ตอนที่ 9

1079 Words
ชาครินทร์หรี่นัยน์ตาสีสนิมเหล็กและหยัดมุมปากขึ้น “คุณคิดว่าน้องเอ๋ยเหมือนใครถ้าไม่ใช่ผม” “คนหน้าตาอย่างคุณมีถมเถไปค่ะ...คุณจากพวกเราไปนานถึงห้าปีแล้วจู่ ๆ จะมาบอกว่าคุณเป็นพ่อของน้องเอ๋ยมันจะไม่เป็นการแสดงตัวตนที่เร็วไปหน่อยเหรอคะ” “แต่มันก็เป็นเรื่องที่เหมาะเจาะนี่ไม่ใช่หรือ เมื่อวานนี้ผมไปเยี่ยมแม่คุณที่โรงพยาบาลและท่านก็ได้บอกทุกอย่างเกี่ยวกับคุณและลูกของเราหมดแล้ว” “คุณต้องการอะไรกันแน่!” อัยย์ญาดาผลักร่างสูงออกห่างและชาครินทร์ละมือจากบ่าเล็กทว่าถอยไปเพียงก้าวเดียวเท่านั้น หญิงสาวแสดงอาการหวาดหวั่น ตอนนี้แม้เพียงเสี้ยวนาทีเธอก็ไม่อาจไว้ใจต่อทุกอากัปกิริยาที่เขาแสดงออกมาได้เลย และมันเป็นจริงอย่างที่เธอคิด ร่างสูงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาก่อนเขาจะเอ่ยว่า “คุณก็ฉลาดเหมือนกันนี่ ...ไม่ดีใจหรอกหรือที่ผมยอมรับว่าเป็นพ่อของน้องเอ๋ย” “ไม่” หญิงสาวส่ายหน้าและปล่อยทำนบน้ำตาแตกเมื่อความอดกลั้นถึงที่สิ้นสุด “พี่โอม...พี่โอมต้องการอะไรจากอัยย์กันแน่ พี่โอมทำแบบนี้เพื่ออะไร อัยย์กำลังจะทนไม่ไหวแล้วนะคะ อัยย์ไม่รู้จะทำยังไง ทำไม...ทำไมพี่โอมต้องทำให้อัยย์สับสนขนาดนี้ด้วย” ร่างเล็กเข่าอ่อนจนหลังพิงผนัง อัยย์ญาดารู้สึกว่าตัวเองหมดแรงและการควบคุมสติสัมปชัญญะกำลังจะเป็นศูนย์ ร่างสูงใหญ่ตรงหน้าเหมือนกำแพงขวางกั้นและเธอปรารถนาก้าวข้ามมันไปหาหัวใจที่กำลังจะถูกพรากจากอก และภาพอันน่าสะเทือนใจของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่กำลังถึงทางตันแค่จุดความไหวหวั่นวาบลึกเข้าไปเพียงเศษเสี้ยวของความสงสารเท่านั้น เขาเกือบจะกลับไปเป็น ใครคนนั้น หากไม่บังคับให้ตัวเองเข้มแข็งเสียก่อน คราวนี้เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็นราวผาน้ำแข็ง “ผมต้องการลูก” “ลูก...” อัยย์ญาดาทวนคำนั้นทั้งหยาดน้ำร่นไหลจากดวงตา “พี่โอมต้องการลูก” “แค่ลูกเท่านั้น...แล้วให้เรื่องของเราจบกันโดยที่วันหนึ่งต่างคนต่างไป” “แต่น้องเอ๋ยเป็นลูกของอัยย์...เขาอยู่กับอัยย์มาตั้งแต่เกิด” “แต่คุณรับผิดชอบชีวิตของเขาไม่ได้ เพราะแม้แต่ชีวิตตัวเองคุณก็ยังพามันแทบไม่รอดถึงฝั่ง!” ชาครินทร์ดึงอัยย์ญาดากลับมาในอ้อมแขนอีกครั้งและรู้สึกถึงอาการอ่อนยวบของร่างเล็ก ใบหน้าคร้ามคมก้มลงไปเกือบชิดหน้าสวยจัดซีดเซียวทว่านัยน์ตางามกลับยังฉายประกายแข็งกล้า เขาหยัดมุมปากขึ้น “คุณรู้ดีว่าบ้านหลังนี้กำลังจะถูกยึดและนี่คือเหตุผลที่ผมต้องพาลูกไปอยู่ด้วย แต่ไม่ต้องกลัวหรอกนะ คุณยังมีเวลาอยู่กับน้องเอ๋ยได้อีกสักระยะ” “พี่โอมทำแบบนี้ไม่ได้...พี่โอมจะใจร้ายกับอัยย์แบบนี้ไม่ได้” “เป็นใครก็ต้องรับข้อเสนอที่ผัวอยากสนองให้...คุณยังทำหน้าที่เลขาและรับเงินที่ผมจะตอบแทนให้เวลาที่ผม...อยาก...เป็นทั้งค่าตัวและค่าชดใช้ พอหมดเวลาผมจะให้คุณไป...หาใครก็ได้มาทำหน้าที่ผัวของคุณ!” เผียะ!! ฝ่ามือบางตวัดลงบนใบหน้าเข้มทันทีที่สิ้นคำพูดแต่อัยย์ญาดากลับเป็นฝ่ายหน้าชาเสียเองเมื่ออีกฝ่ายไม่แสดงอาการสะทกสะท้านแม้แต่น้อย หญิงสาวร้องไห้ออกมาอีกคำรบด้วยความอัดอั้นและเก็บกดที่ไม่ว่าจะทำอะไรชาครินทร์ก็ไม่เคยแสดงออกว่าเขาเสียใจหรือเจ็บปวดตรงข้ามร่างสูงคว้าข้อมือเรียวไปกุมไว้แน่นและคำรามลึกในลำคอ “ผมถูกทำร้ายมามากแล้วอัยย์ แค่โดนตบเท่านี้มันจะเป็นไรไป แต่จำไว้ว่ามันจะไม่มีหนที่สอง!” “ปล่อย!...อัยย์จะไปหาลูก อัยย์จะพาลูกกลับมา น้องเอ๋ยเป็นสิทธิ์ของอัยย์ พี่โอมทำอะไรที่จะละเมิดสิทธิ์ตามกฎหมายไม่ได้หรอกนะคะ” “กฎมีไว้เป็นบรรทัดฐาน แต่จะเอามาตัดสินทุกอย่างไม่ได้หรอกอัยย์ ถึงลูกจะเป็นสิทธิ์ของแม่แต่ถ้าหากว่าผู้ปกครองเลี้ยงดูหรือส่งเสียไม่ได้แล้วคิดว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น” “อัยย์ทำงานได้ค่ะ อัยย์มีแรงที่จะหาเงินและดูแลลูก ส่วนพี่โอมไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิดแตะต้องลูกของอัยย์” “สิทธิ์ที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ตัวกฎหมาย...มันอยู่ที่ว่าแม่จะดูแลลูกได้ไหม ในเมื่อบ้านหลังนี้กำลังจะถูกยึด และที่สำคัญคุณยายของน้องเอ๋ยต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล มะเร็งระยะสุดท้ายต้องใช้เงินมากมายขนาดไหนในการรักษา หรือว่าอัยย์มีปัญญาที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายมากมายขนาดนั้นได้” “แม่...” เสียงแหบโหยลอดจากปากรระริก อัยย์ญาดานิ่งไปราวกับถูกตรึงด้วยหมุดเล่มใหญ่และเธอรู้ดีว่าที่ชาครินทน์พูดมาถูกทุกอย่าง เธอมีสิทธิ์ในตัวน้องเอ๋ยเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่นั่นกลับไม่ใช่ข้อตัดสินว่าจะดูแลลูกน้อยไปรอดถึงฝั่งได้ ในเมื่อตอนนี้เธอต้องแบกภาระมากมายสารพัด ทั้งค่าเทอมลูกที่กำลังจะเข้าโรงเรียน ค่ารักษาพยาบาลหนักหนาสาหัสของรมิตาที่กำลังต่อสู้กับโรคร้าย “อัยย์...” หญิงสาวไม่ทันอ้าปากพูดก็ได้ยินเสียงเรียกดังขึ้นหน้าบ้าน ชาครินทร์จำต้องผละจากร่างบอบบางที่ได้โอกาสวิ่งออกไปด้านนอก ร่างสูงระบายลมหายใจเบา ๆ หาก็ยังมีรอยยิ้มของผู้กำชัยชนะอย่างเด็ดขาด เพราะไม่ว่าจะอย่างไรอัยย์ญาดาก็อยู่ในกำมือเขาอยู่ดี ชายหนุ่มเดินตามออกมาที่ห้องรับแขกและทันได้เห็นหลังไว ๆ ของบุรุษไปรษณีย์ที่กลับออกไปหลังจากส่งเอกสารบางอย่างให้เจ้าของบ้าน เวลานั้นเขาเห็นอัยย์ญาดาเปิดซองและคลี่เอกสารออกอ่าน นัยน์ตางามเบิกกว้างขณะมือที่กำเอกสารฉบับนั้นสั่นเทา ชาครินทร์ก้าวเข้าไปและดึงเอกสารมาอ่าน นัยน์ตาเข้มเป็นประกายพร้อมด้วยรอยยิ้มของผู้มีชัยชนะอย่างแท้จริง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD