มนัสยายืนมองส่งด้วยความเสียใจ คาดหวังว่าเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตสักวันคงจะหวนกลับมา แม่จับตัวลูกสาว
“เข้าบ้านได้แล้ว หนูควรจะดีใจนะที่ป้ายากับภีมจะไม่ถูกลุงศักดิ์ทำร้ายอีก เราทำได้แค่ยืนส่งและอวยพรให้กับพวกเขา” จุรีเช็ดน้ำตาตัวเองและก็ก้มลงมาเช็ดน้ำตาให้ลูกสาวด้วย
“นี่ไง... ตุ๊กตาตัวนี้เหมือนภีมมากนะลูก แถมยังมีอีกตัวที่เหมือนหนูอยู่กับภีม หากทั้งสองคนคิดถึงกัน ก็แค่กอดตุ๊กตา และมองหน้าตุ๊กตา ใช่ไหม”
“แม่จ๊ะ มันเหมือนกันเสียที่ไหนล่ะ” ช่างเถียงช่างพูด
“เหมือนสิ ความคิดถึงเป็นสิ่งที่จะหล่อเลี้ยงใจของเรา ภีมจะไม่ไปไหนหรอก จะอยู่ในดวงใจของหนู”
“แม่จ๋า”
“ฮึ...” แม่เลิกคิ้ว
“ทำไมมัสเจ็บตรงนี้ เหมือนมีใครเอามือมาบีบเลย” เด็กหญิงชี้ไปที่หน้าออกข้างซ้ายที่มีก้อนเนื้อเท่ากำปั้นอยู่ภายในนั้น คนเป็นแม่ถึงกับหัวเราะออกมา
“อาการของคนตกหลุมรักเลยนะเนี่ย”
“มันเป็นยังไงคะ” สาวน้อยเริ่มสงสัย อะไรคือตกหลุมรัก
“ไว้โต หนูจะเข้าใจเอง แม่เคยเป็นตอนที่เจอพ่อของมัส”
แม่เริ่มเล่า เรื่องที่ตัวเองเจอกับมนูญ เมื่อครั้งเรียนหนังสือด้วยกัน พอมองสบตากันตอนที่เดินผ่านกัน สองสายตาประสบกัน มันเหมือนมีไฟสปาร์ก จากนั้นหัวใจของจุรีก็เต้นไม่เป็นปรกติอีกเลย
“ยังไง” เด็กหญิงทิ้งความเสียใจ แม้จะเศร้ามาก ๆ แต่พอได้ยินเรื่องที่แม่พูดก็สนใจ
“พ่อหล่อมาก” มนัสยาจับมือแม่
“แม่ต้องเล่าต่อนะ”
“ฮ่า... ได้สิ ๆ เล่าไป ดูทีวีไปด้วย เดี๋ยวละครภาคบ่ายจะมาแล้ว พระเอกคนนี้หล่อ ๆ”
“อ้าว ไหนแม่ว่าพ่อหล่อที่สุดไงคะ”
แม่ชี้ไปที่พ่อตอนนี้ ยืนฉีดน้ำรดต้นไม้อยู่ แดดฟากฝั่งนี้เริ่มร่ม มนูญยืนพุงพลุ้ย น้ำหนักขึ้นมาจากเดิมกว่ายี่สิบกิโลกรัม
“ทำไมล่ะคะแม่”
“เฮ้อ...” แม่ถอนใจ และใช้มือหยิบรีโมตขึ้นมาเปิดทีวี
“บอกให้หยุดกินก็ไม่เชื่อ กินข้าวทีสองสามจาน” ใบหน้าของแม่ระอาใจ
“ก็แม่ทำกับข้าวอร่อยเองนี่คะ” มนัสยาหัวเราะออกมา
“เออน่าจะจริง ต่อไปแม่จะทำให้อร่อยน้อยลงดีกว่า พ่อจะได้ผอม” สาวน้อยได้แต่หัวเราะดังขึ้นกว่าเดิม สองตามองไปที่ทีวี พร้อมกับกระชับกอดตุ๊กตาที่เปรียบเป็นเสมือนตัวแทนของภีม
ในรถ ภีมก็กอดรัดตุ๊กตาที่หน้าเหมือนมนัสยาเอาไว้แน่น นี่คือกำลังใจของเด็กตัวน้อย ๆ ที่คิดว่า เขาจะดูแลแม่ได้ไหม แม้จะอายุยังน้อย แต่ก็เข้าใจแม่ที่สุด
แม่พร่ำพูดว่า “เราเหลือกันสองคนแล้ว เราจะดูแลกันและกัน” ภีมใช้มือน้อย ๆ จับมือของแม่แล้วบีบ
“ต่อไปภีมจะปกป้องและดูแลแม่เองครับ”
ทั้งสองคนกอดกันร้องไห้ แม้จะไม่มีใครบนโลกใบนี้รักทั้งคู่ แต่ทั้งสองคนก็สัญญาว่าจะรักและดูแลกันให้ถึงที่สุด แม้วันข้างหน้าโลกจะโหดร้าย หรือว่าดีกว่าที่เคยผ่านมาก็ตาม
แต่ก็โชคดีแล้วที่ทั้งสองคนหลุดพ้นจากขุมนรกจากคนที่รักที่สุด และได้เลือกเขาให้มาเป็นผู้นำ แต่นิสัยการใช้ความรุนแรงในครอบครัว ก็ไม่อาจจะทำใจให้รักและอยู่ด้วยกันได้อีก
คำพูดที่แม่ชอบพูดกับภีม “เราสองแม่ลูกจะไปตายเอาดาบหน้า” แม้ภีมจะไม่เข้าใจความหมายนัก แต่เขาก็พยักหน้ารับ ขอแค่มีแม่อยู่ข้าง ๆ ตัวเขาเท่านั้น
ในผับหกเก้าอินเตอร์ บนหน้าจอแอลอีดีขนาดกว้างเกือบหกสิบนิ้ว เสนอข่าวการประสบอุบัติเหตุเมื่อสองอาทิตย์ก่อนบนถนนต่างระดับทางเข้าเขตเมือง เสียงผู้ประกาศข่าวฟังอู้อี้ไม่ได้ศัพท์ หรือเพราะว่าหูของคนเมาที่นั่งกอดขวดเหล้าอยู่ในสภาพที่หมดสภาพอย่างหนัก
มนัสยาในวัยยี่สิบสี่กำลังทุกข์ใจแสนสาหัส คนที่จะแต่งงานกัน เริ่มจัดเตรียมทุกอย่าง แต่ก็มาบอกกับเธอว่าทำผู้หญิงอีกคนท้อง
ทำให้เธอต้องแบกความอับอายความสัมพันธ์กับผู้ชายใจโลเล แถมยังนอกใจนอกกายเธออีก ธาราบอกเลิกกับเธอ เขาจะไปแต่งงานกับภรดี เพื่อรับผิดชอบลูกในท้องของเธอ
อีกสิ่งหนึ่งที่เธอเข้าใจอย่างถ่องแท้ เมื่อรู้ว่าผู้หญิงที่ชื่อภรดีเป็นถึงลูกสาวเจ้าของบริษัทใหญ่โตด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่ธาราเพิ่งได้เข้าไปทำงานด้วย
มนัสยาค่อย ๆ ฉีกการ์ดงานแต่งตัวเองที่พิมพ์ล่วงหน้าเอาไว้ถึงสี่เดือนแบบอันต่ออัน หญิงสาวเอาติดกระเป๋ามาเพราะจะเอาไปแจกเพื่อน ๆ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นอาวุธที่ทำร้ายหัวใจของเธอให้แหลกลาญ
หญิงสาวฉีกกระดาษ แล้วปล่อยกระดาษพวกนั้นให้ร่วงเกลื่อนพื้น ปากก็สบถด่าถ้อยคำร้าย ๆ และหยาบคาย การถูกทิ้งทำให้เธอเสียเซลฟ์ คำไหนไม่เคยพูด คำด่าแทบไม่มี มันก็หลุดปากออกมา
“ไอ้คนชั่ว ให้คนสารเลว ทำกันแบบนี้ได้ยังไง”
น้ำตานองหน้า ที่มนัสยาเจ็บปวดเพราะคำว่าหักหลังนี่แหละ ดวงตาของเธอเลื่อนลอยทั้งด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ อีกทั้งไม่อาจทนรับความเจ็บปวดที่กัดกร่อนหัวใจอย่างรวดร้าวได้ไหว
ปลายฟ้าเพื่อนที่มาด้วยของเธอหายวับไปกับหนุ่มคนไหนสักคน ที่ปลายฟ้าพามนัสยามาเพื่อให้เห็นว่า ผู้ชายมีมากกว่าฝูงลิงที่ลพบุรีเสียอีก
ที่นี่มีแต่พนักงานชายหล่อ ๆ และทำอาชีพเสริมเป็นโฮสต์รับจ้าง ที่สาวโสด และไม่โสดรู้กันดีว่า อดอยากปากแห้ง หรือต้องการคนเอาอกเอาใจ หรือจะเอาอย่างอื่นด้วย ก็ต้องมาที่นี่ แล้วเลือกชี้เอาเลย ความสนุกที่ซื้อหาได้ด้วยเงิน
มนัสยาหันไปมองรอบ ๆ แขกในผับนี้เริ่มทยอยหายออกไปกันเกือบจะหมดแล้ว
“ยายฟ้าหายไปไหนอีกล่ะเนี่ย ยายคนนี้ทิ้งฉันอีกแล้วหรือ อีบ้ามาทิ้งกันได้ลงคออีกแล้วนะ เห็นตัวผู้ไม่ได้จริง ๆ สงสัยจะไปหาหิ้วเด็ก เฮ้อ...”
มนัสยาพ่นลมหายใจอย่างอ่อนใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกตั้งแต่คบหากัน ปลายฟ้าไม่ยอมมีแฟนเป็นตัวเป็นตน เพราะมองว่าเป็นตัวถ่วงและภาระ รักสนุกแต่ไม่ผูกพันคือสโลแกนของปลายฟ้า มนัสยายังคงมองหาเพื่อน แต่ก็ไร้วี่แวว
ปลายฟ้ามักว่าให้กับมนัสยาอยู่เสมอว่า “หล่อนน่ะมีของดีไม่รู้จักใช้ และต้องซ้อมให้ถนัดถนี่ สมัยนี้ผู้ชายเขาไม่ถือในเรื่องความบริสุทธิ์กันแล้ว แกจะเก็บเอาไว้ตอนเข้าหอเลยหรืออย่างไร เชื่อสิ ถึงเวลานั้นจริง ๆ ผู้ชายมันไม่มานั่งถามหรอกว่า แกนะเคยผ่านอะไร ๆ ที่เป็นท่อน ๆ มาหรือยัง ยิ่งถ้าแกมีประสบการณ์อะนะ ผู้ชายยิ่งชอบ”