ถอด

2111 Words
“ไม่น่าจะหักนะ น่าจะแค่แพลง” ประภาภรรยาของพ่อเลี้ยงกมลตรวจอาการบาดเจ็บให้กับเด็กสาวอย่างเนื้อทองเบื้องต้น เพราะเห็นว่าอาการของเด็กสาวค่อนข้างหนักอยู่เลยนิ่งนอนใจให้นั่งรถไปไกลถึงโรงพยาบาลโดยไม่ตรวจดูก่อนไม่ได้ ถ้าเป็นอะไรมากถึงขั้นกระดูกหักเธอจะได้เรียกรถพยาบาลมารับจะดีกว่าเดินทางไปเอง หรือถ้าไม่เป็นอะไรมากก็จะได้รักษาให้เองเพราะถ้านั่งรถออกไปไกลตอนนี้มันอันตรายด้วยฝนตกกำลังตกหนัก “ขอตัวก่อน” ปรินทร์ที่นั่งอยู่ข้างๆเด็กสาวรีบลุกขึ้นพร้อมกับจับตัวเด็กสาวให้ลุกตามเมื่อฟังคำพูดของประภาจบ เขาอยู่ภายในที่ดินของพ่อเลี้ยงกมลคนที่ไม่ชอบขี้หน้ากันมาก่อนนานเกินไปแล้ว เขาควรจะกลับบ้านได้แล้ว เพราะเขากำลังรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมากที่ต้องทนนั่งมองหน้าคนที่ไม่ชอบหน้ากันแถมยังมาอยู่ในบ้านของมันอีกด้วย “จะพาฉันไปไหน” เนื้อทองที่ทรงตัวด้วยขาเพียงข้างเดียวเพราะอีกข้างยังคงเจ็บมากจนใช้ยืนไม่ได้โวยวายขึ้นมาเมื่อเธอนั้นยังไม่อยากกลับไป เธอจะอยู่ที่นี่และกำลังจะเอ่ยขอเจ้าของบ้านเพื่อขอค้างคืนอยู่แล้วเชียว เขาก็ดันเข้ามาขัดจังหวะเสียได้ “กลับบ้าน” เขากระชากร่างบางนั้นแรงขึ้นเพื่อพาเธอไปขึ้นรถ โดยยังคงไม่สนว่าเธอจะตัวเล็กแค่ไหน เพราะเธอปากดีก็คงแรงดีด้วย ทำอะไรลงไปแค่นี้คงไม่ทำให้คนอวดดีอย่างเธอเจ็บหรอก “ไม่ไป” ร่างบางที่เรียกได้ว่าบอบช้ำไปทั้งตัวจากการตกลงไปในหลุมนั้นพยายามดิ้นเพื่อเอาตัวรอดจากเงื้อมือของเขา พร้อมกับแหกปากร้องโวยวายอย่างคนไม่ยอม เพราะไม่อยากที่จะต้องกลับไปบ้านที่เหมือนนรกนั้น เธอยอมไปอยู่แต่ที่โรงเรียนเสียจะดีกว่า หรือขออาศัยบ้านคนอื่นอยู่ก็ได้ “เงียบ” ปรินทร์จับร่างบางยัดเข้าไปในรถกระบะของที่ไร่เขา ก่อนที่เขาจะเข้าตามไป ปิดทางไม่ให้เธอหนีออกมาจากรถได้ เพราะอีกฝั่งหนึ่งก็มีคนงานนั่งกันอยู่ให้แล้ว แล้วรถก็เคลื่อนตัวออกจากไร่ของพ่อเลี้ยงกมลด้วยความรีบร้อนตามที่เจ้าของรถอย่างปรินทร์เป็นคนสั่ง ด้วยเขาไม่อยากจะอยู่ภายในไร่ของพ่อเลี้ยงกมลต่ออีกแม้แต่นาทีเดียวแล้วมันรู้สึกกระอักกระอ่วนยังไงไม่รู้ “ทำไมคุณหนึ่งพาหนูครีมกลับบ้านไปในสภาพแบบนั้นล่ะคะ”. ประภาผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่ปรินทร์พาลูกเลี้ยงของเขากลับบ้านถึงกับแอบวิตกกังวลกลัวว่าเด็กสาวอย่างเนื้อทองจะเจ็บตัว เพราะดูจากการกระชากแขนแต่ละครั้งนั้นมันรุนแรงเอามากๆ ไม่มีพ่อที่ไหนเขาทำกับลูกแบบนั้นหรอก “เฮ้อ” กมลได้แต่ถอนหายใจพรืดใหญ่แทนคำตอบทั้งหมด เพราะเขาไม่รู้ว่าจะตอบภรรยาว่าอะไร เรื่องของเนื้อทองกับปรินทร์ที่เขารู้มันถือเป็นความลับเล่าให้ใครฟังไม่ได้ทั้งนั้น และที่ปรินทร์ทำลงไปแบบนั้นก็เพราะเห็นว่าเนื้อทองเป็นสิ่งของชิ้นหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ลูกเลี้ยงอย่างที่ภรรยาของเขาคิดอยู่ “น่าสงสารหนูครีมนะคะ” อดไม่ได้ที่จะพูดต่อด้วยใจเธอนั้นสงสารเด็กสาวจับใจ รักและเอ็นดูเด็กสาวมากเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง ใจก็เลยไม่อยากให้ใครมาทำไม่ดีกับเธอ ถึงรู้ว่านั้นเป็นถึงพ่อเลี้ยงของเด็กแต่การกระทำที่เธอเห็นนั้นก็ทำเอาเธออดห่วงเด็กสาวไม่ได้ ถ้าเป็นไปได้เธอก็อยากจะรับเด็กสาวอย่างเนื้อทองมาดูแลเองสักระยะจนกว่าจะหายเจ็บป่วย “ไม่มีอะไรหรอก เขาพ่อลูกกันก็ต้องรักกันซิ” กมลปลอบใจภรรยาของเขาเท่าที่จะทำได้ เขาพูดอะไรมากไม่ได้กลัวว่าความลับมันจะหลุดออกไปจากปากเขา และถ้าความลับมันหลุดไปคนที่จะเสียใจมากที่สุดก็จะเป็นเนื้อทองเด็กสาวที่เขากับภรรยาอยากช่วยเหลือนั้น ให้เนื้อทองรู้แค่ว่าเธอเป็นลูกของน้องสาวของปรินทร์ที่ตายจากไปแล้วก็พอไม่ต้องรู้อะไรมากไปกว่านั้น “เฮ้อ” ประภาเป็นฝ่ายถอนหายใจยาวออกมาบ้างเมื่อไม่อาจช่วยอะไรเนื้อทองได้นอกจากมองดูรถที่แล่นจากไป รู้สึกเสียใจไม่น้อย ไม่อยากให้เหตุการณ์อะไรแบบนี้มันเกิดขึ้นเลย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเอาใจช่วยให้เด็กสาวผ่านเรื่องราวนี้ไปให้ได้ เธอรู้ว่าเนื้อทองเข้มแข็งเกินเด็กธรรมดา เธอรู้ว่าเนื้อทองจะต้องเอาชนะทุกอย่างได้แม้แต่พ่อเลี้ยงที่ดูจะใจร้ายกับเธอนั้น “ตายแล้วคุณหนูทำไมสภาพเป็นแบบนั้นล่ะคะ แล้วนี่ขาหักเหรอคะ” แดงอ้อยที่ออกมายืนรอรับคุณหนูขอเธอตั้งแต่รถออกไปรับรีบวิ่งไปเปิดประตูรถทันทีที่รถนั้นกลับมา ปรินทร์เป็นฝ่ายลงมาก่อนแล้วตามด้วยคุณหนูของเธอที่ค่อยๆขยับตัวตามออกมา คนแก่อย่างแดงอ้อยรีบเข้าไปประคองคุณหนูของเธอลงจากรถอย่างไม่รอช้าเพราะความเป็นห่วง แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเข้ากับสภาพของคุณหนูที่ยับเยินเลอะเทอะยิ่งกว่าลูกหมาตกน้ำ “พรุ่งนี้เช้าหกโมงฉันต้องเจอเธอที่โต๊ะอาหาร” ปรินทร์ปล่อยให้แดงอ้อยโอ๋เด็กเอาแต่ใจคนนั้นไปอย่างไม่ขัดอะไรเพราะตอนนี้มันดึกมากแล้วเกินกว่าจะมาสอนอะไรกัน แต่เขาก็ไม่ได้ปล่อยให้ไปง่ายๆ ออกคำสั่งใส่ก่อนที่จะปล่อยให้เดินจากไป “ฝันไปเถอะ” เสียงหวานๆของคนที่เริ่มหนาวสั่นจากการเปียกฝนอย่างเนื้อทองเถียงกลับไป เธอไม่เคยต้องมาทำตามคำสั่งใครทั้งนั้น แม้แต่อาจารย์ที่โรงเรียนเธอยังไม่เคยฟังคำสั่งเลย เขามันก็แค่คนที่เพิ่งรู้จัก ฝันไปเถอะว่าเธอจะรับฟังคำสั่งบ้าบอประสาทเสียนั้น “เข้าบ้านกันดีกว่านะคะ ป้าพาไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะ” แดงอ้อยรีบหาทางเอาตัวรอดให้กับคุณหนูของเธอ เพราะไม่อยากให้ปรินทร์โมโหเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาอีก เธอรีบพาคุณหนูของเธอเข้าบ้านไปแล้วตรงไปยังห้องพักเลย ไม่พาแวะไหนแม้จะประคองกันเองแทบจะไม่ไหวก็ตาม เพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้นคุณหนูของเธอก็คงยังเถียงกับผู้เป็นพ่อเลี้ยงไม่ยอมหยุด และนั้นก็เท่ากับไปยั่วโมโหคนอย่างปรินทร์ที่พร้อมจะระเบิดเป็นไฟออกมา “หนูไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ไม่อยากมีพ่อแบบนั้นด้วย” เมื่ออยู่กันตามลำพังภายในห้องพักสองคน เนื้อทองก็โวยวายใส่แดงอ้อยที่เป็นดั่งแม่นมของเธอ เธอไม่อยากมีพ่อที่เฝ้าอยากจะมีอีกต่อไปแล้ว อยากจะกลับไปเป็นเนื้อทองที่มีแค่ลุงกับป้าแก่ๆคอยทำนู่นทำนี้ให้เท่านั้น “คณหนูทำไมพูดแบบนั้นล่ะคะ” แดงอ้อยเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาให้กับเด็กสาวเพื่อจะได้เปลี่ยนชุดเปียกออกแล้วไปอาบน้ำ เธอส่งเสียงดุเด็กสาวที่แสดงความไม่น่ารักออกมาเล็กน้อยเพื่อให้เด็กสาวฉุกคิดเองได้ว่าไม่ควรพูดอะไรแบบนั้น “ป้าก็ดูซิ เขาใจร้าย ใจดำ อำมหิตกับหนูมากเลยนะ” เนื้อทองรับเอาผ้าขนหนูมาจากมือของป้าแดงของเธอ แต่ยังคงไม่ยอมถอดเสื้อผ้าออก เธอยังคงระบายความอึดอัดในใจให้ป้าแดงของเธอฟัง เพราะป้าคนนี้เป็นเพียงคนคนเดียวที่เธอจะเล่าทุกเรื่องให้ฟัง ถึงจะทำอะไรไม่น่ารักใส่อยู่บ่อยๆก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วเธอก็รักป้าคนนี้มากเหมือนแม่คนหนึ่งเลย “ไม่ว่าคุณพ่อแบบนั้นซิคะ” แดงอ้อยพยายามใช้คำพูดเย็นๆเข้าลูบให้เด็กสาวอารมณ์เย็นลง และไม่พูดถึงคนที่มีบุญคุณท่วมหัวแบบนั้น พร้อมกับช่วยเด็กสาวถอดเสื้อนักเรียนมอปลายที่มันเลอะเทอะจนเป็นสีดำไปทั้งตัวออก เพื่อจะได้อาบน้ำกันได้แล้ว เพราะถ้าขืนอยู่เปียกๆไปแบบนี้มีหวังได้หนาวตายแน่ๆ “เขาไม่ใช่พ่อหนู โอ๊ย เบาๆหน่อยซิ” เนื้อทองให้แดงอ้อยดูแลเธอ ถอดเสื้อให้กับเธอเหมือนตอนที่เธอยังเป็นเด็ก ส่วนปากก็พูดว่าอีกคนที่ป่านนี้คงหนีไปนอนในโรงแรมในเมืองแล้วไม่หยุดหย่อนเพราะเขามันใจร้าย ก่อนจะร้องออกมาอย่างดังเมื่อมือของแดงอ้อยไปถูกเข้ากับรอยช้ำที่ต้นแขน “ขอโทษค่ะ” คนแก่อย่างแดงอ้อยรีบเป่าไปเบาๆที่ต้นแขนเล็กๆของเด็กสาวเพื่อให้อาการเจ็บที่เผลอทำมือไปโดยหายไป เธอไม่ได้ตั้งใจจะให้เด็กสาวเจ็บเพิ่มแต่เพราะความแก่ทำให้มองไม่เห็นว่าตรงนั้นมันมีรอยช้ำ “ไม่ๆเดี๋ยวหนูถอดเอง” ความเจ็บยังไม่ทันจางหายเนื้อทองก็ต้องโวยวายขึ้นอีกเมื่อป้าแดงของเธอพยายามจะถอดเอาเสื้อชั้นในของเธอออก เธอไม่ใช่เด็กตัวเล็กอีกต่อไปแล้ว ป้าแดงจะมาถอดเอาเสื้อในของเธอออกไปไม่ได้ “ป้าถอดให้ค่ะ” แต่แดงอ้อยก็ถอดออกมาแล้วเพราะอยากจะดูแลเด็กสาวอย่างดีไม่อยากให้ต้องลำบากยกแขนขึ้นมาถอดเอง “กรี๊ด” สองมือบางยังไม่ทันยกขึ้นปิดหน้าอกของตัวเองประตูห้องก็ดันเปิดออกมา ทำเอาเธอกรีดร้องเสียงดังลั่นบ้านด้วยความตกใจที่มีคนเปิดประตูเข้ามาตอนที่เธอกำลังโป้อยู่ “จะบ้าหรือไง เข้ามาทำไม ออกไป” พอเริ่มมีสติเนื้อทองก็รีบคว้าเอาผ้าขนหนูมากอดปิดบังหน้าอกของเธอไว้ในทันที ถึงหน้าอกของเธอจะไม่ได้ใหญ่เท่าพวกดารานางแบบ แต่มันก็สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล เธอหวงแหนของเธอเป็นอย่างมาก ไม่อยากให้ใครเห็นโดยเฉพาะผู้ชาย ปรินทร์ที่เปิดประตูเข้ามาโดยไม่ได้เคาะประตูยืนนิ่งไปสักพักจนกระทั่งเธอต่อว่าเขาจบ “เธอเสียงดังโวยวายหนวกหู” เขาถึงค่อยๆเอ่ยพูดอะไรออกมา โดยที่สายตายังคงมองไปยังแขนของเธอที่กอดผ้าขนหนูอยู่ “ต่อให้ฉันตะโกนดังกว่านี้คุณก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามา ออกไป” เนื้อทองหยิบจับของที่อยู่ใกล้มือเธอขว้างปาใส่เขาที่ยังคงยื่นหน้าเข้ามาภายในห้องนอนของเธอ “คุณหนูพอได้แล้วค่ะ” แดงอ้อยรีบห้ามเด็กสาวไม่ให้ทำอะไรรุนแรงไปมากกว่านั้นแม้จะเป็นฝ่ายถูกก็ตาม เพราะถ้าเกิดเด็กสาวขว้างปาอะไรไปโดนปรินทร์เข้าเรื่องคงไม่จบง่ายๆเพราะต่างฝ่ายต่างไม่เคยยอมกัน “ป้าก็ออกไปด้วย หนูเปลี่ยนเสื้อผ้าเองได้” เนื้อทองที่โมโหจนเลือดขึ้นหน้าออกปากไล่ทุกคนที่อยู่ใกล้ตัว เพราะเธอไม่อยากเห็นหน้าใครอีก สิ่งที่เธอหวงแหนเอาไว้ไม่เคยให้ใครได้เห็นแม้แต่เพื่อนนักเรียนหญิงในหอพักเดียวกันดันมาโชว์เด่นต่อหน้าผู้ชาย และแถมยังเป็นผู้ชายห่วยแตกอีกด้วย มันช่างดูไร้ค่าไม่เหมาะกับที่เฝ้าหวงแหนเอาไว้เลย “ค่ะๆ” แดงอ้อยรีบเก็บเสื้อผ้าชิ้นที่เด็กสาวถอดออกมาแล้ว และก็รีบออกจากห้องนอนนั้นไป ไม่อยู่ต่ออีกเพราะดูท่าเด็กสาวจะอารมณ์เสียจริงจังแล้ว แต่ก็ไม่ได้ไปไหนไกลยังคงวนเวียนเฝ้าเด็กสาวอยู่แถวหน้าห้องอีกเป็นช่วยโมงเพื่อรอว่าเด็กสาวนั้นอาจจะเรียกหาเธอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD