3 วันต่อมา
วัดสาธุ
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายของการอธิธรรมแม่ของฉันและวันพรุ่งนี้เก็จะเป็นวันสุดท้ายที่แม่ได้อยู่กับฉันแล้ว หลังจากวันนั้นหมอบิ๊กไซต์กับเพื่อน ๆ ก็มาช่วยงานโดยมีพี่ลูกหมากช่วยจัดแจงทุกอย่างเพราะฉันแทบจะไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้เลยแค่ไม่ทำตัวให้เป็นภาระก็พอ
ส่วนเรื่องคนที่ออกจากห้องแม่ฉันไม่ได้แจ้งความเพราะฉันอยากจัดการเองมากกว่ากฎหมายจะทำอะไรได้แค่ไหนก็ไม่รู้และมันอาจจะทำให้คนนั้นหวั่นตัวทันก็ได้ฉันเลยไม่อยากเอะอะเกินไปทุกอย่างที่กำลังจะขึ้นฉันจะจัดการเอง
พรึ่บ!
“เหนื่อยไหม?” พี่ลูกหมากเดินมานั่งข้างฉันก่อนจะถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่ค่ะ พวกพี่ต่างหากที่เหนื่อยขอบคุณมากนะคะสำหรับทุกอย่างเลย” ฉันยกมือไหว้พี่ลูกหมาก
“ไม่เป็นไร ๆ พี่เต็มใจช่วยแม่ซันก็เหมือนแม่พี่นั่นแหละไปกินข้าวตั้งหลายรอบ” หมับ! พี่ลูกหมากดึงฉันเข้าไปกอดไว้ลูบหลังอย่างปลอบใจ
“ซันนี่...” เสียงของคนไม่พึ่งประสงค์ดังเข้าหูของฉัน
ฉันผละออกจากพี่ลูกหมากก่อนจะยืนขึ้นและหันไปมองก่อนจะพบว่าเป็นแต๊งค์กิ้วและเทอร์โบในมือมีพวงหรีดมาด้วย ในงานของฉันมีนักข่าวด้วยทุกคนเริ่มให้ความสนใจกับการมาของเธอครั้งนี้ เหอะ!
“มาทำไม?” ฉันถามเสียงเรียบ
“ฉันมาร่วมแสดงความเสียใจน่ะเธอคงเสียใจมากน่ะสินะที่เสียแม่ไป ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะฉันด้วยฉันเลยรู้สึกเสียใจน่ะ...” เธอพูดและปบ่อยน้ำตาออกมาที่ดูแล้วก็รู้ว่าปลอม ตอนนั้นฉันแจ้งความไปแต่สุดท้ายยัยนั่นก็ก็รอดออกมาได้เพราะพ่อแม่ประกันตัวและยัดเงิน ตอนนั้นฉันโกรธมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะตำรวจไม่ฟังอะไรฉันเลยด้วยซ้ำบอกแต่ว่ามันเป็นอุบัติเหตุและแต๊งค์กิ้วก็ยังไม่ได้ชนเลยด้วยซ้ำ เพราะโรคของแม่ฉันกำเริบขึ้นมาเองไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ แม้ว่าฉันจะพยายามอธิบายเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผล
“อ่อ นั่นสินะเพราะตอนนั้นเธออยากแกล้งฉันจนคนเคราะห์ร้ายเป็นแม่ฉันแทน” ฉันตั้งใจพูดเสียดังเพื่อให้นักข่าวได้ยิน
“ขอโทษนะ แต่มันเป็นอุบัติเหตุจริง ๆ นิ ถ้าฉันผิดตำรวจคงจับฉันไปแล้วละ”
“หึ”
“เรื่องมันผ่านมานานแล้วแต่ตอนนี้แต๊งค์กิ้วก็ขอโทษ พร้อมความรู้สึกผิดเธอควรให้อภัยนะซันนี่” เทอร์โบพูดกับฉันแต่ฉันเลือกที่จะไม่สนใจและมองผ่านเขาไป
“ฮึก! ขอโทษนะ” พรึ่บ! อยู่ ๆ เธอก็ร้องไห้และโผยกอดฉันแน่น
“แม้แต่ในวัดก็ยังตอแหลอีกเนอะเหลือเชื่อสุด ๆ ไปเลยแต๊งค์กิ้ว” ฉันด่าเธอที่เข้ามาหาเรื่องกันแม้แต่ในวัดในงานศพแม่ฉัน
“อะไรกันฉันมายิมดี อุ๊ย! มาร่วมแสดงความเสียใจต่างหาก...” เธอพูดเบา ๆ ข้างหูของฉัน
“อ่อเหรอ” หมับ! ฉันลูบหัวก่อนจะกระชากอย่างแรง
“อ๊ะ!!ซันนี่!” เธอกำลังจะโวยวายแต่ก็เปลี่ยนสีหน้าเมื่อมองไปรอบ ๆ ผู้คนกำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายสังคมสมัยนี้จะทำอะไรก็ต้องระวังหน่อยไม่อย่างนั้นจะโดนประจานเอาได้
“เป็นอะไรเหรอแต๊งค์กิ้ว?” ฉันแกล้งเอียงคอถาม
“ปะเปล่าจ้ะ มาขอกอดหน่อยฉันอยู่นานไม่ได้เพราะมีงานต่อ” ฉันปล่อยให้เธอเข้ามากอดและรอฟังว่าจะพูดอะไร
“ตอนนี้เธอยังคงเสียใจงั้นงานที่เธอมีอยู่ฉันรับแทนดีกว่านะ หรือไม่ก็พักงานไปก่อนก็ได้เพราะว่าเธออาจจะยังทำใจไม่ได้เดียวจะเสียงานเอาน่ะ” เธอพูดพร้อมผละออกจากฉัน
“อ่อ ได้สิระหว่างก็กรอบโกยให้มาก ๆ นะ” ฉันพูดกับเธอ
“นี่จ้ะพวงหรีด...” ปึก!!
“โทษทีนะพอดีฉันไม่ค่อยมีแรงมาหลายวันแล้วน่ะ” ฉันตั้งใจไม่รับพวงหรีดปล่อยมันร่วงลงพื้น
“ซันนี่เธอตั้งใจใช่ไหม?!” แต๊งค์กิ้วกัดฟันแน่น
“มีงานนิไปเถอะขอบใจนะสำหรับเวลาที่แวะมาแม้ว่าจะไม่ได้ต้องการก็ตาม....” ฉันยิ้มมุมปากนิดหน่อยก่อนจะเดินผ่านทั้งคู่เพื่อเดินไปหาหมอบิ๊กไซต์ที่อยู่ด้านหลัง
“เหนื่อยไหมคะ?” หมับ! ฉันพูดและจับแขนของเขาถ้าอยู่นอกวัดฉันกอดไปแล้ว
“ไม่หรอกคนพวกนั้นมาทำไม?”
“หาเรื่องค่ะไม่มีอะไรนอกจากทำเรื่องพวกนี้แต่ซันจัดการไปแล้ว”
“ให้คนลากออกไปไหม?”
“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวพวกเขาก็ออกไปกันแล้ว” ฉันพูดและหันไปมองทั้งสองที่กำลังมองฉันอยู่พอดีก่อนจะเดินออกไปด้วยความหงุดหงิดส่วนเทอร์โบยังคงมองฉันไม่คาดสายตา
เหอะ!!
หมับ!!
“ไม่ต้องไปมองมัน” หมอบิ๊กไซต์จับแก้มของฉันให้หันกลับหาเขา
“ซันไม่มองแล้วค่ะ มองหมอดีกว่าสบายตาสบายใจกว่าเยอะเลย^^” แม้ว่าภายนอกจะยิ้มเท่าไหร่แต่ภายในใจฉันยังคงเศร้าตลอดเวลา
“ไอ้ซันเอาไปไหนดีกว่าเนี่ย?” ไอ้เอ็นพูดและยกพวงหรีดของคู่นั้นให้ดู
“เอาไปทิ้ง”
“ได้เลยเพื่อนนนน” มันพูดและเดินถือออกไปเพื่อนฉันรู้ดีว่าฉันกับยัยนั่นเกิดอะไรขึ้น
“ซันนี่” เฮียเอ็มเดินมาก่อนจะเรียกชื่อของฉันสายตาเขามองที่หมอบิ๊กไซต์ หมอเองก็ไม่ยอมมองกลับเหมือนกัน
“สวัสดีค่ะเฮียเอ็มขอบคุณมากนะคะที่มา” ฉันยกมือไหว้
“ไม่เป็นไรเรื่องแค่นี้เอง พี่เสียใจด้วยนะถ้ามีอะไรที่พี่ช่วยได้ก็บอกเลยไม่ต้องเกรงใจ”
“ค่ะ เอาไว้มีเมื่อไหร่จะไปรบกวนทันทีเลย” ฉันพูดไปอย่างนั้นแหละพอเอาเข้าจริงฉันแทบไม่อยากยุ่งกับเขาเลยด้วยซ้ำ
“เฮีย!!”
“ไอ้เอ็นอยู่แค่นี้จะเรียกเพื่อ?” เฮียเอ็มดุเอ็น
“มานี่หน่อยถ้าว่างอะมาช่วยยกของเร็ว!” เอ็นมันคงรู้แล้วว่าพี่มันไม่มีความหวังอะไรแล้ว เฮ้อออ!!ดีแล้วแหละช่วยพาไปทีเถอะ
“เออ ๆ งั้นพี่ไปก่อนนะ...” เขาพูดกับฉันแต่ก็ไม่วายหันมองหมอบิ๊กไซต์
“เสน่ห์แรงจังเลย” เมื่อเฮียเอ็มเดินออกไปแล้วหมอบิ๊กไซต์ก็พูดขึ้น
“ทำไมคิดอย่างนั้นละคะ?” ฉันเอียงคอถาม
“มันชอบเธอ” เขาจ้องหน้าของฉัน
“รู้ได้ยังไงคะ?”
“มองแปบเดียวก็รู้แล้ว เหอะ!” เก่งจริง ๆ เลยนะเจอกันไม่ถึง 10 นาทีด้วยซ้ำ
“ค่ะ เฮียเอ็มชอบซัน แต่ซันไม่ได้ชอบเฮียเอ็มสักหน่อยเรื่องนี้หมอไซต์น่าจะรู้ดีที่สุดนะคะว่าทำไม?”
“ใจคนเรามันเปลี่ยนได้เสมอแหละ”
“ยกเว้นใจของซันเพราะว่าถ้ามันจะเปลี่ยนก็คงเปลี่ยนไปนานแล้วค่ะ ไม่รออยู่ถึงวันนี้หรอก”
“หึ ปากหวานนะก็แปลกที่ผู้ชายจะติด”
“ไม่อีกนานหรอกค่ะ ใจหมอก็จะเปลี่ยนเหมือนกันถ้าอยู่ใกล้คนน่ารักและสวยแถมปากหวานอย่างซัน^^” ฉันส่งยิ้มให้ไปนิดหน่อย
“ใจฉัน...ช่างเถอะ ไปรับแขกได้แล้วทำหน้าที่ให้ดีเข้าใจไหม?” เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็เปลี่ยนใจซะก่อน
“รับทราบค่ะ” ฉันรับปากก่อนจะเดินแยกมาเพื่อไปต้อนรับแขกที่มาร่วมฟังพระวันนี้
“พี่ลูกหมากค่ะ...” ระหว่างรับแขกฉันแยกออกมาแปบนึงเพื่อคุยกับพี่ลูกหมาก
“ว่าไงลูก?”
“เรื่องงานซันอยากให้พี่ลูกหมากยกเลิกให้หน่อยน่ะค่ะ” ฉันบอกไป
“ได้สิพี่เข้าใจว่าซันอยากพักผ่อนและไหนจะเรื่องแม่อีก”
“ขอบคุณค่ะ แต่ว่ายังมีอีกเรื่องที่ไม่ใช่พักผ่อนและพักความเสียใจค่ะ” ฉันมองหน้าของพี่ลูกหมากเขาก็มองหน้าฉันอย่างไม่เข้าใจ
“?”
“งานของซันทั้งนั้นโอนไปให้แต๊งคค์กิ้วนะคะ ถ้ามีใครติดต่อมาก็แนะนำยัยนั่นไป”
“กำลังจะทำอะไรซันนี่?”
“ทำให้คนสูงขึ้นฟ้าก่อนจะตกลงมาให้เจ็บและรุนแรงที่สุดค่ะ” ฉันจะทำให้แต๊งค์กิ้วมีงาน มีเงิน มีทุกอย่างก่อนจะดึงลงมาอย่างแรงให้กระอักเลือดไปเลย
วันต่อมา...
“ฮึก! ฮืออออออ” วันนี้เป็นวันที่ฉันต้องส่งแม่ขึ้นสวรรค์แม้จะพยายามไม่ร้องไห้มาหลายวันแต่วันนี้มันอดไม่ได้จริง ๆ ร่างกายแม่กำลังจากฉันไปแล้ววันนี้....
“โอ๋ ๆ ไม่ร้องจะซันพี่อยู่นี่แล้วลูก~” พี่ลูกหมากกอดฉันเอาไว้
“อย่าร้องไห้เลยแม้ว่าจะเสียใจแม่มึงคงไม่สบายใจถ้ามึงร้องไห้หนักอย่างนี้” ทาทาพูดและลูบหลังของฉัน
“นั่นสิเรามาส่งให้แม่ไปภพภูมิที่ดีเถอะนะ” น้ำเปล่าจับมืออีกข้างเพื่อให้กำลังฉันแม้ว่ามันก็เองก็จะร้องไห้เหมือนกัน
“ฮึก!!” ฉันมองควันที่ล่องลอยขึ้นฟ้าไปด้วยใจหม่นหมอง