CHAPTER 2 “ความสัมพันธ์”

2905 Words
ตกเย็นหลังจากเพื่อน ๆ พากันกลับไป ปันก็ขอแยกตัวกลับมาบนห้องเพื่ออาบน้ำและเริ่มลงมือทำ resume เตรียมไว้สำหรับยื่นสมัครงาน ส่วนน้องฝนหลังจากตื่นมาเล่นกับน้า ๆ จนเหนื่อย ปันก็ปล่อยให้น้องฝนหลับไปอีกครั้งตั้งแต่ช่วงบ่าย โดยมีป้าทิพย์คอยช่วยดูให้อีกแรง ครืด...ครืด...ครืด...เสียงสั่นจากโทรศัพท์ทำให้ปันวางมือจากเอกสารที่กำลังทำตรงหน้า และกดรับสายที่โทรเข้ามาทันที ‘ปัน เป็นยังไงบ้างลูก ช่วงนี้แม่ยุ่ง ๆ ไม่ได้เข้าไปหาเรากับน้องฝนเลย ยัยนันเองก็งานเยอะ’ คุณดา ปณิดา เอ่ยถามลูกสาวคนโต “ปันกับน้องฝนสบายดีค่ะ คุณแม่เองก็หาเวลาพักบ้างนะคะ ปันฝากบอกน้องด้วย ปันเป็นห่วงกลัวคุณแม่จะเหนื่อยเกินไป” ปันเอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วง ‘แม่ไหว แม่เป็นห่วงปันมากกว่าอีก ปล่อยให้ปันเลี้ยงน้องฝน ไม่ได้มีเวลาเข้าไปช่วยดูหลานเลย’ คุณดาตอบ “ไม่ต้องห่วงค่ะคุณแม่ ปันไหว แต่ปันตัดสินใจได้แล้วนะคะว่าปันจะกลับไปทำงาน ส่วนน้องฝนป้าทิพย์จะดูแลให้ ปันจะหางานที่เข้างานเลิกงานตรงเวลา จะได้มีเวลากลับมาอยู่กับน้องฝนเยอะ ๆ ด้วย” ปันบอกแม่ ‘ป้าทิพย์เค้าจะไหวใช่มั้ยลูก ไหนจะงานบ้านไหนจะน้องฝนอีก’ คุณดาเอ่ยถาม “ปันคงให้ป้าทิพย์ดูน้องฝนอย่างเดียวค่ะ ส่วนงานบ้านเดี๋ยวขิมจะหาคนมาเพิ่มให้ คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ ปันจะคอยดู ถ้าป้าทิพย์ไม่ไหวจริง ๆ ปันจะหาคนมาช่วยดูน้องฝนเพิ่ม” ปันตอบแม่ให้สบายใจ ‘หาคนมาเพิ่ม ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มไปอีก ถ้างั้นเดี๋ยวแม่จะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายแล้วกันนะลูก ปันจะได้ไม่หนักมาก’ ปันยิ้มให้กับสิ่งที่คุณแม่พูด “ปันไหวจริง ๆ ค่ะคุณแม่ คุณแม่เก็บไว้ใช้เถอะ เดี๋ยวปันก็กลับไปทำงานแล้ว” ปันตอบให้แม่หายห่วง ‘ถ้าไม่ไหวปันต้องบอกแม่นะ แม่รู้ว่าปันเก่ง ปันพยายามที่จะดูแลครอบครัวเราให้ดีที่สุดตั้งแต่ปันเรียนจบ แต่แม่รู้ว่าปันเองก็เหนื่อย พักบ้างอ่อนแอบ้างก็ได้นะลูก น้องเองก็เรียนจบแล้ว มีงานทำ หาเงินเองได้แล้ว แม่พร้อมจะช่วยปันเสมอ อย่าพยายามอยู่คนเดียวนะลูกนะ ยังไงแม่ก็เป็นแม่ของปันนะ’ คุณดาพูดกับปัน “ถ้าปันไม่ไหว ปันจะบอกคุณแม่นะคะ พักผ่อนเยอะ ๆ นะคะคุณแม่ ไว้มีเวลาก็แวะมาหาปันกับน้องฝนบ้าง หลานสาวคิดถึงคุณยายแล้วค่ะ” ปันตอบกลับแม่ ก่อนจะล่ำลากันและวางสายไป ทางฝั่งเพื่อน ๆ ของปัน หลังจากกลับออกมาจากบ้านของปันแล้ว ก็พากันไปแวะร้านอาหาร เพื่อกินข้าวเย็นด้วยกันก่อนแยกย้าย เพราะไม่อยากรบกวนปันและป้าทิพย์มากเกินไป “เฮ้อออออ ปันดูไม่ร่าเริงเลยว่ะ เราต้องไปหาปันบ่อยกว่านี้หน่อยมั้ย” ขิมเอ่ยขึ้นหลังจากสั่งอาหารเสร็จ “เลี้ยงเด็กคนนึงมันก็ไม่ได้ง่ายนะมึง ในเมื่อปันตัดสินใจไปแล้ว พวกเราก็ทำได้แค่คอยช่วยดูอยู่แบบนี้แหละ ใครจะคิดวะว่าปันจะมีวันนี้” ไผ่ถอนหายใจหลังจากพูดจบ “มึงไม่พูดอะไรหน่อยหรอไอ้ผา สารภาพกับไอ้ปันไป แล้วช่วยมันเลี้ยงน้องฝนสิ กูรู้ว่ามึงอยากเป็นพ่อน้องฝนมาก ไหน ๆ ก็มีโอกาสแล้ว ทำคะแนนซะหน่อยดิวะ” ม่อนหันมาบอกภูผา “มึงคิดว่าที่ผ่านมาปันไม่รู้หรอว่ากูคิดอะไร ปันไม่ได้โง่นะพวกมึงก็รู้ แต่ปันวางกูไว้ในฐานะเพื่อนอย่างชัดเจนมาตลอด ถ้ามันมีโอกาสเป็นได้มากกว่านี้จริง ๆ มันก็คงเป็นไปนานแล้วแหละ” ภูผาตอบเพื่อน “มึงก็เลยจะยอมอยู่เป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อแบบนี้ไปเรื่อย ๆ งี้หรอวะ มึงสองคนเคยคุยกันจริง ๆ จัง ๆ บ้างมั้ย กูถามหน่อย ไม่ใช่มึงเอาแต่คิดเองเออเองอยู่คนเดียวหรอกนะ” ไผ่ถามภูผา “กูไม่ได้คิดเอง กูเคยคุยกับปันแล้ว” เพื่อน ๆ พากันตกตะลึงกับสิ่งที่ภูผาพูด “เฮ้ย!! มึงไปคุยกันเมื่อไหร่วะ ทำไมพวกกูไม่รู้” ขิมรีบถามภูผาออกไปทันที “ตั้งแต่ปันตัดสินใจเรื่องน้องฝน” เพื่อน ๆ หันมองหน้ากัน “พอปันบอกเรื่องน้องฝนกับพวกเรา วันนั้นกูตามไปคุยกับปันเลย หลังจากที่ปันแยกกับพวกมึงแล้ว” ย้อนกลับไปที่เหตุการณ์ในวันนั้น ปันนัดเพื่อน ๆ มาเพื่อบอกข่าวเรื่องสำคัญที่เธอใช้เวลาในการคิดทบทวนมาซักพักและเพิ่งจะตัดสินใจได้ แม้ทุกคนที่ได้ฟังจะมีเหตุผลมากมายในใจที่อยากจะโต้แย้งความคิดของปัน แต่ทุกคนก็รู้ดีว่า ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ปันตัดสินใจแล้ว ปันก็จะเดินหน้าให้ถึงที่สุด แม้มันจะยากลำบากหรือเหนื่อยมากแค่ไหนก็ตาม “ปัน” ภูผาเรียกปันไว้ ก่อนที่ปันจะทันได้ก้าวขึ้นรถ “ผาขอคุยกับปันหน่อยได้มั้ย” ปันส่งยิ้มกลับมาให้ภูผา “ได้สิ จะคุยที่นี่เลยหรือว่ายังไง” ปันถามภูผาออกไป “ไปที่สวนแถวบ้านปันก็ได้ เดี๋ยวผาขับตามไป” ปันพยักหน้ารับและกลับขึ้นไปนั่งบนรถ ก่อนจะขับรถไปยังจุดหมายที่ทั้งสองคนนัดกันไว้ ปันนั่งพิงต้นไม้มองผืนน้ำตรงหน้านิ่ง ระหว่างรอภูผาที่กำลังตามมา ไม่นานก็มีขวดชาเขียวยี่ห้อโปรดลอยอยู่ตรงหน้า ปันส่งยิ้มให้คนข้าง ๆ และรับชาเขียวขวดนั้นมาถือไว้ในมือ “ขอบคุณนะผา ถึงว่าตามมาช้าจัง” ปันนั่งหมุนขวดในมือไปเรื่อย ๆ โดยไม่คิดที่จะเปิดดื่มด้วยซ้ำ “ปัน” ภูผาเรียกปันแล้วเงียบไป ปันเองก็ไม่คิดจะถาม เธอทำเพียงแค่รอให้คนข้าง ๆ เอ่ยออกมาก่อนเท่านั้น “ถ้าปันตัดสินใจเรื่องนี้ดีแล้ว ขอโอกาสให้ผาเป็นพ่อให้เด็กคนนี้ได้มั้ย” “ผา...” ปันเรียกเพื่อนเสียงอ่อน ปันรู้ความรู้สึกของภูผาดีว่าเค้าคิดยังไงกับเธอ แต่ปันไม่คิดว่าภูผาจะยอมเสนอตัวรับเด็กคนนึงมาเป็นลูกของตัวเองแบบนี้ “ผาว่าปันเองก็รู้นะว่าผาชอบปัน ในเมื่อปันตัดสินใจดีแล้วจริง ๆ ผาก็อยากช่วย ผาจะเป็นพ่อที่ดีที่สุดให้เด็กคนนี้ เพียงแค่ปันให้โอกาสนั้นกับผา” ภูผาหันมามองหน้าปัน “ผา...ปันขอโทษนะ ปันรู้ว่าผาคิดยังไง แล้วปันก็รู้ว่าผาอยากช่วยปัน แต่ปันรับความรู้สึกของผาไว้ไม่ได้จริง ๆ ปันมองผาในแบบของคนรักไม่ได้ ปันยังอยากมีเพื่อนดีดีแบบผาอยู่ข้าง ๆ แบบนี้ต่อไป อีกอย่างเรื่องนี้มันเป็นปัญหาของปัน ปันไม่อยากให้ผาต้องมารับผิดชอบในสิ่งที่ผาไม่ได้ทำ” ปันเอ่ยตอบเพื่อนไป “แต่ผาก็ไม่อยากให้ปันต้องมาลำบากกับเรื่องนี้คนเดียวนะปัน” ภูผาแย้ง “ถึงปันจะตัดสินใจแล้ว แต่ปันก็ยังมีผาและทุกคนอยู่ข้าง ๆ ปันไม่ใช่หรอ” ปันถามกลับ “ถ้าผาอยากช่วย ผาก็อยู่เป็นน้าผาให้ลูกของปันได้เสมอ ปันอยากให้ผาได้เจอกับคนดีดี ที่ผารักและมอบความรักกลับมาให้ผาได้เท่ากับที่ผาให้ไป ปันอยากให้ผาได้เป็นพ่อของลูกผาจริง ๆ” ปันส่งยิ้มกลับมาให้ภูผา “แต่ปัน...” ปันหันมายกมือหยุดภูผาไว้ “ผาก็รู้ว่าปันตัดสินใจแล้ว และปันจะไม่มีวันเปลี่ยนใจ แบบนี้ผายังอยากเป็นเพื่อนปันอยู่มั้ย” ปันถามภูผา “ผาจะอยู่ข้าง ๆ ปันตรงนี้เสมอ ไม่ว่าปันจะตัดสินใจยังไง ไม่ว่าปันจะทำอะไร ปันจะมีผาคอยช่วยในทุกเรื่องตลอดไป ผาสัญญา” ภูผายืนยันกับปัน ปันส่งยิ้มกลับมาให้ภูผาอีกครั้ง เธอดีใจที่มีเพื่อนดีดีแบบภูผา และเธอก็หวังว่าซักวันภูผาเองก็จะได้เจอกับคนที่เหมาะสมกับภูผาจริง ๆ เช่นกัน เพื่อน ๆ ต่างเงียบไปเมื่อได้ฟังสิ่งที่ภูผาเล่าออกมา ทุกคนในกลุ่มรู้ดีว่าภูผารู้สึกยังไงกับปัน แต่ก็ไม่คิดว่าภูผาจะกล้าเสนอตัวเข้าไปช่วยปันขนาดนี้ “มึงโอเคมั้ยวะ ทำไมมึงไม่เคยบอกพวกกูเลย” ไผ่ถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง “โอเคดิ อย่างน้อยกูก็ยังได้คอยดูแลและคอยช่วยเหลือปันอยู่ข้าง ๆ แบบนี้ แม้จะในฐานะเพื่อนกูว่ามันก็โอเคนะ” ภูผาตอบเพื่อน ๆ กลับไป “แต่อย่างน้อยถ้าพวกกูรู้ พวกกูจะได้เลิกแซวมึงไง มึงคงไม่สบายใจ” ม่อนเอ่ยขึ้นมาบ้าง “ไม่ใช่ว่ามึงยังมีความหวังอยู่นะผา” ขิมถาม “หวังว่าถ้ายังอยู่ข้างปันแบบนี้ไปเรื่อย ๆ แล้วซักวัน ปันมันจะหันกลับมามองเห็นมึงบ้าง” ขิมมองหน้าภูผานิ่ง “แรก ๆ กูยอมรับนะว่าใช่ กูแค่คิดว่าซักวันมันคงเป็นวันของกูบ้าง ถ้ากูยังอยู่ข้าง ๆ ปันแบบนี้ ซักวันปันก็จะมองเห็นกูในฐานะผู้ชายคนนึง แต่ตอนนี้กูทำใจได้แล้วจริง ๆ ว่าระหว่างกูกับปัน มันคงไม่มีวันเป็นมากกว่าเพื่อนได้หรอก” ภูผาตอบเพื่อน “ดีแล้วมึง พวกกูไม่อยากให้มึงต้องเจ็บกับแผลเดิมซ้ำ ๆ หรอกนะ” ไผ่ตบไหล่ภูผาเบา ๆ “กูหวังว่ากูจะได้ปันคนเดิมกลับมาเร็ว ๆ กูอยากเห็นมันกลับมายิ้มได้จริง ๆ อีกครั้ง” ขิมเอ่ยขึ้น “ปันมันเคยมีความสุขกับการทำงานที่มันรักมาก พวกมึงคิดดูนะ ขนาดมันทำงานหนักขนาดนั้น พร้อมกับเรียนต่อโทไปด้วย มันยังยิ้มสดใสอยู่ได้ทุกวัน กูไม่เคยเห็นมันเหนื่อย มันท้อ เลยซักวัน แต่กลับกันกับตอนนี้กูรู้สึกเหมือนว่าชีวิตมันขาดอะไรบางอย่างไปอ่ะ” ไผ่แสดงความเห็น “อืม ตอนนี้ปันยิ้มได้ทุกครั้งที่ปันมองหน้าน้องฝน แต่กูหวังว่าถ้าปันได้กลับมาทำงานที่ปันรัก ปันจะมีโอกาสยิ้มได้มากขึ้นกว่านี้” เพื่อน ๆ ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่ภูผาพูด เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของภูผาดังแทรกบทสนทนาของทุกคนขึ้นมา ภูผาหยิบขึ้นมาดูหมายเลขโทรเข้าและกดรับในทันที “ว่าไงปัน มีอะไรรึเปล่า” ภูผาเอ่ยถามปลายสายไป เมื่อเห็นว่าปันโทรเข้ามาหลังจากเพิ่งแยกกันได้ไม่นาน ‘อ่อ ผายุ่งอยู่มั้ยปันมีเรื่องอยากปรึกษาหน่อย’ ปันถามภูผากลับมา “คุยได้ปัน ผาไม่ยุ่ง ปันว่ามาได้เลย” ภูผาตอบพลางหลบสายตาของเพื่อน