ยุคปัจจุบัน
ทะเลทรายบาเดนจารัน
ทะเลทราย บาเดน จารัน (Badain Jaran) ครอบครองพื้นที่ส่วนหนึ่งของประเทศจีนและมองโกเลียในพื้นที่กว่า 49,000 ตารางกิโลเมตร จึงกลายเป็นทะเลทรายที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศจีน แม้ว่าผู้คนจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับทะเลทรายที่อยู่ไกลออกนอกประเทศ แต่ก็เป็นที่รู้กันเป็นอย่างดีว่า บาเดน จารัน เป็นทะเลทรายที่มีเนินทรายสูงที่สุดในโลก
ทั้งนี้มีการวัดระดับของเนินทรายและพบว่ามีความสูงกว่า 500 เมตรเลยทีเดียว โดยทะเลทรายแห่งนี้มีสภาพภูมิอากาศแห้งแล้ง มีฝนตกประจำปีระหว่าง 50-60 มิลลิเมตร โดยจะมีอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงไปทำให้น้ำฝนจะระเหยเป็นไอก่อนที่จะเป็นเม็ดฝนตกลงมา
ทะเลทรายที่มีสภาพอากาศแห้งแล้งแบบนี้เป็นลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของ บาเดน จารัน แต่ภายใต้ความแห้งแล้งนั้นยังมีทะเลสาบหรือโอเอซิสกลางทะเลทรายเกือบ 140 แห่ง ตั้งอยู่ระหว่างเนินทรายโดยไม่มีใครทราบกระทั่งถูกพบมากขึ้นโดยภาพถ่ายดาวเทียม ซึ่งชาวมองโกเลียจึงเรียกทะเลสาบเหล่านี้ว่า “ทะเลสาบลึกลับ”
โดยมีความเชื่อว่าทะเลสาบปรากฏตัวขึ้นมาจากน้ำใต้ดินที่ไหลเวียนอยู่ภายใต้ทะเลทรายทั้งร้อยกว่าแห่ง ทะเลสาบเหล่านี้มีทั้งประเภทน้ำจืด แต่ส่วนใหญ่จะมีเกลือผสมอยู่ด้วย
ทะเลสาบบางแห่งจึงมีการเปลี่ยนสีเนื่องจากเป็นที่อยู่อาศัยของสาหร่าย กุ้งน้ำเค็มและแร่ธาตุมากมาย และบางแห่งที่มีความเค็มจัดยังเกิดการระเหยกลายเป็นสิ่งที่คล้ายนาเกลืออีกด้วย และทะเลสาบสวยที่สุดในบรรดา 140 แห่งภายใต้ผืนทรายอันกว้างใหญ่ไพศาล คือทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยว
ท้องฟ้าเบื้องบนปรากฏเฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่สามารถบรรจุผู้โดยสารได้สิบคน กำลังร่อนลงจอดอยู่เหนือเนินทรายซึ่งเป็นเขตโอเอซิสกลางทะเลทราย อันเป็นสถานที่ตั้งของทะเลสาบ เย่ว์หยาเฉวียนหรือทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวนั่นเอง คนที่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์ล้วนแล้วแต่เป็นชายฉกรรจ์ด้วยกันทั้งสิ้นมีจำนวนไม่ต่ำกว่าสิบคนเลยทีเดียว
ภายในเฮลิคอปเตอร์ปรากฏร่างของไป๋หลันฮวาลูกสาวเจ้าพ่อไป๋โหย่งอี๋และหวังเหล่ย สหายร่วมแก๊งเดียวกันถูกเชือกมัดไพล่หลังและเท้าอย่างแน่นหนา ศีรษะถูกคลุมด้วยผ้าสีดำสนิทอยู่ตลอดเวลา นอนขดคุดคู้อยู่ส่วนท้ายของตัวเครื่อง ทั้งสองต่างนอนหมดสติเพราะถูกวางยาสลบมาตลอดการเดินทาง โดยมิล่วงรู้ว่ากำลังถูกนำมาฆ่าถึงกลางทะเลทรายอยู่ในขณะนี้
ซึ่งภายในบริเวณทะเลสาบดังกล่าวไป๋โหย่งอี๋ มีธุรกิจก่อสร้างบังหน้าเพื่อทำการฟอกเงินได้เข้าประมูลโครงการของรัฐบาลเพื่อพัฒนาทะเลสาบที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นโอเอซิสสวยที่สุดให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวของประเทศ และเจ้าพ่อจากตระกูลไป๋ก็ประสบความสำเร็จเมื่อสามารถประมูลโครงการของรัฐบาลมาได้ และกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาพื้นที่
ทะเลสาบดังกล่าวรูปร่างคล้ายพระจันทร์เสี้ยว ถูกล้อมรอบไปด้วยเนินทราย ที่มีความยาว 300 เมตร ความกว้าง 50 เมตร และมีความลึกถึง 15 เมตร ทางทิศใต้มีโครงการที่จะพัฒนาเป็นที่ตั้งของวิหารเจ้าแม่ ศาลเจ้าพญามังกร รวมไปถึงหอน้ำพุหยก อีกทั้งบริเวณโดยรอบยังรายล้อมไปด้วยต้นไป๋หลาง เพื่อสร้างความร่มรื่นให้แก่ทะเลสาบไปโดยรอบ
ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นโครงการที่จะปรากฏขึ้นในอนาคตอีกหลายปีข้างหน้า แต่ตอนนี้มีแต่ความเงียบงันที่แผ่เข้ามาปกคลุมโดยรอบไปทั่วบริเวณ ดวงอาทิตย์เบื้องบนกำลังคล้อยต่ำลงด้วยเป็นเวลาช่วงบ่ายสี่โมงเย็นเข้าไปแล้วนั่นเอง
ครืดดด!!! ประตูของเฮลิคอปเตอร์ถูกเปิดออกติดตามด้วยร่างของกลุ่มชายฉกรรจ์ต่างรีบพากันลงจากเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวอย่างรีบเร่ง สายตาทุกคู่มองตรงไปที่ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่กำลังยืนอยู่หลายร้อยเมตรเลยทีเดียว
“หัวหน้าทำไมพาพวกมันมากลางทะเลทราย!ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนอกจากทะเลสาบตรงหน้า”เสียงของหนึ่งในลูกน้องเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ชายร่างยักษ์หน้าตาดุดันเต็มไปด้วยหนวดเคราปกคลุมกรอบหน้าจนเต็มไปหมด หันกลับไปมองลูกน้องที่เอ่ยถามตนเมื่อครู่ทันใด
“แล้วแกคิดว่าพาพวกมันสองคนมากลางทะเลทรายแบบนี้เพื่อให้มันมาเที่ยวหรืออย่างไงไอ้หน้าโง่!”คนเป็นหัวหน้าคำรามลั่นตอบกลับไปอย่างหัวเสียครั้นได้ยินคำถามเช่นนั้น
“ขุดหลุมฝังพวกมันสองคนไว้ตรงเนินทรายนี้! ต่อให้ตำรวจพลิกแผ่นดินหาแทบตายก็ไม่มีวันเจอศพของมันสองคนอย่างแน่นอน นายสั่งเก็บไม่ให้เหลือร่องรอยเดี๋ยวพอเกิดพายุทะเลทราย ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะถูกกลบจนหมดและศพของพวกมันก็จะยิ่งจมลึกลงไปใต้ผืนทรายทุกที ทุกที”หัวหน้าร่างยักษ์กล่าวเสียงเย็นยะเยียบ
“ทำไมต้องหาวิธีฆ่าให้มันยุ่งยากนักละหัวหน้า เอาไปฆ่าทิ้งที่ไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้องมาถึงกลางทะเลทรายแบบนี้เลย เสียเวลาชะมัด”ลูกน้องคนดังกล่าวบ่นพึมพำโดยไม่สนใจหัวหน้าของตนแม้แต่น้อยราวกับว่าสนิทสนมกันดี
โป๊ก! มะเหงกเขกลงบนศีรษะลูกน้องช่างบ่นอย่างแรง
“จะบ่นทำไมวะ! สั่งให้ทำอะไรมีหน้าที่ทำตามก็พอแล้ว เป็นคำสั่งของนายโว้ย!ให้เอาน้องสาวนอกไส้มาฝังไว้กลางทะเลทรายเพราะแม่ของนางนี่ก็ถูกคุณนายรองฝังไว้ที่นี่เหมือนกัน”
“คุณนายใหญ่นะเหรอถูกฝังไว้แถวนี้”ลูกน้องคนสนิทถามกลับไปทันใด
“เออ...คุณนายรองฆ่าคุณนายใหญ่แล้วฝังไว้ที่นี่แหละ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเอาไปฝังไว้ที่ไหน ทำไปทำมาทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวกลายเป็นสุสานฝังศพของตระกูลไป๋ไปเสียแล้ว”หัวหน้าร่างยักษ์กล่าวพร้อมทอดสายตามองไปที่ทะเลสาบตรงหน้าก่อนจะแหงนหน้าขึ้นบนท้องฟ้ามองพระอาทิตย์เบื้องบน
“รีบลงมือขุดหลุมได้แล้ว! ชักช้าจะมืดเสียก่อนกว่าจะบินออกจากเขตทะเลทรายได้ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าชั่วโมง อยากนอนค้างคืนกลางทะเลทรายหรือไงไอ้พวกโง่!ลงมือ!!!”หัวหน้าร่างยักษ์ตะโกนก้องสั่งการ
ลูกน้องทั้งหมดต่างรีบคว้าเครื่องมือกันอย่างรวดเร็วที่เตรียมพร้อมมาด้วย ต่างพากันช่วยลงมือขุดหลุมคนละไม้ละมือเป็นการใหญ่
ทันใดนั้นเอง
ผลุบ!!! บริเวณเนินทรายที่กลุ่มชายฉกรรจ์กำลังยืนอยู่ในขณะนั้นจู่ๆ ก็ยุบตัวลงพร้อมร่างของแต่ละครกำลังถูกดูดลงใต้ผืนทรายอย่างรวดเร็ว
เหวออ!!! แต่ละคนเปล่งเสียงร้องด้วยความตกใจเมื่อร่างชายฉกรรจ์จำนวนสามคนกำลังถูกทรายดูดลงไปใต้ล่างอยู่ในขณะนั้น
“หัวหน้าทรายดูด! ช่วยพวกเราด้วย!พี่โบ้ว!!”เสียงตะโกนร้องโวยวายขอความช่วยเหลือดังก้องไปทั่วบริเวณ และหนึ่งในนั้นเป็นน้องชายแท้ๆ ของหัวหน้าร่างยักษ์
“อาเหวิน!!!!”หัวหน้าร่างยักษ์เรียกน้องชายจนสุดเสียงพร้อมทิ้งบุหรี่ที่ถืออยู่ในมือทันที
ร่างยักษ์กระโดดลอยละลิ่วคว้าข้อมือน้องชายของตนเอาไว้ได้ทัน
“เฮ้ย!พวกมึงมารีบช่วยลากน้องกูขึ้นมาเร็วๆ เข้า แยกย้ายกันรีบดึงพวกมันขึ้นมา!!!”หัวหน้าร่างยักษ์ตะโกนสั่ง
สวบบบบ!!!! ใต้ผืนทรายเบื้องล่างกำลังดูดสิ่งมีชีวิตที่อยู่กลางเนินทรายค่อยๆ จมดิ่งลงไปทุกทีในขณะที่แต่ละคนกำลังช่วยกันดึงพี่น้องของตนให้ขึ้นมาจากหลุมทรายดูด
“หัวหน้าดึงไว้แบบนี้ไม่มีประโยชน์หรอก ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปพวกเราจะพากันถูกทรายดูดกันหมดทุกคน! คนโบราณเคยบอกว่าถ้าเจอหลุมทรายดูดจะรอดตายได้ ต้องปล่อยคนที่ถูกดูดแล้วเราจะรอด”เสียงของลูกน้องตะโกนบอก
และนั่นทำให้หัวหน้าร่างยักษ์หันกลับไปมองหน้าลูกน้องของตนที่พูดประโยคนั้นออกมาทันที
“นี่มันน้องกูนะเว้ย!จะปล่อยให้ตายต่อหน้าแบบนี้ไม่ได้!!!”คนเป็นหัวหน้าตวาดกลับไปก่อนจะได้ยินเสียงคนเป็นน้องที่กำลังถูกทรายดูดจมไปแล้วครึ่งค่อนตัวโผล่มาเพียงช่วงบริเวณอกเท่านั้น
“พี่โบ้ว!เอาไอ้สองคนนั้นโยนลงมาที่หลุมทรายแทนฉันเร็วๆ เข้าพี่! จะฆ่ามันอยู่แล้วก็ให้พวกมันโดนทรายดูดไปเลย”
และนั่นทำให้หัวหน้าร่างยักษ์นึกขึ้นมาได้ทันที ว่ามีเหยื่อที่จะต้องถูกฆ่าทิ้งอยู่บนเฮลิคอปเตอร์
“ไปเอามันสองคนมาโยนลงหลุมทรายดูดแทนพวกเราเร็วเข้า!!!”หัวหน้าร่างยักษ์ตะโกนสั่งการ
ครั้นได้ยินเช่นนั้นลูกน้องที่เหลืออีกสองคนรีบวิ่งกลับไปที่เฮลิคอปเตอร์ทันที ในขณะที่หวังเหล่ยเริ่มที่จะรู้สึกตัวจากยาสลบพร้อมเพื่อนสาวร่วมแก๊งก็เริ่มเคลื่อนไหวร่างกายไปมาเช่นกัน ก่อนจะพบว่าตนเองถูกจับมัดมือไพล่หลังและมัดเท้าเอาไว้อย่างแน่นหนาด้วยกันทั้งคู่ มิหนำซ้ำปากก็ถูกอุดด้วยผ้า ไม่สามารถพูดจาอะไรออกมาได้
อู้ว!อู้ว! ทั้งสองต่างส่งเสียงอู้อี้และพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากการถูกมัดอย่างแน่นหนา ก่อนจะได้ยินเสียงของผู้ชายดังขึ้นมาโดยพลัน
“แกแบกร่างไอ้ผู้ชาย! ส่วนนางผู้หญิงเดี๋ยวข้าแบกเอง”เสียงนั้นแบ่งหน้าที่กันทำงาน
“เฮ้ย!เฮ้ย! จะเอาฉันไปไหนไอ้พวกสารเลว”ไป๋หลันฮวาก่นด่าออกมาเสียงอู้อี้
“แก้มัดเชือกแล้วมาสู้ด้วยฝีมือกันดีกว่า!ลอบกัดกันแบบนี้มันไม่ใช่กฎของนักเลงทำกันหรอกนะเว้ย!ไอ้พวกหมาลอบกัด”หวังเหล่ยก่นด่าท่ามกลางเสียงอู้อี้ของตนก่อนจะถูกแบกร่างนำมาพาดไว้บนบ่าอย่างรวดเร็วด้วยกันทั้งคู่
“เฮ้ย!เฮ้ย!จะพาไปไหน!!!”ไป๋หลันฮวาตะโกนออกมาแต่เสียงที่เปล่งนั้นอู้อี้ไม่เป็นภาษา
ร่างของทั้งสองถูกแบกไว้บนบ่าลูกน้องของเจ้าร่างยักษ์รีบวิ่งกลับมาที่หลุมทรายดูด และทันทีที่วิ่งมาถึง
“รีบโยนพวกมันสองคนลงไปในหลุมเร็วๆ!!!”หัวหน้าร่างยักษ์ตะโกนสั่งเสียงหลง ด้วยร่างของน้องชายในขณะนี้จมลงไปใต้ล่างโผล่แค่ส่วนศีรษะขึ้นมาเพียงเท่านั้น
ในขณะที่ลูกน้องอีกสองคน คนหนึ่งจมลงไปใต้ผืนทรายแล้วและดึงเพื่อนที่กำลังช่วยอยู่ในขณะนั้นให้จมลงตามไปติดๆ ก่อนจะถูกสลัดออกจากร่างที่จมลงใต้ล่าง
“รีบโยนพวกมันลงไปเร็วเข้า! มัวยืนเซ่อทำอะไรอยู่!”เสียงหัวหน้าร่างยักษ์ตะโกนสั่งการ
ตุบ!ตุบ! ร่างของหัวหน้าแก๊งทั้งสองถูกโยนลงไปในหลุมทรายดูดอย่างรวดเร็วเพื่อใช้เป็นตัวล่อให้อีกสองชีวิตคนโฉดที่เหลืออยู่รอด ซึ่งกำลังถูกดึงจากหลุมทรายดูดด้วยแรงของพรรคพวกตน ต่างช่วยกันจ้าละหวั่นจนในที่สุดก็สามารถช่วยขึ้นมาจากหลุมทรายดูดได้เป็นผลสำเร็จ
“เกือบตายเป็นผีเฝ้ากลางทะเลทรายแล้วอาเหวิน”หัวหน้าร่างยักษ์เอ่ยกับน้องชายทันทีที่ถูกช่วยขึ้นมาได้ พลางหันกลับไปมองร่างของเหยื่อทั้งสองซึ่งมีคำสั่งให้นำมาฆ่าทิ้งกำลังถูกทรายดูดกลืนลงไปใต้ล่างอย่างช้าๆ
“แบบนี้ก็ดีเหมือนกันวะไม่ต้องเปลืองแรงขุดหลุม เจอทรายดูดเข้าให้พอดีแต่แม่งเกือบดูดน้องกูลงไปด้วยนี่สิ! แถมต้องเสียลูกน้องไปอีกหนึ่งคน แม่งเอ้ย!กลับไปกูจะไปบอกแม่มันอย่างไงดีวะ”หัวหน้าร่างยักษ์บ่นพึมพำสายตายังคงจับจ้องร่างของเหยื่อทั้งสองที่กำลังดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองรอดชีวิตกันอย่างเต็มที่
“ดูพวกมันสองคนแม่งดิ้นเหมือนหมาถูกน้ำร้อนลวกเลย ท่าทางคงจะไม่รู้ว่ากำลังอยู่ในหลุมทรายดูดวะ”กล่าวพร้อมอ้าปากกว้างเปล่งเสียงหัวเราะดังกระหึ่มออกมาทันใด
ทันใดนั้นเองกระแสลมแรงพลันเกิดขึ้นอย่างมิรู้สาเหตุ พัดพาฝุ่นทรายจนฟุ้งกระจายเต็มไปหมด
พรืด !หัวหน้าร่างยักษ์สำลักฝุ่นทรายออกมาทันใด
แค่ก!แค่ก! เสียงไอดังออกมาติดต่อกันก่อนจะยกมือขึ้นบังฝุ่นทรายที่คละคลุ้งไปทั่ว มองไปที่ใดทั่วบริเวณมีแต่ความพร่ามัวเต็มไปหมด
“พายุทราย!”หัวหน้าร่างยักษ์ตะโกนแข่งกับสายลม
“วิ่งที่ไปเฮลิคอปเตอร์!เข้าไปหลบพายุทรายในนั้นก่อน!วิ่งไป!!!”หัวหน้าร่างยักษ์ตะโกนสั่งท่ามกลางพายุทรายที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุกำลังโหมพัดกระหน่ำแรงขึ้น
กลุ่มชายฉกรรจ์ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงเจ็ดคนรีบวิ่งกลับขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์อย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบปิดประตูจนสนิทแต่ยังไม่บินขึ้นแต่อย่างใดเพราะทัศนะวิสัยไม่ดี ต้องรอจนกว่าพายุทรายสงบจึงจะสามารถนำเครื่องขึ้นบินได้
และมิรู้ว่าจะต้องรอนานเพียงใดกว่าที่พายุทรายที่กำลังโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงในขณะนี้จะผ่านพ้นไป ทุกสายตาเพ่งมองเหยื่อที่ถูกนำมาฆ่าซึ่งถูกโยนลงไปในหลุมทรายดูดเป็นตาเดียวกัน
“พวกมันสองคนโชคร้ายเป็นบ้าที่ถูกพามาฆ่ากลางทะเลทรายแบบนี้ นอกจากจะเจอหลุมทรายดูดแล้ว จู่ๆ ยังมีพายุทรายเกิดขึ้นซ้ำเติมพวกมันอีก กลบร่องรอยมันไม่เหลืออะไรเลย แหม...ทุกอย่างเกิดขึ้นช่างประจวบเหมาะพอดิบพอดีเข้าข้างกันเป็นบ้าเลยวะ”หัวหน้าร่างยักษ์กล่าวทำลายความเงียบ
“แล้วพวกเราจะต้องติดอยู่ในเฮลิคอปเตอร์นานแค่ไหนพี่โบ้ว!”เสียงของน้องชายถามกลับไป
“ก็จนกว่าพายุทรายจะสงบถึงจะเอาเครื่องขึ้นบินได้ ตอนนี้ก็ทำได้แค่นั่งรอไปก่อน”หัวหน้าร่างยักษ์กล่าวพร้อมแหงนหน้ามองท้องฟ้าเบื้องบนซึ่งเต็มไปด้วยแสงสีส้มผ่านหน้าต่างกระจกของตัวเครื่อง ในขณะที่อีกไม่นานพระอาทิตย์ก็จะตกดินแล้วเวลาแห่งรัตติกาลกำลังเข้ามาเยือน
เจ้าร่างยักษ์หันกลับไปมองร่างของเหยื่อทั้งสองที่ได้รับคำสั่งให้นำมาฆ่าทิ้งกลางทะเลทราย ฝุ่นทรายที่กำลังโหมกระหน่ำอยู่ในขณะนั้น บดบังด้านนอกมองไม่เห็นแต่อย่างใด
ในขณะเดียวกันบริเวณที่เกิดหลุมทรายดูดเมื่อครู่ที่ผ่านมากำลังดูดร่างของไป๋หลันฮวาและหวังเหล่ยจนจมไปถึงครึ่งตัว แต่แล้วกลับหยุดโดยพลันทันทีที่เกิดพายุทรายโหมพัดกระหน่ำ
ทว่าเป็นที่น่าแปลกประหลาดยิ่งนักที่พายุทรายโหมกระหน่ำบริเวณพื้นที่โดยรอบแต่กลับเว้นหลุมทรายดูดที่ร่างของทั้งสองกำลังจมอยู่ในขณะนั้น
หากแต่แรงกระหน่ำของพายุทำให้ผ้าที่คลุมศีรษะของทั้งสองอยู่ในขณะนั้นค่อยๆ หลุดลอยออกไปตามกระแสลมรุนแรงรอบนอก เปลือกตาของหญิงสาวยังคงปิดสนิทอยู่เช่นเดิมด้วยสัมผัสกระแสลมแรงที่กำลังพัดกระหน่ำได้เป็นอย่างดี
ฝุ่นทรายยังคงลอยคละคลุ้งฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ แม้จะไม่กระหน่ำตรงหลุมที่เธอกับเพื่อนกำลังถูกฝังอยู่ก็ตามทีแต่ก็ใช่ว่าจะสามารถรอดพ้นแรงลมเหล่านั้นไปได้
อือ!อือ!อือ! หวังเหล่ยพยายามจะดันผ้าที่อุดปากอยู่ในขณะนั้นออกมาให้ได้ ก่อนจะก้มลงใช้ไหล่ของตัวเองดันกระพุ้งแก้มจนชายผ้าหลุดออกจากปากจนเป็นผลสำเร็จ ร่างสันทัดรีบก้มต่ำลงแนบใบหน้าไปที่มือของเพื่อนสาวพร้อมถูไปมาส่งสัญญาณให้เพื่อนดึงผ้าออกจากปากของตน
ในขณะที่ไป๋หลันฮวาล่วงรู้ได้ทันทีว่าเพื่อนของเธอส่งสัญญาณให้ทำอะไร ปลายนิ้วพยายามเกี่ยวกระหวัดจับชายผ้าที่หลุดออกจากปากหวังเหล่ยก่อนจะดึงพรวดเดียวทันที
เฮ้อ!!! เสียงถอนหายใจของหวังเหล่ยดังออกมาครั้นปากเป็นอิสระ
“ก้มลงมาเสี่ยวหลันจะดึงผ้าอุดปากของแกออก”หวังเหล่ยบอกเพื่อนสาว
ไป๋หลันฮวาก้มลงแนบใบหน้าบนฝ่ามือหวังเหล่ยอย่างรวดเร็ว พร้อมผ้าอุดปากของเธอถูกปลายนิ้วหวังเหล่ยเกี่ยวกระหวัดดึงออกจนเป็นอิสระ
เฮ้อ! หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างแรง ก่อนจะหลับตาปี๋เมื่อลมกรรโชกแรงโหมกระหน่ำไปทั่วบริเวณแต่เว้นหลุมทรายดูดเอาไว้ ก่อนจะปรือตามองได้เพียงเล็กน้อยเมื่อเห็นเพื่อนพยายามแก้เชือกที่ถูกมัดไพล่หลังและเท้าเอาไว้
“นายตัวใหญ่เกินไปแก้เชือกไม่ได้หรอก เดี๋ยวฉันแก้เอง”หญิงสาวตะโกนแข่งกับสายลมบอกหวังเหล่ยกลับไป
“จะรีบทำอะไรก็เร็วๆ เข้าเสี่ยวหลันเกิดพายุทรายแบบนี้พวกมันที่จับเราสองคนมา ก็ออกจากทะเลทรายไม่ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราสองคนจะต้องรีบพากันออกจากทะเลทรายนี้ให้ได้”หวังเหล่ยตะโกนบอกเพื่อนแข่งกับสายลม
“รู้แล้ว..รอแปบ!แต่ก่อนจะแก้เชือกให้ได้หาวิธีออกจากหลุมทรายก่อนเถอะ จมลงไปครึ่งตัวแบบนี้จะขึ้นมาได้อย่างไงกันเล่า!”เธอตะโกนบอกกลับไป พลางรีบหลบใบหน้ามิให้กระทบกับสายลมที่กำลังพัดเอาฝุ่นทรายจนเธอรู้สึกแสบหน้าไปหมดแล้วในขณะนี้
ฉับพลันสายตาของหญิงสาวเหลือบไปเห็นบางอย่างอยู่ใต้ผืนทราย เมื่อหลุมที่เธอและหวังเหล่ยถูกดูดลงไปนั้นบัดนี้ถูกแรงลมที่พัดกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง หอบทรายจากเบื้องล่างพลิกขึ้นมาด้านบนพร้อมโครงกระดูกร่างหนึ่งนอนสงบนิ่งจมอยู่ใต้ผืนทรายปรากฏอยู่ตรงหน้าหญิงสาวในขณะนี้
ร่างระหงของไป๋หลันฮวาโอนเอนไปมา พร้อมทรายที่กลบฝังร่างของเธอไปกว่าครึ่งถูกกระแสลมหอบพัดพาออกจากร่างของเธอจนเป็นอิสระ พลิกผืนทรายแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงพร้อมร่างของหญิงสาวพลิกหมุนติดต่อกันอยู่หลายตลบ ในขณะที่หวังเหล่ยก็มีสภาพไม่แตกต่างกันแม้แต่น้อย
ผลั่ก! ใบหน้าสวยของแม่สาวน้อยกระแทกเข้ากับของแข็งบางอย่างเข้าให้อย่างจัง จนริมฝีปากของเธอนั้นแตกขึ้นมาทันใด พร้อมเลือดสีแดงฉานไหลหลั่งรินออกมาอย่างรวดเร็ว มิรู้ว่ากระแทกถูกหินหรืออะไรกันแน่
“อู๊ยย!”หญิงสาวส่งเสียงโอดครวญด้วยความรู้สึกเจ็บขึ้นมาโดยพลัน
ดวงตากลมโตค่อยๆ เหลือบสายตามองสิ่งที่อยู่ใต้ล่างซึ่งกำลังสัมผัสกับริมฝีปากของเธออยู่ในขณะนี้ เลือดสีแดงฉานของไป๋หลันฮวากำลังไหลหลั่งรินลงไปถูกสิ่งที่เรียกกว่าหัวกะโหลกมนุษย์ และริมฝีปากของเธอกระแทกถูกบริเวณปากของหัวกะโหลกเข้าให้นั่นเอง
“เหวอออ”ไป๋หลันฮวาร้องตะโกนเสียงหลงแข่งกับสายลม เป็นเหตุให้หวังเหล่ยหันกลับมามองเพื่อนสาวของเขา
“เป็นอะไรเสี่ยวหลัน!”ชายหนุ่มตะโกนถามกลับไป แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก พร้อมดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นโครงกระดูกมนุษย์อยู่ใต้ผืนทรายโดยมีร่างของไป๋หลันฮวาทาบทับอยู่ด้านบน
ทันใดนั้นเองกระดองเต่าที่จารึกคาถาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งอยู่บนลำคอขาวผ่องของหญิงสาวประกบเข้ากับกระดองเต่าอีกครึ่งซีกซึ่งเป็นส่วนอีกครึ่งที่กระเด็นออกจากมือของไป๋หลันฮวา
ในขณะที่ย้อนกลับไปในยุคอดีตแล้วปรากฏกายอยู่ภายในกระโจมขององค์ชายโจวโยว่เฉิง แม่ทัพไร้พ่ายในอดีตกาลและโครงกระดูกมนุษย์ที่ปรากฏอยู่ใต้ผืนทรายในขณะนี้ก็คือศพของแม่ทัพหนุ่มในตำนานเมื่อ 3000 ปีก่อนนั่นเอง
กระดองเต่าทั้งสองซีกถูกประกบเข้าหากันอย่างประจวบเหมาะด้วยความบังเอิญพร้อมโลหิตของไป๋หลันฮวาที่ไหลหลั่งรินออกมาจากปากของเธอสัมผัสกับริมฝีปากของกะโหลกพระศพองค์ชายในอดีตเข้าให้อย่างจัง
พรึ่บ! แสงประหลาดเจิดจ้าปรากฏออกมาทันใดจนไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าได้ และทันทีที่แสงปริศนาบังเกิดขึ้นอย่างมิรู้สาเหตุ พร้อมทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มสงบนิ่งลง พายุทรายที่โหมกรรโชกแรงอย่างบ้าคลั่งบริเวณรอบนอกจู่ๆ มลายหายไปโดยพลัน หากแต่กลับมีบางอย่างปรากฏเข้ามาแทนที่
ท่อนแขนซึ่งเป็นโครงกระดูกมนุษย์ค่อยๆ ยกขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนจะทาบทับสัมผัสลงบนเส้นผมยาวสลวยสีดำสนิทของไป๋หลันฮวา ท่ามกลางสายตาของหวังเหล่ยที่ลืมตาขึ้นมาเห็นเข้าให้พอดี
“แม่เจ้า!!!”หวังเหล่ยแหกปากตะโกนลั่นเสียงหลงเมื่อเห็นสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา
ในขณะที่ริมฝีปากอวบอิ่มของไป๋หลันฮวาซึ่งกำลังบดเบียดริมฝีปากของหัวกะโหลกร่างนั้น เธอเริ่มสัมผัสได้ถึงเนื้อหนังของมนุษย์ โครงกระดูกของแม่ทัพในตำนานค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นบุรุษเพศร่างกายสูงใหญ่ กำยำปรากฏเข้ามาแทนที่ต่อหน้าต่อตาไป๋หลันฮวาและหวังเหล่ยอยู่ในขณะนี้