ผิงผิง 2

1304 Words
“นี่...” ผิงผิงดึงมือกลับพร้อมทั้งพยายามถอดแหวนออกจากนิ้ว หากกว่าแหวนบ้าอะไรราวกับแม่เหล็กดูดผิวหนังถอดไม่ออก แล้วตอนนี้เธออายแทบแทรกเวทีหนี กรอกลูกตามองรอบกาย ผู้คนเต็มไปหมดและที่สำคัญสายตาเหล่านั้นตำหนิมากกว่าชื่นชม เห็นทีอยู่ไม่ได้คงต้องเผ่น แล้วแหวนล่ะเอาไงดี เมื่อพยายามถอดในช่วงจังหวะที่เล่ยฟานหันไปเจรจากับบิดาของเขา ผิงผิงฉวยโอกาสกระโดดลงจากเวทีวิ่งเร็วรี่ยิ่งกว่าแรงลม หายไปตามทางอย่างว่องไวตามทักษะที่เธอถูกฝึกมา ระหว่างทางที่วิ่งไปก็พยายามถอดแหวนออกแต่ยังไงก็ไม่ออก “บ้าเอ้ย...แหวนผีสิงหรือไงนี่” นักร้องสาวบ่นไปตามทางขณะวิ่งไปได้สักพัก ร่างบางถูกมือปริศนาดึงเข้าไปในห้องหนึ่ง ขณะที่ถูกดึงพยายามดิ้นแต่ไม่โวยวาย ขืนโวยวายคนได้แห่มาทั้งลำเรือ “ผิงผิง” เสียงคุ้นหูดังขึ้นชิดเส้นผมดกดำของเธอ “โอ้ย...ไฟ” ครั้นพอรู้ว่าใครผิงผิงก็ได้แต่โวยลั่น แต่หยุดดิ้นลงฉับพลัน “อย่าเรียกชื่อจริงเรียกวิลเลี่ยม ท่องให้ขึ้นใจสิบอกไม่เคยจำ” คนที่เป็นคนลากเตือนสติหญิงสาว “วิลเลี่ยมคุณลากฉันเข้ามาในนี้ทำไม” ห้องเก็บไวน์เงียบสงัดไร้ผู้คน ครั้นเมื่อเห็นว่าเป็นห้องอะไร อาการของผิงผิงไม่ค่อยมั่นคงนักกวาดตามองรอบกาย แล้วกลับมาหยุดที่เพื่อนคู่หูในการทำงานครั้งนี้อีกครั้ง “กำลังหนีเจ้าของเรืออยู่ไม่ใช่เหรอ ฉันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วนะ” วิลเลี่ยมแอบมองดูเหตุการณ์ขณะเดินไปเสิร์ฟอาหารให้กับแขกในงาน ตะลึงอยู่เหมือนกันที่เล่ยฟานทำแบบนั้นกับเพื่อนร่วมงานที่เขาแอบมีใจชื่นชมความน่ารัก เก่ง ฉลาด และกล้าเสี่ยงตายกับงานที่ได้รับมอบหมาย มีผู้หญิงไม่กี่คนที่กล้ารับงานเสี่ยงอันหมายถึงชีวิตในหลายงาน ถ้าพลาดนั่นคือสิ้นลมหายใจ ทว่าเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงข้างกายคนนี้พลาดงานใดๆเลยสักครั้ง “เออสิ...บ้าชะมัด” ผิงผิงตอบรับเสียงขรม “โดนจูบด้วยนี่” คนพูดก็เล่นส่งคำพูดไม่อ้อมค้อม ส่งหมัดเสยคางหงายหลังผึ่งทีเดียวถ้าเป็นนักมวย “อย่าพูดได้มั้ย คนบ้าอะไรสาวงามมีเป็นสิบมาเลือกฉัน” หญิงสาวว่าอย่างเดือดไม่ใช่ไม่รู้สึกกับจูบเมื่อกี้ รู้สึกมากที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ ก็ในเมื่อมันคือจูบแรกในวัยสาวสะพรั่งของเธอนี่นา ไม่รู้สึกคงกลายเป็นคนตายด้านล่ะ หากแต่เธอไม่ได้ตายด้าน แต่มีความรู้สึกมากล้นเหลือกับจูบและเจ้าของจูบ ผิงผิงไม่เคยเจอตัวจริงของเล่ยฟาน หรือมิสเตอร์สตีฟ หวัง ทว่ารู้จักผ่านระบบข้อมูลต่างๆ ที่ถูกป้อนมเพื่อใช้ในการทำงาน ทุกครั้งที่มองรูปถ่ายของเขาผ่านสื่อ หรือผ่านข้อมูลที่ได้รับมอบมา เธอแอบบอกตัวเองเสมอ ผู้ชายบ้าอะไรช่างดูดีสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ และยังแอบคิดซุกซนไปมากกว่านั้น ถ้าได้เป็นผู้หญิงของเขาสักคืนหรือสองคืนคงสุขจริงแท้ “เธอมันสวยนี่นาผิงผิง” วิลเลี่ยมเอ่ยชมเพื่อนร่วมงานสาวสวยแบบหน้านิ่งๆ ราวกับตอนนี้เขากำลังเลือกชมผลไม้ตามร้านรวงในตลาดสด ทั้งที่ทุกครั้งเมื่อมองผิงผิง หัวใจหนุ่มแน่นมักโลดแล่นไม่อยู่กับร่องกับรอย “เรื่องนั้นฉันรู้แต่มันใช่มั้ยล่ะ ฉันไม่เกี่ยวกับการดูตัวของพวกมหาเศรษฐีซะหน่อย” หญิงสาวว่าอย่างเดือนดาล หากแต่ในความเดือดดาลกลับแฝงอารมณ์ละเมียดบางอย่างไว้ในก้นบึ้ง “เอานี่เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ ขืนยังใส่ชุดนักร้องแบบนี้เขาได้ตามมาเจอ คงได้ลากขึ้นเตียงจริงๆ มากกว่าจูบล่ะงานนี้” วิลเลี่ยมโยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เขาหยิบมาดื้อๆ จากร้านเสื้อผ้าในส่วนช็อปปิ้ง วัดขนาดคงพอเหมาะกับรูปร่างสมส่วนหุ่นนาฬิกาทรายของผิงผิงพอดี “นี่ฉันเสียจูบแรกให้กับอีตาบ้านั่นเหรอวะ” หญิงสาวยังไม่เลิกพล่ามถึงการเสียจูบ ก็มันวาบหวิวนี่นา “อะไร...นะ...จูบเมื่อกี้เป็นจูบแรกของเธอเหรอ” วิลเลี่ยมโพล่งถามออกมาอย่างลืมตัว ให้ตายเถอะ...สาวมั่น สวยเฉี่ยว ขนาดนี้ไม่เคยจูบ รู้อย่างนี้ฉวยโอกาสก่อนไอ้มหาเศรษฐีนั่นซะก็ดี เขาคิดอย่างหมั่นเขี้ยวในใจ “ใช่น่ะสิ” ผิงผิงตอบกลับแบบสะบัดเสียง พลางนึกถึงหน้าสุดหล่อไร้ที่ตำหนิเจ้าของปากนุ่มหวานสะท้านจิตไปพลาง “แหม...เสียดายฉันอยากได้มั่งจัง แต่ทำไงได้เศรษฐีนั่นได้ไปแล้ว ฉันขอเป็นตัวสำรองก็ได้” วิลเลี่ยมแสดงท่าทีเสียดาย ที่ตนไม่ได้เป็นผู้โชคดีแต่ไม่เป็นไร คนแรกก็แค่น่าจดจำ แต่คนสำคัญคือคนสุดท้าย “อีตาไฟ” ผิงผิงถลึงตาทั้งชี้หน้าวิลเลี่ยม ชื่อบ้าบอสากลโบราณก็จริงแต่เก่าแก่ชะมัด หมอนี่ช่างคิดได้หรือว่าเพราะคิดไม่ออกมากกว่า “ถ้าเธอเรียกฉันไฟแทนที่เป็นวิลเลี่ยม ฉันจะโยนเธอออกไปให้เจ้าพ่อนั่นกินซะเลยดีมั้ย” เขาอยากเก็บไว้กินเองมากกว่า และตอนนี้หนีงานมาร่วมยี่สิบหน้าที หัวหน้าไม่เรียกหาไปเสิร์ฟอาหารเครื่องดื่มให้แขกแล้วเหรอ “ไอ้...วิล...เลี่ยม” อยากด่าหลายประโยคแต่จำต้องสงบปากไว้ รอให้จบงานก่อนวิลเลี่ยมคนนี้ได้ตายดับแน่ “ไปสิมุมโน้นรีบไปเปลี่ยนชุดซะก่อนที่ใครจะเข้ามาในห้องนี้” คนถูกอาฆาตไม่สนใจกิริยาของหญิงสาว บุ้ยหน้าชี้ไปยังมุมลับที่มีตู้เก็บไวน์บังสายตาเป็นม่านเปลี่ยนเสื้อผ้า ผิงผิงชี้หน้าอาฆาตวิลเลี่ยมแล้วหายเข้าไปในมุมตู้เก็บไวน์ แต่รู้สึกสยองที่ถูกลากเข้ามาในห้องนี้ เพราะไอ้ขวดพวกนี้เธอแพ้ขนานหนักขืนกินเข้าไปได้เฮลั่นแน่ เธอมองมันอย่างสยองผองขน แล้วจึงลงมือเปลี่ยนสลัดชุดกี่เพ้าเซ็กซี่ของยัยผิงผิงทิ้งลงพื้น หญิงสาวปรากฏกายต่อหน้าวิลเลี่ยมด้วยชุดใหม่ที่เขาไปหามาให้จากร้านเสื้อผ้าบนเรือ “ชุดนี้ค่อยดูเหมาะกับเธอหน่อย” กางเกงยีนเข้ารูปเน้นสัดส่วนรัดรึงเย้ายวนของผิงผิงเรียกสายตาวิลเลี่ยมได้ดีทุกครั้ง แล้วยิ่งสวมกับเสื้อกล้ามเนื้อดีด้วยแล้วยิ่งเข้ากัน แต่เขาก็หวงหญิงสาวจึงดึงเสื้อคลุมสีดำในมือของเธอมาสวมให้ เพื่อปิดบังอำพรางความเย้ายวนที่ไม่ว่าชายใดเห็นคงน้ำลายหกอย่างเขาตอนนี้ “เช็ดน้ำลายหน่อยวิลเลี่ยม” ผิงผิงเห็นอาการอ้าปากค้างของคู่หู จึงใช้นิ้วชี้เดาะปลายคางชายหนุ่มให้หุบฉับ “ขอบใจที่หาชุดมาให้เปลี่ยนเหมาะกับฉันมาก” หญิงสาวตบก้นตัวเอง “น้ำยาเช็ดเครื่องสำอางมีมั้ย ออกไปหน้าแบบนี้มีหวังคนจำได้” หลังจากดึงขนตาปลอมทิ้งไม่รู้ติดมาเพื่ออะไร ขนตาของเธอมันก็งอนจนจะทิ่มคิ้วอยู่แล้ว “นี่ผ้าเย็นเช็ดไปก่อน” ชายหนุ่มคู่หูส่งผ้าเย็นเจี๊ยบขาวสะอาดไปตรงหน้าผิงผิง อย่างน้อยย่อมช่วยได้ แม้ไม่สะอาดเอี่ยมก็ตาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD