เสียงรถบรรทุกขนาดกลางบีบแตรสองสามครั้งเพื่อเป็นสัญญาณเตือนว่ากำลังจะเคลื่อนตัว หัวใจของเด็กหญิงและเด็กชายที่ต่างคน ต่างอยู่อีกฟากฝั่งถนนหัวใจแทบจะขาดออกจากกัน
มนัสยาในวัยห้าขวบน้ำตาเอ่อคลอ มองดูใบหน้าของภีมเด็กชายข้างบ้านที่รุ่นราวคราวเดียวกัน เพียงแต่แก่เดือนกว่าด้วยความอาลัย
“ทำไมต้องไปล่ะภีม ไหนบอกจะอยู่เป็นเพื่อนมัสไปตลอดไง ถ้าภีมไปแล้วมัสจะอยู่กับใคร” น้ำตาของเด็กหญิงไหลพราก ๆ เหมือนถูกพรากคนที่รักที่สุด หัวใจดวงน้อยรู้สึกเคว้งคว้างเอามาก ๆ ได้แต่กอดตุ๊กตาเด็กผู้ชายในอ้อมกอดเอาไว้แน่น
“ภีม... ฮือ... ภีมไปแล้ว มัสต้องถูกพวกพี่ ๆ แกล้งอีกแน่เลย แล้วใครจะช่วยมัส” อีกฝ่ายส่งยิ้มมาให้
“มัสต้องสู้ ๆ นะ ภีมจะอยู่ในใจของมัสเสมอ”
เด็กวัยห้าขวบที่ช่างคิดหาคำพูดอย่างกับผู้ใหญ่ ใบหน้าของเด็กชายซึ่งยังมีร่องรอยเขียวช้ำเพราะถูกพ่อขี้เมาทุบตีเป็นประจำ
ภีมทำได้เพียงเกาะประตูรถบรรทุก และพยายามโผล่หน้าออกมา ในขณะที่พยายามไขกระจกลดลงเพื่อให้สามารถพูดคุยกับมนัสยาได้สะดวก
“มัสไม่ต้องร้องไห้นะ อย่าร้องไห้นะ ถ้ามีใครรังแกมัส จำเอาไว้ แล้วภีมจะกลับมาคิดบัญชีกับพวกมัน ภีมจะกลับมาต่อยพวกมันให้เละเลย มัสจะต้องอดทนนะ เป็นเด็กเข้มแข็ง และเป็นเด็กดี ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องออกจากบ้านนะ รอภีมที่บ้าน ภีมสัญญากับมัส ภีมจะกลับมา ภีมจะกลับมาหามัสแน่ ภีมสัญญาจริง ๆ นะ ภีมจะกลับมาหามัส”
มือน้อย ๆ ก็ยกขึ้นโบกบ๊ายบาย หัวใจก็ว้าเหว่ขึ้นมากะทันหัน จากเป็นในวันนี้ มันช่างรวดร้าว มนัสยาเป็นคนเดียวที่ยอมเล่นด้วยกับเขา และอยู่ด้วยกันทุกวัน เธอมีน้ำใจ แบ่งปัน เป็นยาใจน้อย ๆ ที่ทำให้ภีมยิ้มได้
“ไม่เอานะ ไม่เอา... ฮือ... ใครก็ได้ เปิดประตูรถให้ภีมลงมา ฮือ... ภีมไปแล้ว จะกลับมาตอนไหน ภีมจะไปอยู่ไหน มัสจะไปหาได้อย่างไร ไม่เอามัสไม่ให้ภีมไป ภีมลงมาเถอะ กลับลงมานะภีม ฮือ... เดี๋ยวมัสจะไปบอกพ่อให้ภีมมาอยู่กับมัส” ริมฝีปากน้อย ๆ อ้าพะงาบ ๆ
เด็กหญิงพูดจาออกมาจากหัวใจ นัยน์ตาท่วมไปด้วยหยาดน้ำตา มนัสยาวิ่งสะอื้นไห้ตามรถบรรทุกที่กำลังเคลื่อนตัวออกไปช้า ๆ เสียงของเด็กหญิงดังปานจะขาดใจ ปะปนไปกับคำอวยพรให้แม่ลูกที่เพิ่งพ้นจากนรกย้ายไปอยู่ที่อื่นได้
ภีมยื่นหน้าออกมาจากกระจก โดยมีแม่จับตัวเอาไว้ เขาร้องไห้น้ำตาไหล มือน้อย ๆ ของภีมยังโบกสะบัด
“รักมัสนะ” คำรักจากหัวใจลั่นดัง
“ฮือ... ภีมโชคดีนะ ภีมกลับมาหามัสนะ”
“พี่ยา... ภีมส่งข่าวมาหากันบ้างนะลูก” จุรีคุณแม่ของเด็กหญิงมนัสยาตะโกนตามหลัง
ศรยาเองก็น้ำตาไหล ตลอดเวลาที่อยู่ข้าง ๆ บ้านกัน มีครอบครัวนี้แหละที่ยื่นมือเข้ามาช่วยทุกอย่าง แม้ตอนที่ถูกผัวเตะจนสลบ ก็ได้จุรีมาช่วยและพาไปหาหมอ
ศรยาชะโงกหน้ามาบอก และตะเบ็งเสียงกลับมาพร้อมน้ำตาอาบหน้า
“ขอบคุณมากนะรี พี่จะไม่ลืมน้ำใจของเธอเลย พี่กับตาภีมจะกลับมาแน่นอนจ้ะ หนูมัสคอยพวกเรานะ สัญญาสิ สัญญากับน้าสิว่าจะรอ” ยิ้มที่เป็นรอยยิ้มจริงใจที่สุด
“ค่ะ หนูจะรอนะคะน้ายา น้ายากับภีมรีบกลับมานะคะ รีบกลับมานะ ภีมรีบกลับมาหามัสนะ” มือหนึ่งกอดตุ๊กตาที่เป็นตัวแทนของภีม อีกมือยกขึ้นมาโบกลา เสียงตะโกนนั้นเต็มไปด้วยความเดียวดาย ฟังแล้วหดหู่แม้จะมีคำสัญญาประหนึ่งสลักแห่งความหวังเจืออยู่ แต่มันก็ช่างริบหรี่เต็มที่
ศรยาหย่าขาดจากสามีเพราะถูกทำร้ายร่างกายมาตลอดหลายปี กระทั่งลูกชายก็ยังถูกหางเลขไปด้วย ชาวบ้านในละแวกไม่สามารถทนพฤติกรรมเลวร้ายได้ จึงแจ้งสถานสงเคราะห์ครอบครัวเข้าช่วยเหลือ กระทั่งที่สุดศรยาสามารถหย่าร้างกับศิริศักดิ์สามีได้สำเร็จ
ชะตาที่ไม่อาจล่วงรู้แม้สองแม่ลูกพ้นจากนรกได้ แต่กลับต้องเร่ร่อนเพราะไม่ทราบจะไปอยู่ ณ หนแห่งใด เธอได้เงินช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านที่ลงขันกัน และเงินจำนวนหนึ่งที่ทางกรมที่เข้ามาช่วยเหลือให้ แม้จะไม่เยอะ แต่ก็พอจะพาตัวเองและลูกไปตั้งตัวได้
การตัดสินใจครั้งนี้ ภีมก็เห็นด้วย เพราะเขาไม่อาจทนให้แม่ต้องถูกพ่อทำร้ายต่อไปอีกได้
รถบรรทุกคันนั้นวิ่งออกไปกระทั่งหายลับไปจากสายตาของมนัสยา รถคันนั้นวิ่งไปบนท้องถนนที่ทอดยาว