ๆ ที่มองกลับมาอย่างเอือม ๆ ‘ปันว่าจะปรึกษาเรื่องงานหน่อยอ่ะ เดิมที่พวกเราทำ มันเป็นตำแหน่งงานสายการผลิตในโรงงาน ซึ่งมันคงหนีไม่พ้นโอทีบางช่วงเวลาอยู่แล้ว แต่ปันไม่รู้ว่าปันควรสมัครสายงานไหน จะไปสายงานบริหารนั่งโต๊ะเลย เราไม่ได้จบมาตรงสาย เค้าจะรับเข้าทำงานรึเปล่า ปันเลยอยากปรึกษาผาดูหน่อย’ ปันเล่าสิ่งที่คิดออกมา “ตอนที่ปันทำอยู่ที่นี่ปันก็ขึ้นไปถึงตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการนะ ผาว่ามันก็ได้ประสบการณ์ด้านงานบริหารอยู่บ้าง อีกอย่างปันมีวุฒิปริญญาโทบริหารอยู่ ผาว่าน่าจะไปสายบริหารได้อยู่นะ” ภูผาเสนอ ‘บริหารการผลิตแบบนี้หรอ มันก็ยังอยู่ในโรงงานอยู่ป่ะ’ ปันถามต่อ “อืม...ผาว่าเราต้องออกจากโรงงานมาก่อน ถ้ายังอยู่โรงงานมันก็ยังมีโอทีอยู่เหมือนเดิมแหละ ไม่ว่าจะเป็นงานผลิตหรืองานบริหาร” ภูผาพยายามช่วยคิด ‘ถ้าออกจากโรงงาน วุฒิวิศวะอุตสาหการ จะใช้ยื่นได้หรอ ปันคิดตำแหน่งงานที่ควรยื่นไม่ออก’ ปันตอบ “ลองไปสายงาน QA หรือ QC ก็ได้หนิ สายงานนี้แบบไม่ต้องอยู่ในโรงงานก็มีเยอะอยู่นะ” ภูผาเสนอ ‘อืม ก็น่าสนใจนะ ตอนทำที่เดิมก็ทำพวกนี้เยอะอยู่ แต่ถ้าไม่ต้องเข้าโรงงานมันจะต้องตรวจสอบคุณภาพหรอ ตรวจสอบคุณภาพด้านไหนอ่ะ’ ปันยังคงสงสัย “ถ้างานตรวจสอบคุณภาพที่ไม่ได้อยู่ในโรงงาน อาจจะต้องเป็นงานในบริษัทใหญ่ ๆ ที่เค้าจ้างโรงงานผลิตอีกทีอ่ะปัน แบบบริษัทแม่ที่จ้างซัพพลายเออร์ผลิตสินค้าให้ งานของฝ่าย QA หรือ QC ของบริษัทนั้น ๆ ก็จะตรวจสอบสินค้าที่ได้รับไปอีกที อาจจะเป็นการทำงานตรวจสอบให้สินค้าตรงตามความต้องการของลูกค้ามากกว่า ไม่ใช่ตรวจสอบคุณภาพของสินค้าอย่างเดียวแบบที่ปันเคยทำ” ภูผาอธิบายให้ปันฟัง ‘อืม ก็น่าสนใจอยู่นะ เดี๋ยวลองหาบริษัทประมาณนี้ดู ขอบคุณมากนะผา คิดไม่ผิดเลยที่โทรหาผา’ ปันตอบ “ยินดีอยู่แล้ว ไว้ผาจะลองช่วย ๆ ดูให้อีกทีนะ อาจจะลองหาข้อมูลจากบริษัทที่จ้างโรงงานที่ผาทำอยู่ผลิตสินค้าให้ เผื่อมีบริษัทไหนมีตำแหน่งงานส่วนนี้ว่างอยู่ แล้วเรื่องเงินเดือนล่ะ ปันคิดไว้รึยัง” ภูผาถามต่อ ‘ไม่ได้คิดเลย เพราะตำแหน่งงานที่ทำก็ยังกำหนดกะเกณฑ์ไม่ได้อ่ะ แต่เรื่องนั้นไม่เป็นอะไรนะ เอาแค่เงินเดือนเหมาะสมกับตำแหน่งงาน ปันก็โอเคแล้ว’ ปันตอบ “โอเคครับ เดี๋ยวผาช่วยดูให้ ไม่ต้องคิดมากนะ เก่ง ๆ แบบปันบริษัทไหนก็อยากรับเข้าทำงาน แล้วนี่น้องฝนยังไม่ตื่นหรอ ถึงโทรมาได้” ภูผาถามถึงเด็กหญิงตัวน้อย ‘เมื่อกี้ได้ยินเสียงป้าทิพย์เล่นด้วยอยู่ข้างล่าง น่าจะตื่นแล้วแหละ ป้าทิพย์ดูให้อยู่ ปันขึ้นมาทำ resume ข้างบนอ่ะ ทำ ๆ ไปแล้วคิดไม่ออกเลยลองโทรมาปรึกษาผาดู’ ปันตอบกลับมา “มีอะไรก็ถามผาได้ ถึงช่วยไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังไงก็ดีกว่าคิดคนเดียวนะ” ภูผายิ้มตอบ ‘ขอบคุณนะผา ไม่กวนผาแล้วดีกว่า ผาพักผ่อนเถอะ’ ปันเอ่ยขอบคุณก่อนจะวางสายไป “มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าใจของภูผาไม่ได้เป็นของภูผาอีกต่อไป” ไผ่แซวเพื่อนทันทีที่ภูผากดวางสาย “ยุ่ง!! บอกแล้วว่าเพื่อนกัน พูดไม่รู้เรื่องเลยวะมึงเนี่ย” ภูผาหันไปตอบไผ่ “แล้วเพื่อนคนสำคัญโทรมาหาเรื่องอะไรหรอคะ คุณภูผา” ขิมเอ่ยแซวภูผา พร้อมกับถามเรื่องที่ปันโทรมา “ปันโทรมาปรึกษาเรื่องตำแหน่งงานที่จะยื่นสมัครแหละ ปันไม่อยากทำในโรงงาน เพราะยังไงขึ้นชื่อว่าโรงงานมันก็ต้องมีโอทีอยู่ดี แต่ปันคิดไม่ออกว่าควรยื่นสมัครตำแหน่งไหนแทน” ภูผาเล่าให้เพื่อนฟัง “แต่ที่มึงเสนอไปก็ดีนะ ระดับปัน งานประกันคุณภาพหรืองานควบคุมคุณภาพนี่สบายเลย ละเอียดยิบแบบปันอ่ะ แต่ตำแหน่งนี้น่าจะหายากอยู่ ไว้กูลองถามพ่อกับแม่ให้อีกที” ม่อนเสนอตัวช่วย “อืม ลองช่วย ๆ กันถามดู ไว้กูจะถามจากบริษัทอื่นที่พอรู้จักกันอีกทีด้วย ใครได้เรื่องอะไรก็แจ้งปันไปแล้วกัน ดูท่าน่าจะอยากทำงานมาก พอคุยเรื่องงานนี่ร่าเริงเชียว” ภูผายิ้ม “เฮ้อ...เพื่อนกูมันจะออกจากโหมดคลั่งรักเพื่อนปันได้เมื่อไหร่วะ” ไผ่ส่ายหัวให้กับอาการของภูผา “เพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อนด้วยนะ อาการมึงออกมากไอ้ผา พอพูดถึงปันที่หน้ามึงนี่มีแต่รอยยิ้ม เหมือนเวลาปันพูดถึงงานหรือพูดถึงเรื่องน้องฝนนั่นแหละ” ขิมพูดต่อ “เชี่ย!! ทำไมเจ็บจี๊ด ๆ วะ” ภูผาอ้าปากค้างถามขิม “ไม่เจ็บสิแปลก มึงยิ้มเวลาพูดถึงเค้า แต่เค้ายิ้มเวลาพูดถึงเรื่องอื่น เฮ้อ...มาให้กูปลอบใจใกล้ ๆ นี่มา” ไผ่ตบบ่าภูผาเบา ๆ ในขณะที่ม่อนและขิมนั่งขำกับอาการของเพื่อนทั้งสองคน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD