หนุ่มน้อยหลงเอ๋อร์เอ่ยออกมาทันที ครั้นได้พานพบบุรุษรูปงามที่มิได้ปรากฏให้เห็นเสียเท่าใดนัก
“ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่!”คนเป็นพ่อตะโกนกลับมาพร้อมบังคับอูฐให้นั่งลงบนผืนทราย ก่อนจะกระโดดลงมาอย่างรวดเร็วทันทีที่ลงจากเนินทรายมาถึงบริเวณดังกล่าว
“ยังไม่ตายขอรับท่านพ่อ!”เด็กหนุ่มกล่าวพร้อมดึงถุงน้ำออกมาจากบั้นเอวของตนก่อนจะค่อยๆ เทลงไปในปากของอีกฝ่ายอย่างช้าๆ
มือใหญ่ของคนเป็นพ่อเอื้อมไปจับชีพจรเพื่อตรวจอาการว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่อย่างไร ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ ครั้นจับชีพจรบ่งบอกให้ล่วงรู้ว่าร่างที่กำลังหมดสติอยู่ในเวลานี้มีสภาพร่างกายเป็นเยี่ยงไร
“ชายหนุ่มผู้นี้มีวรยุทธ์แข็งแกร่งยิ่งนัก มีลมปราณที่มั่นคงอีกทั้งยังมีพลังหยินหยางเต็มเปี่ยม แต่เหตุไฉนจึงหมดสติกลางทะเลทรายเช่นนี้ได้เล่า ช่าง...”
กล่าวได้เพียงเท่านั้นสายตาเหลือบไปเห็นกระดองเต่าศักดิ์สิทธิ์ซึ่งจารึกอักขระโบราณ ที่ได้กลายเป็นสร้อยพระศอคู่พระวรกายขององค์ชายโจวโยว่เฉิงไปเสียแล้ว
“เจี่ยกู่เหวินแห่งเฉินหนง สร้อยเส้นนี้คือเครื่องรางของจอมเวทย์ สามราชาในตำนาน!”สิ้นเสียงกล่าว
ร่างใหญ่ของชายวัยกลางคนผู้นั้นรีบคุกเข่าก้มลงถวายคำนับไปกับผืนทรายทันทีที่เห็นกระดองเต่าศักดิ์สิทธิ์อยู่บนพระศอขององค์ชายรูปงาม ท่ามกลางความแปลกใจของบุตรชายที่เห็นการกระทำของบิดา
“ท่านพ่อเกิดอะไรขึ้น!”หนุ่มน้อยถามกลับไปด้วยความสงสัย
ในขณะที่คนเป็นพ่อรีบเงยหน้าขึ้นจากผืนทราย พร้อมรีบอธิบายกลับไป
“คนผู้นี้ครอบครองเครื่องรางของจอมเวทย์เฉินหนง ที่เล่าต่อๆ กันมาเป็นพันๆ ปีอย่างไงละหลงเอ๋อร์ ผู้ใดครอบครองเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเชื่อกันว่าเก็บรวบรวมพลังเวทย์ของเฉินหนงเอาไว้ทั้งหมด นั้นหมายถึงคนผู้นั้นคือทายาทซึ่งพระองค์เลือกให้ครอบครองสิ่งล้ำค่าเช่นนี้ ในที่สุดพวกเราก็พบผู้สืบทอดแล้ว ในที่สุดก็พบแล้ว!!”คนเป็นพ่อพล่ามบอกลูกชายในขณะที่คนเป็นลูกยังคงนั่งนิ่งงันอยู่กับที่ครั้นได้ยินเช่นนั้น
“ในที่สุดก็พบแล้วอย่างนั้นเหรอท่านพ่อ หลังจากที่เผ่าของเราเฝ้าคอยค้นหาติดตามมานานนับพันปี! แต่ท่านพ่อจะล่วงรู้ได้อย่างไรว่าเป็นผู้ครอบครองที่แท้จริงเล่าขอรับ”เสียงของบุตรชายถามกลับไปด้วยความสงสัยระคนใคร่รู้
และนั่นทำให้คนเป็นพ่อที่กำลังฉีกยิ้มกว้างอย่างเต็มที่อยู่ในขณะนั้น ค่อยๆ หุบยิ้มลงไปโดยพลันครั้นนึกได้ว่าชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ตรงหน้าตนในขณะนี้คือผู้ที่ครอบครองเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริงหรือไม่
“ตามตำนานของเผ่าเขียนเอาไว้ว่า ทายาทผู้สืบทอดของจอมเวทย์จะมีสัญลักษณ์คือมังกรสามหัวอยู่ที่แผ่นหลัง หัวมังกรจะสถิตอยู่ที่ไหล่ซ้ายและขวาและอยู่ตรงกลางท้ายทอย ลองพลิกร่างคนผู้นี้เร็วเข้า”คนเป็นพ่อรีบบอกบุตรชาย
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นหนุ่มน้อยรีบพลิกพระวรกายใหญ่ของแม่ทัพรูปงามให้ลงไปนอนคว่ำกับผืนทรายอย่างรวดเร็ว พร้อมดึงเสื้อคลุมและเสื้อตัวในออกจากพระวรกายอย่างทันใดเพื่อพิสูจน์ให้แน่ชัด
และทันทีที่ดึงฉลองพระองค์จนเผยให้เห็นแผ่นหลังกว้างใหญ่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออัดแน่น มีลวดลายมังกรสามหัวสถิตตามจุดที่ถูกระบุไว้ตามตำนานทุกอย่าง ลวดลายอันวิจิตรอย่างสวยงามบัดนี้เริ่มกลับมามีชีวิตปรากฏให้สองพ่อลูกได้เห็นเต็มสองตา หัวมังกรทั้งสามเริ่มขยับไปมาได้พร้อมดวงตาสีทองอร่ามลุกวาววับขึ้นมาทันที
“สามราชา!!!”เสียงของคนเป็นพ่อเอ่ยออกมาทันที
พร้อมรีบก้มคำนับไปกับผืนทรายโดยพลัน พลางดึงบุตรชายที่กำลังตกตะลึงอ้าปากค้างอยู่ในขณะนั้นให้ก้มถวายคำนับไปพร้อมกัน
“กระหม่อมเชื่อแล้วพ่ะย่ะค่ะ ว่าคนผู้นี้คือทายาทผู้สืบทอดของพระองค์ มิคลางแคลงใจแต่อย่างใด ด้วยคำสัตย์ปฏิญาณของเผ่าจินเจียง กระหม่อมและบุตรชายจะถวายชีวิตและติดตามรับใช้ผู้สืบทอดของพระองค์ไปตลอดกาลพร้อมค้นหาผู้สืบทอดอีกหนึ่งที่ถูกเลือกให้พบโดยเร็ววัน”
คนเป็นพ่อกล่าวถวายคำสัตย์ต่อหน้าสามราชาซึ่งสถิตอยู่ในพระวรกายขององค์ชายโจวโยว่เฉิง พร้อมรีบสะกิดลูกชายให้กล่าวเช่นเดียวกับตน
“กระหม่อมขอถวายชีวิตและติดตามผู้สืบทอดไปตลอดกาลเช่นเดียวกันพ่ะย่ะค่ะ”หนุ่มน้อยถวายคำสัตย์ถอดคำมิผิดเพี้ยนจากคนเป็นพ่อแม้แต่น้อย
“ขอบใจเจ้าทั้งสองคนเช่นกัน”สุรเสียงทุ้มก้องกังวานดังแทรกขึ้น
ในขณะที่สองพ่อลูกมิได้เงยหน้าขึ้นมามองเบื้องหน้าแต่อย่างใดจึงมิล่วงรู้ว่าร่างใหญ่ที่ถูกจับคว่ำหน้าเมื่อครู่ที่ผ่านมาบัดนี้ได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว
องค์ชายโจวโยว่เฉิงทรงทอดพระเนตรสองพ่อลูกตรงพระพักตร์ที่กำลังก้มคำนับพระองค์อยู่กับผืนทรายนิ่งงันไปชั่วขณะครั้นทรงได้ยินทั้งสองกล่าวถวายคำสัตย์เช่นนั้น
พระองค์กวาดสายพระเนตรไปทั่วบริเวณ ก่อนจะค่อยๆ ยันพระวรกายลุกขึ้นประทับนั่งพร้อมใช้พระหัตถ์จับฉลองพระองค์ให้เข้าที่ตามเดิม พระเนตรคมดุก้มลงทอดพระเนตรพระหัตถ์ที่เต็มไปด้วยเลือดเนื้อและชีวิตพร้อมลมหายใจของมนุษย์หวนกลับคืนมาอีกครั้ง
“ข้ากลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้งแล้ว!ในที่สุดกายเนื้อของข้าก็กลับมาพร้อมลมหายใจ”รับสั่งด้วยความดีพระทัยอย่างยิ่งยวด
ก่อนจะสังเกตไปทั่วบริเวณผืนทรายอีกครั้งและสะดุดลงที่ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวซึ่งอยู่ไม่ห่างจากจุดที่ทรงนั่งประทับอยู่ในขณะนี้
“ข้ากลับมาที่ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวหรือนี่!”รับสั่งรำพึงออกมาเบาๆ พร้อมพระเนตรเบิกกว้างขึ้นมาทันที
“แม่นางไป๋! แม่นางไป๋มากลับข้าด้วยมิใช่รึ!หรือเป็นเพราะว่านางมิได้ถือกำเนิดใหม่จึงมิได้มาอยู่ในสถานที่เช่นนี้เหมือนกับข้า”รับสั่งพร้อมพยายามนึกทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมาดั่งเช่นความฝันก็มิปาน
“หรือว่าข้าได้กลับมาเพียงผู้เดียว!นี่ข้ากลับมาเกิดใหม่แล้วกระนั้นสิ”รับสั่งรำพึงออกมาเบาๆ ก่อนจะเหลือบสายพระเนตรไปยังสองพ่อลูกที่ยังคงก้มหน้าคำนับพระองค์อยู่กับผืนทรายเช่นนั้น
“เจ้าทั้งสองเงยหน้าขึ้นแล้วจงมองข้า!”รับสั่งสุรเสียงเข้ม
สองพ่อลูกครั้นได้ยินเช่นนั้นต่างหันกลับมามองหน้ากัน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองร่างใหญ่ที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้าตนในขณะนี้ พระพักตร์หล่อเหลาคลี่แย้มพระโอษฐ์ออกมาบางๆ พร้อมทรงมีรับสั่งถามกลับไปอีกครา
“ขอบใจเจ้าทั้งสองที่ช่วยเหลือ”รับสั่งจากส่วนลึกในพระทัย
คนเป็นพ่อฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันดำเรียงเป็นแถว ก่อนจะก้มคำนับแล้วคำนับอีกเพื่อถวายความเคารพ
“กระหม่อมและลูกมิคาดคิดเลยว่าจะได้มีโอกาสช่วยเหลือพระองค์ เผ่าพันธุ์ของกระหม่อมเฝ้าค้นหาผู้สืบทอดจอมเวทย์เฉินหนงมาตลอดระยะเวลากว่าหนึ่งพันปี ไม่คาดคิดเลยว่าจะมาสำเร็จในรุ่นของกระหม่อมและบุตรชาย”
ทันทีที่แม่ทัพไร้พ่ายทรงได้ยินเช่นนั้น พระองค์ทรงครุ่นคิดทบทวนเหตุการณ์ขึ้นมาทันใด พระเนตรสีนิลเบิกกว้างขึ้นมาโดยพลันเมื่อภายในพระทัยทรงคาดหวังเอาไว้ลึกๆ ว่าพระองค์ได้กลับชาติมาเกิดในยุคสมัยหลังจากไค๋หยวนฮ่องเต้นั่งบัลลังก์ไม่ห่างจนเกินไปมากนัก
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าบอกแก่ข้าได้หรือไม่ ว่าเจ้ากับบุตรชายเป็นผู้ใดมาจากไหนและกำลังจะไปที่ใด อีกทั้งในเวลานี้เป็นยุคสมัยของผู้ใดครอบครองผืนแผ่นดินนี้ไปทั่วหล้า และแคว้นซางยังอยู่ดีหรือไม่หรือล่มสลายถูกแคว้นอื่นบุกยึดดินแดนไปเสียสิ้นแล้ว”
ครั้นสองพ่อลูกได้ยินเช่นนั้น ร่างใหญ่ของจิ๋นฟานซึ่งแท้จริงแล้วเป็นคนมาจากเผ่าจินเจียง อันเป็นเผ่าพันธุ์ที่คอยถวายรับใช้สามราชา กษัตริย์ในตำนานเมื่อกว่าหนึ่งพันปีก่อน
สัญลักษณ์ของคนเผ่านี้คือมีสัญลักษณ์ของตัวกิเลนไฟประทับอยู่บนหน้าอกของคนในเผ่าทุกคนไม่ว่าหญิงหรือชายรวมไปถึงเด็ก คนในเผ่าดังกล่าวแต่ละคนจะมีอายุยืนไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบปีเป็นอย่างน้อย และเคยมีอายุยืนยาวนานมากที่สุดเกือบสองร้อยปีเลยทีเดียว
ครั้นเมื่อถึงเวลาที่สังขารวิบัติโรยราจะส่งมอบหน้าที่ให้กับรุ่นต่อไปเพื่อออกติดตามผู้สืบทอดจากจอมขมังเวทย์เฉินหนงเพื่อคอยถวายการรับใช้
ด้วยในตำนานระบุว่าหากยุคใดผู้สืบทอดและเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ปรากฏนั่นหมายถึงแผ่นดินกำลังลุกเป็นไฟ เกิดสงครามไปทุกหย่อมหญ้าและชีวิตของมนุษย์สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยเหนือการควบคุม
ครั้นจิ๋นฟานได้ยินคำถามเช่นนั้น คิ้วดกดำขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยไปชั่วขณะ ก่อนจะค่อยๆ คลายออกจากกันเมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“หากกระหม่อมคาดการณ์ไม่ผิดพระองค์พลิกชีวิตถือกำเนิดใหม่อีกครั้งใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”จิ๋นฟานถามกลับไป
และนั่นทำให้แม่ทัพรูปงามจ้องใบหน้าจิ๋นฟานเขม็ง
“นี่เจ้าล่วงรู้อย่างนั้นเหรอว่ามีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นกับข้า”รับสั่งถามกลับไปด้วยความอยากรู้ระคนสงสัย
จิ๋นฟานพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกันเป็นการยอมรับว่าตนล่วงรู้ทุกอย่าง
“ตามตำนานโบราณของเผ่าจินเจียง ผู้สืบทอดของจอมเวทย์เฉินหนงจะเป็นผู้พลิกชีวิตถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ สิ่งที่เคยเป็นในอดีตจะเลือนหายไปอย่างสิ้นเชิง ถ้าให้เข้าใจก็คือชาติที่แล้วพิการกำเนิดใหม่ความพิการมลายหายไป ชาติที่แล้วตาบอดชาตินี้ตาไม่บอด ชาติที่แล้วไร้วรยุทธ์ชาตินี้จะมีวรยุทธ์ล้ำเลิศ ยิ่งถ้าชาติที่แล้วเก่งกล้าด้วยแล้วไซร้ชาตินี้ยิ่งแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นไปอีกพ่ะย่ะค่ะ”จิ๋นฟ่านอธิบายกลับไปอย่างละเอียด
“เป็นเช่นนั้นหรือนี่!”แม่ทัพหนุ่มรับสั่งรำพึงด้วยไม่คาดคิดว่าการหวนกลับมามีชีวิตอีกครั้งจะผิดแปลกยิ่งนัก
“ถ้าเช่นนั้นรวมไปถึงรูปโฉมของข้าที่จะต้องแตกต่างไปจากเดิมด้วยกระนั้นสิ”รับสั่งถามกลับไปด้วยความอยากรู้
จิ๋นฟานพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกัน
“รวมด้วยพ่ะย่ะค่ะ หากชาติอดีตอัปลักษณ์ชาติที่ถือกำเนิดใหม่จะรูปงาม แต่ถ้าชาติที่แล้วรูปงามอยู่แล้วชาติที่ถือกำเนิดใหม่จะยิ่งรูปงามดั่งเทพสวรรค์เลยทีเดียว ไม่หลงเหลือพระพักตร์เดิมในชาติอดีตแม้แต่น้อยและกระหม่อมเดาว่า ชาติอดีตของพระองค์รูปงามอยู่มิใช่น้อย ครั้นทรงกลับชาติมาเกิดใหม่จึงเต็มไปด้วยพระสิริโฉมดั่งเทพสวรรค์พ่ะย่ะค่ะ”
ครั้นองค์ชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้นพระหัตถ์ยกขึ้นสัมผัสพระพักตร์ของพระองค์ทันใด ด้วยตั้งแต่ทรงมีพระชนม์ชีพกลับมายังมิได้ทอดพระเนตรเลยสักครา
มีเพียงซากโครงกระดูกแห้งตายเท่านั้นที่พระองค์ทอดพระเนตรผ่านผิวน้ำจากทะเลสาบ ก่อนจะได้ยินจิ๋นฟานเริ่มต้นเล่าเรื่องราวของตนเองและบุตรชายรวมไปถึงความเป็นมาทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบจวบจนกระทั่งแผ่นดินนี้คือยุคสมัยใด
“เจ้าว่าอะไรนะ!แผ่นดินนี้ยังอยู่ภายใต้การปกครองของไค๋หยวนฮ่องเต้อย่างนั้นหรอกรึ!”