โชคดีที่หัวหน้าสายงานจัดการเรื่องตั๋วขึ้นเรือให้เธอกับคู่หูอย่างรอบคอบ ไม่เช่นนั้นจะมีหน้ามายืนทำหน้าสวยอยู่บนเรือที่ราวกับเป็นอีกโลกหนึ่งเลยก็ว่าได้
“แล้วนี่พบอะไรบ้างมั้ย” ขณะทั้งคู่เดินมาด้วยกันทิ้งระยะห่างพอสมควร ผิงผิงซุกสองมือกับกระเป๋าเสื้อคลุม เดินนิ่งๆ
“รอแขกอีกกลุ่มหนึ่งที่จะขึ้นเรือมาสมทบพรุ่งนี้เช้าตรู่” วิลเลี่ยมว่าเขาได้ข่าวกรองจากหัวหน้ามาอย่างนั้น
“กลุ่มไหน” ก็เห็นว่าจะมีการลักลอบส่งมอบอาวุธประหลาดกันบนเรือลำนี้หากแต่ไม่ระบุเวลา แต่คิดว่าภายในช่วงเวลาที่เดินเรือไม่เกินจากนี้ก็ราวๆ หนึ่งสัปดาห์ เธอและคู่หูต้องจับตาดูผู้ต้องสงสัย ที่หัวหน้าบัญชาการอธิบายว่า คนที่น่าวางใจคือคนไม่น่าวางใจ แล้วใครล่ะคือคนๆนั้นงานใหญ่ที่ต้องทำให้สำเร็จภายในหนึ่งสัปดาห์
เพื่อยับยั้งหน่วยค้าอาวุธข้ามชาติ ถ้ามันค้าอาวุธอย่างปืน ระเบิด หรือรถถังหุ้มเกราะ ก็ว่าไปอย่างแต่นี่...อาวุธเคมีหน้าตามันเป็นอย่างไร ทั้งหน่วยและทีมต่างยังไม่ทราบทั้งสิ้น แต่ไม่ใช่ว่าพวกเขาทำงานกันลำพังสองคน หากแต่หน่วยส่งแนวร่วมปะปนอยู่บนเรือ เหอะ...แล้วใครล่ะแต่ละคนหน้าตาเหมือนกันไปหมด
“กลุ่มรัสเซียจากการสืบประวัติกลุ่มนี้เป็นกลุ่มค้าอาวุธตัวยง ถ้าข้อมูลไม่ผิดพลาดนะ”
“เอาเถอะแยกย้ายผิงผิงจะไปเดินดูให้ทั่วบริเวณหน่อย ว่าแต่ห้องพักของเราหัวหน้าจัดการไว้ยังไง”
“ห้องพักจะอยู่ที่บัตรขึ้นเรือ ส่วนของฉันนอนห้องพนักงาน”
“อืม...ตามนั้นไปล่ะ”
ทั้งคู่แยกย้ายจากกันวิลเลี่ยมเดินกลับเข้าไปในครัว เพื่อสอดส่องทางนั้น เพราะได้รับมอบหมายให้แยกกันทำงาน โดยติดต่อกันทางเครื่องมือสื่อสารที่ติดไว้กับตัวขนาดเล็กจิ๋ว โดยไม่มีใครจับสังเกตได้
เหตุการณ์เดียวกันแต่ต่างห้อง
“หยุดเดี๋ยวนี้อาเล่ยลื้อจะไปไหน” เสียงห้ามปรามของลู่ซานตงดุดันเข็มแข็ง ไร้ทีท่าในการยบยอมอ่อนข้อให้ความเอาแต่ใจของบุตรชาย มีอย่างที่ไหนดันไปติดใจนักร้องสาวที่ไม่เกี่ยวข้องกับพิธีดูตัว งานนี้ตนกับภรรยาอุตส่าห์วางแผนร่วมกับพวกออแกไนต์จัดงาน คิดงานกันตั้งนานสุดท้ายจึงลงตัวที่การเดินโชว์อวดรูปร่างหน้าตา ของเหล่าสาวๆ ลูกสาวสังคมชั้นสูงแห่งเกาะฮ่องกง
“ไปตามว่าที่เจ้าสาวของผมครับป๋า” เล่ยฟานตอบหน้าตาเฉย โดยไม่สนใจสีหน้าของบุพการี ที่กำลังแสดงออกในการไม่ชอบกับการกระทำของเขา
“หน้าที่ของลื้อคือเลือกสาวงามบนเวที”
“ผมไม่เลือกผมจะเลือกผิงผิง อีกอย่างผมให้แหวนเธอไปแล้ว”
“ป๋าไม่ยอมรับสะใภ้เต้นกินรำกิน ส่วนแหวนเดี๋ยวป๋าจะให้คนไปตามคืนมาลื้อนั่งนิ่งๆอยู่ตรงนี้ ขืนขยับนิดเดียวได้เห็นดีกับป๋าแน่” ผู้เป็นบิดาสั่งเด็ดขาด บุตรชายคนนี้ต้องกำหลาบแบบนี้ไม่อย่างนั้นดิ้นหนีไปได้ตลอด
“แค่ทำลูกน่าป๋า” เขาบอกไปแบบนั้นหากแต่ในใจค้านโดยสิ้นเชิง กับการคิดว่าได้หญิงสาวที่ตนพอใจมาครอบครองจะขึ้นคร่อมทำลูกเท่านั้น แต่เขาหวังจับเธอมัดไว้ในหัวใจเลยต่างหากถ้าเป็นผิงผิง ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงทำลูกแบบไร้อารมณ์
“แต่งเข้าเป็นสะใภ้สกุลหวัง มันต้องดีที่สุดไม่ใช่คิดจะคว้าใครมาทำลูกก็คว้า คิดซะใหม่อาเล่ย ลื้อมันนอนกับผู้หญิงไม่เลือก พอจะเอามาทำเมียจริงๆ ไม่ต้องเลือกเห็นหน้าตาดีจับฟาดขั้นเตียงได้อย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะถ้าป๋ายังมีชีวิตอยู่จะไม่ปล่อยให้เป็นอย่างนั้นแน่”
“ใจเย็นน่าอาเฮีย ดูสิคนมองกันใหญ่แล้ว” โม่ยเหยียนเตือนสามี สองพ่อลูกกว่าจะลงรอยกันได้ ก็เมื่อเล่ยฟานรับผิดชอบกิจการงาน จนประสบความสำเร็จอย่างในปัจจุบัน ทว่ามีเรื่องเดียวที่ไม่สบอารมณ์คือเรื่องการมีครอบครัว ซึ่งเล่ยฟานไม่เคยบรรจุไว้ในหัว
“โอเคป๋า ผมจะเลือก อาเทียนไปสั่งให้ส่งผู้หญิงออกมาเดินให้ฉันเลือกได้แล้วเสียเวลาชะมัด” ตัดปัญหากับบิดาจบ จึงหันไปสั่งบอดี้การ์ดทันทีเรื่องจะได้จบๆ ว่าแต่เขาไม่มีวันลืมจูบรสโซดาระหว่างตนกับหญิงสาวได้เลยเชียว
บรรดาสาวงามที่เหลืออีกสิบชีวิต ซึ่งสวยสดงดงามราวกับสวรรค์สรรสร้าง พวกหล่อนนั้นต่างแนะนำตัวเองชาติตระกูล การศึกษา การทำงาน รวมไปถึงทัศนคติในการใช้ชีวิต หากว่าไม่มีนางใดดึงดูดความสนใจไปจากเล่ยฟานที่เขาแต่มองไปยังเส้นทางที่ผิงผิงวิ่งหายไป พร้อมกับแหวนหมั้นซึ่งตนเป็นผู้บรรจงสวมลงบนนิ้วนางของเธอได้อย่างพอดีเป๊ะ ความคิดคือเขาจะไม่ทวงคืนจากเธอเด็ดขาด หนำซ้ำยังจะแต่งเธอเข้าสกุลอีกด้วย ดังนั้นเขาคิดจะไปเยี่ยม ควีน ออฟ สตาร์ ในอีกไม่ช้านี้
“ยัยนักร้องนั่นมาจากไหน” หลานอิง ฉู่ รู้สึกไม่สบอารมณ์นักเอ่ยถามมารดาอย่างฉุนเฉียว ขณะเดินอยู่ด้านหลังเวทีรอขึ้นเวทีเป็นคนสุดท้าย หล่อนเห็นขณะเล่ยฟานจูบนักร้องแล้วสวมแหวนที่เตรียมมาเพื่อมอบให้กับสาวที่ต้องถูกเลือก เพื่อเป็นคู่หมั้นเพื่ออนาคตต้องแต่งเข้าสกุลหวัง เป็นภรรยาที่ยืนเคียงข้างเล่ยฟาน อย่างออกหน้าออกตา และนั่นตำแหน่งนั้นคือของหล่อน โดยหาใครจะช่วงชิงไปได้ไม่
“ทำยังไงก็ได้หลานอิงให้ลูกเป็นที่สนใจและหมายปองของอาเล่ย”
“ทำยังไงล่ะแม่ดูสิแต่ละคนสวยๆ เลิศๆ ทั้งนั้น”
“คิดสิเหลืออีกไม่กี่นาที่ที่จะต้องออกไปยืนรวมกันทั้งหมดยี่สิบคน”
“เอาไงดีล่ะแม่” หล่อนแสดงอาการตื่นเต้นไม่ถนัดเรื่องใช้สมองซะหน่อย
“สมองมีบ้างมั้ยอะไรก็คอยให้แต่แม่บอกแม่สอน จริตจะกร้านเอาออกมาใช้ซะบ้างหลานอิง”
“แม่...หลานอิงคิดออกแล้ว” หล่อนอุทาน
“ยังไง”
หลานอิงมองซ้ายมองขวาเกรงกลัวใครได้ยินเคล็ดลับที่ตนคิดได้ เพื่อสร้างจุดเด่นให้กับตนเองหวังเรียกสายตาเล่ยฟานให้หันมาเลือกตน เล่าเคล็ดวิธีที่ให้มารดาผู้เป็นหัวเรี่ยวหัวต่อในการดึงหล่อนเข้ามาเลือกคู่ในครั้งนี้ ดูสิแค่เรือลำนี้ก็สร้างความประทับใจในตระกูลนี้แล้ว และถ้าได้เป็นสะใภ้จะเลิศหรูแค่ไหน หลานอิงคิดอย่างกระหยิ่มในใจ ผ่านสายตาเฉี่ยวที่ถูกแต่งแต้มเป็นพิเศษเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
“วิเศษเลยลูกทำให้ได้ล่ะ” ต่อให้เรื่องนี้ได้มีการพูดคุยกันไว้แล้วแต่ทุกอย่างย่อมประมาทไม่ได้ และถ้าวิธีที่บุตรสาวคนสวยเท่าๆกับบุตรสาวผู้ได้รับการ์ดเชิญเข้าร่วมการเลือกคู่ของเล่ยฟานในครั้งนี้ เข้าไปพูดคุยกับลู่ฟานตง และโม่ยเหยี่ยนจะทำอย่างไร ความประมาทย่อมนำไปสู่การหลุดโผสะใภ้สกุลหวังเป็นแน่
ชื่นชมลูกสาวแล้วฉีเยี่ยนจึงก้าวออกไปยังหน้าเวทีเช่นเดิมเพื่อรอดูบุตรสาว ในการเดินออกหน้าเวทีในช่วงเวลารอบสุดท้าย เพื่อให้เล่ยฟานได้ตัดสินใจเลือกเจ้าสาว พอเดินผ่านลู่ซานตงกับโม่เหยียนจึงส่งยิ้มบางให้เท่านั้น หากแต่ในรอยยิ้มราวกับทวงคำมั่นที่ได้เจรจากันไว้ก่อนหน้านั้น