มาลินีร้องอุทาเบา ๆ เพราะเนื้อตัวของหล่อนตอนนี้เหมือนปลาถูกอัดในกระป๋องไม่ต่างจากตอนที่หล่อนขึ้นรถเมล์มาเมื่อวานนี้เลย
“เป็นไงบ้าง...นี”
เสียงของภาสกรดังอยู่ใกล้ชิดหล่อนมาก มาลินีตอนนี้ยยืนเบียดอยู่กับพี่เขยของหล่อน หล่อนได้ยินเสียงลมหายใจของเขาชัดเจน ความร้อนผ่าวจากลมหายใจและกลิ่นน้ำหอมของภาสกรทำให้หล่อนรู้สึกแปลก ๆ มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากกว่าจะรังเกียจ
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ พี่ภาส”
โดยไม่ได้ตั้งใจอีกนั่นล่ะที่มาลินียืนเบียดเสียดอยู่กับพี่เขยของหล่อน เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองพี่เขยก็เห็นอะไรบางอย่างในดวงตาของภาสกรขณะที่โนมเนื้อของหล่อนมันเสียดสีกับหน้าอกของพี่เขย
มาลินียิ้มกับพี่เขยของหล่อน พอรถจอดที่ป้ายทีก็ทำให้เนื้ออวบอัดยิ่งเบียดกับเนื้อแข็ง ๆ ของชายหนุ่ม เด็กสาวช้อนตามองภาสกรแล้วก็เริ่มเบียดตัวเข้าหาเขา ภาสกรก็เหมือนไม่ได้ตกใจหรือรังเกียจ เขาก็เบียดตัวเข้าหาน้องเมียเช่นเดียวกัน
“มาทำงานแบบนี้ไม่คิดถึงแฟนแย่เหรอ น้องนี”
ภาสกรถามขึ้น แต่ตัวเขาก็ยังเบียดกับตัวหล่อน โดยเฉพาะหน้าอกนุ่ม ๆ ที่ทำเอาชายหนุ่มขนลุกซู่ซ่า
“นีไม่มีแฟนเลยนะพี่ภาส...แหม...นีพึ่งเรียนจบเอง”
“แต่น้องนีสวยแบบนี้พี่ไม่อยากเชื่อว่ายังไม่มีแฟน”
“ยังไม่มีจริง ๆ นะพี่ภาส”
มาลินีไม่พูดเปล่า หล่อนยังเบียดตัวเข้าหาพี่เขยอย่างตั้งใจ ภาสกรยิ้ม ๆ แล้วเด็กสาวก็รู้สึกเหมือนมีอะไรแตะไต่อยู่ที่สะโพกของหล่อน มือของภาสกรนั่นเอง เขาเริ่มลูบไล้ตัวหล่อนจากต้นขาขึ้นมาที่สะโพก ต่างคนต่างไม่พูดอะไรกันอีก แต่ต่างคนก็เหมือนต่างรู้ว่าเป็นยังไง มาลินีสบนัยน์ตาพี่เขยที่เป็นประกายวิบวับ ท่าทางภาสกรจะไม่เบาเลยจริง ๆ
“อืม...นุ่มจัง”
ภาสกรพูดออกมา แต่เวลานั้นคนรอบข้างก็ไม่มีใครสนใจใคร มีแต่เขากับน้องเมียที่ตอนนี้เนื้อตัวแนบชิดกันยิ่งกว่าแซนวิช
“อะ...อะไรคะ พี่ภาส”
“นี่ไง...นุ่มจัง”
“อุ๊ย!”
มาลินีแกล้งส่งเสียงครางเบา ๆ เพราะเนื้อนิ่ม ๆ แต่หนั่นแน่นที่สะโพกของหล่อนถูกบีบเบา ๆ อย่างย่ามใจ ภาสกรก้มหน้าลงมาหามาลินีแถมยังเสียดสีหน้าอกของตัวเองกับเด็กสาวเสียด้วย
“นี่ก็นุ่ม...แน่นด้วย”
หน้าอกของเขากำลังบดเบียดกับหน้าอกหยุ่น ๆ ของมาลินี เด็กสาวไม่รู้สึกกระดากอายแถมหล่อนยังยั่วยวนเขาด้วยซ้ำ ก็แหม...นี่เป็นโอกาสงามสำหรับหล่อนแล้วนี่นา
“พี่ภาสก็ตัวใหญ่มากนะคะ”
พูดแล้วแกล้งเหลือบมองต่ำ ท่าทางอย่างนั้นทำให้ภาสกรเริ่มเข้าใจ
“ไม่ใช่ตัวใหญ่อย่างเดียวนะ”
แน่ะ...คำพูดของภาสกรทำให้มาลินีขนลุกเกรียว ตัวของหล่อนร้อนไปหมด ที่แกนกายสาวก็ยิ่งรุ่มร้อนหนักและมันออกจะเริ่มฉ่ำเยิ้มขึ้นมาด้วยซ้ำไป
“แล้ว...อะไรใหญ่อีกล่ะคะ”
ภาสกรยิ้ม เขาไม่ยอมตอบแต่เด็กสาวก็ได้รับคำตอบเมื่อรู้สึกถึงลำแข็ง ๆ ยาว ๆ กำลังเบียดเสียดอยู่ที่ตรงกลางลำตัว ไม่มีใครรู้หรือสนใจว่าน้องเมียกับพี่เขยกำลังเล่นอะไรกันอยู่บนรถ ภาสกรแสดงออกชัดเจนแบบนี้ยิ่งทำให้มาลินีรู้สึกซาบซ่านจนแทบไม่อยากให้รถเมล์ถึงป้ายที่หมาย ก็ยังอีกหลายป้ายกว่าจะถึงนี่นะ ระยะทางช่างเป็นใจอะไรอย่างนี้
“รู้รึยัง...ว่าอะไรใหญ่”
ภาสกรพูดแล้วแกล้งมองไปทางอื่น แต่มือซุกซนก็ยังไม่อยู่นิ่ง มาลินีเกือบลืมหายใจพอพี่เขยซุกมือเข้าไปใต้ชายกระโปรงแล้วซุกมันลงไปในแพนตี้ของหล่อน
เด็กสาวสีหน้าเปลี่ยน หล่อนหันไปมองคนที่ยืนเบียดอยู่ข้าง ๆ ก็ยังไม่เห็นว่าใครจะมาจ้องมองหรือเห็นสิ่งผิดปกติระหว่างหล่อนกับพี่เขย เด็กสาวหันมองภาสกรที่เขาเองกำลังทำเหมือนหันหน้าไปทางอื่นแต่มือของเขานี่สิร้ายไม่ใช่เล่น
“อูย...”
เด็กสาวเผลอส่งเสียงครางออกมาเบา ๆ แต่เสียงเครื่องยนต์รถและคนที่อยู่ใกล้ ๆ กลบเสียงของหล่อนจนหมด มาลินีเสียวซ่านและนึกว่าภาสกรก็จะไวไฟขนาดนี้
“ซี๊ด...”
หล่อนไม่รู้จะทำยังไง เพราะนิ้วของภาสกรแทรกซอนเข้าไปในพงหญ้าที่ซ่อนอยู่ในแพนตี้ตัวน้อย แทรกเข้าไปจนถึงกลีบดอกไม้ และชายหนุ่มเองก็สัมผัสความชุ่มฉ่ำทะลักออกมาอาบไยไหมที่เขาสะกิดสะเกามันเบา ๆ
“ซี๊ด...อืม...อืม”
เด็กสาวซ่านเสียวไปหมด มือของพี่เขยยังยุกยิกอยู่ที่แก่นกลางลำตัวของหล่อน มาลินีแยกขาออกน้อย ๆ เปิดทางให้นิ้วของพี่เขยแทรกเข้าไปลึกจนถึงปุ่มเสียวที่แข็งเป็นไต
“อูย...ซี๊ดดดด”
มาลินีครางออกมาแต่ก็ไม่กลัวหรอกว่าใครจะได้ยินเพราะจังหวะนี้ทุกคนรอบกายกำลังให้ความสนใจกับจุดหมายที่กำลังจะไปถึง เด็กสาวเกิดอารมณ์อย่างช่วยไม่ได้ หล่อนนึกไปถึงมือที่ลูบไล้น้องสาวของหล่อนบนรถเมล์เมื่อวานนี้
หล่อนไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่ก็ทำให้ใจเด็กสาวหวิวสั่นไม่ใช่เล่น แต่ตอนนี้หล่อนรู้ว่าเป็นภาสกร พี่เขยสุดหล่อที่ไม่นึกว่าเขาอยากเล่นสนุกกับหล่อนด้วย เขาไม่ได้รุกแค่ใต้กระโปรงของมาลินีด้วยนิ้วแต่ยังเอาลำแข็ง ๆ ที่เด็กสาวรู้สึกว่ามันทั้งยาวทั้งใหญ่ถูไถที่ด้านหน้ากระโปรงของหล่อนด้วย
“ซี๊ดดดดด...อืม...อูย”
เด็กสาวเคลิ้ม ๆ เสียวสยิวไปตามแรงนิ้วของพี่เขย ภาสกรทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่คนที่กำลังจะสำลักความสุขรอมร่อคือน้องเมียที่ยอมให้เขาใช้นิ้วเขี่ยปุ่มเสียวเล่นท่ามกลางผู้คนที่แออัดยัดเยียดกันบนรถเมล์
“ถึงแล้วนะจ๊ะนี...นีลงป้ายหน้านี่ล่ะ”
เสียงบอกของภาสกรทำให้มาลินีตื่นจากความฝันโดยฉับพลัน แล้วนิ้วซุกซนของพี่เขยก็ถอนออกจากกลีบกุหลาบที่กำลังฉ่ำเยิ้มเต็มที่ มาลินีมองภาสกรด้วยแววตาบอกความเสียดายซึ่งไม่ต่างกันกับพี่เขยของหล่อน
ร่างอวบอัดของเด็กสาวค่อย ๆ แทรกตัวออกมาจากกลุ่มคนไปยังประตูรถเมล์ หล่อนลงที่ป้ายตามที่ภาสกรบอกก่อนที่รถเมล์คันนั้นจะแล่นออกไป เด็กสาวหันกลับไปมองร้านที่มาลีบอกกับหล่อนไว้ว่าให้หล่อนมาทำงานที่นี่เป็นพนักงานขาย หล่อนเดินเข้าไปแต่ในใจยังค้างคากับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่