เมื่อรู้สึกตัวในเช้าวันใหม่ฉันก็เจ็บแปลบ ๆ ที่ช่วงล่าง ปวดเมื่อยไปทั้งเนื้อทั้งตัวราวกับไปวิ่งในสนามรบกู้ชาติช่วยพี่น้องชาวบางระจันมาซะอย่างนั้น ภาพความฝันเมื่อคืนยังคงตามหลอกหลอนไม่เลิก ฉันฝันว่ามีอะไรกับนายฟีฟ่าหน้าหล่อ มันคือฝันร้ายที่สุดตั้งแต่เกิดมาเลยค่ะ โชคดีเป็นเพียงแค่ฝันไม่งั้นฉันคงจะกลายเป็นผู้หญิงที่โชคร้ายที่สุดในโลกเพราะเสียตัวให้กับผู้ชายพรรค์นั้น
“อื้อ...จะลุกไปไหนครับน้องจอย”
หืออออ!!!
ฉันเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เสียงทุ้มดังอยู่ใกล้หูมากจนหัวใจเต้นระส่ำ เพราะคำว่าน้องจอยยังคงดังก้องจากฝันเมื่อคืนนี้ ยังตามมาหลอกมาหลอนถึงในตอนเช้าอีกงั้นเหรอนี่
ไม่จริงใช่ไหม...มันเป็นไปไม่ได้!
“กรี๊ดดดด!!!”
เมื่อหันไปมองข้าง ๆ ก็เจอกับภาพอุจาดลูกตา นายฟีฟ่านอนเปลือยกายล่อนจ้อนแถมน้องชายยังตั้งโด่จนเป็นภาพติดตาฉันไปแล้ว หันมามองตัวเองก็พบว่าอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน จึงรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างไว้แล้วเอามือปิดหน้าด้วยความตื่นตกใจ ส่งเสียงกรีดร้องดังปานจะมีใครมาฆ่าซะอย่างนั้น
“เกิดอะไรขึ้น! อ้าว! ยัยตัวแสบทำไมเป็นเธอเนี่ย”
“นายนั่นล่ะเข้ามาได้ยังไง นี่มันห้องที่ยัยน้ำเปิดไว้ให้ฉันนะ” ฉันหันขวับไปมองหน้าเขาอยากจะฆ่าให้ตายเสียตรงนี้ จากนั้นพยายามยกขาถีบให้อีกฝ่ายลงจากเตียงไป
“นี่มันห้องฉัน! ไอ้ต๋องมันจ้องไว้ให้เว้ย เธอนั่นล่ะเข้าห้องมาผิดแล้ว แล้วจะมาถีบฉันทำบ้าอะไรเธอนั่นล่ะเป็นคนผิด” เขาบ่นแต่ก็ยอมลงไปจากเตียงโดยดี ใช้มือทั้งสองข้างปิดที่กลางกายไว้แต่กลับไม่สามารถปกปิดไว้ได้หมด แถมยังหน้าด้านยืนมองฉันอยู่อย่างนั้นไม่ยอมรีบไปใส่เสื้อผ้า
“ไม่จริง! ยัยน้ำมาส่งฉันที่ห้องนี้ก่อนหน้านายจะมาด้วยซ้ำ แล้วจะมายืนแก้ผ้าโชว์ฉันทำไมเนี่ย หน้าด้านซะเหลือเกิน”
เขาทำหน้าเหลอหลาราวกับกำลังเขินอายเมื่อโดนว่าให้อย่างนั้น จากนั้นรีบก้มลงหยิบกางเกงบ็อกเซอร์ขึ้นมาสวมใส่
“นี่ไงกุญแจที่ไอ้ต๋องให้ฉันมา ไม่งั้นฉันจะเข้าห้องนี้ได้ยังไงกัน” เขาชูกุญแจห้องให้ดูเป็นหลักฐาน
นั่นสิ! ถ้าไม่มีกุญแจมันก็เข้าไม่ได้หรือว่าพี่ต๋องให้กุญแจมาผิดอัน
“แล้วไง! นายมีสิทธิ์มาปู้ยี่ปู้ยำฉันอย่างนี้เหรอไอ้บ้า นายมันสารเลว ไอ้คนระยำ” ฉันหยิบหมอนที่วางอยู่บนเตียงปาไปที่เขาด้วยความโมโหขั้นสุด
“ก็คนมันเมาจะให้ทำยังไงล่ะ” ดูจากสีหน้าเขาก็เหมือนคิดหนักอยู่ไม่น้อย
“ไม่ต้องทำยังไงหรอก แค่ไปตายก็พอแล้ว คนอย่างนายมันสมควรตายไม่ควรอยู่บนโลกใบนี้ให้เป็นเสนียดจัญไร ไปตายให้นอนแดกซะ” ฉันตะโกนใส่หน้าเสียงดังด้วยความโมโห ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครหยามฉันอย่างนี้มาก่อน รักษาความบริสุทธิ์มาทั้งชีวิต กลับต้องมาเสียให้กับไอ้บ้าคนนี้น่ะเหรอ เวรกรรมจริง ๆ เลย เฮ้อ!!!
“ยัยบ้าเอ๊ย! ไม่มีเหตุผลเอาซะเลยแค่เสียตัวทำท่าจะเป็นจะตาย ผู้หญิงคนอื่นไม่เห็นเขาโวยวายเหมือนเธอเลย ทำอย่างกับไม่เคยซะอย่างนั้นล่ะ หยวน ๆ น่าเราเองก็มีความสุขกันทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ” ตอนแรกสีหน้าก็ดูสำนึกผิดอยู่หรอก แต่ตอนนี้ทำหน้าระรื่นจนฉันเริ่มหมั่นไส้ขึ้นมาอีกแล้ว
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ข้าวมึงเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมโหวกเหวกโวยวายเสียงดังอย่างนี้”
ได้ยินเสียงเพื่อนฉันก็หันขวับไปมองด้วยความตื่นตกใจ ไม่นะ! ต้องไม่มีใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด แค่นี้ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว
“นายรีบใส่เสื้อผ้าเลย ไม่งั้นฉันจะฆ่าให้ตายซะเดี๋ยวนี้ล่ะ”
“ไม่ใส่จะทำไม” เขาทำหน้ากวนแล้วเดินขึ้นมานอนบนเตียงหน้าตาเฉย
“ไอ้บ้าเอ๊ย! ถ้านายไม่ไปฉันไปเองก็ได้ ถ้ามีใครรู้ว่าเสียท่าให้นายฉันคงอกแตกตายแน่” ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ฉันจึงเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่วางเกลื่อนบนพื้น ทั้งที่ยังมีผ้าห่มผืนหนาคลุมร่างอยู่
สวบ!!
“ว้ายยย!! ทำบ้าอะไรเนี่ยเดี๋ยวเพื่อนฉันก็เข้ามาเห็นหรอก” กำลังจะเอื้อมมือลงไปเก็บ แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับสวมกอดจากด้านหลังแล้วดึงขึ้นไปบนเตียงอีกครั้ง
“เห็นก็ดีสิเธอจะได้อกแตกตายสมใจอยากไงล่ะ ฮ่าๆ ๆ ปากเก่งนักนี่วันนี้ฉันจะทำให้เธอรู้สำนึกซะบ้าง ยังไงฉันก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่นา” เขาปลุกปล้ำฉันให้นอนลงบนเตียงกับเขาอีกครั้ง พยายามดึงผ้าห่มออกเพื่อให้ตัวเองทำหน้าที่นั้นแทน
“ปล่อยฉันนะไอ้บ้า ไอ้คนลามก” ขณะเราทั้งสองกำลังยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่นั้น ประตูห้องก็ถูกเปิดออกมา พร้อมกับคู่บ่าวสาวมือใหม่ที่เดินเข้ามาพร้อมกัน
แอ๊ดดดด!!!
“อีข้าว! พะ...พี่ฟีฟ่า”
ยัยน้ำยืนอ้าปากค้างเมื่อเห็นเราทั้งคู่กำลังซุกตัวอยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกันบนเตียง ส่วนพี่ต๋องก็มีสีหน้าไม่ต่างกันเลยสักนิด
“ไอ้ฟ่าทำไมมึงเข้ามานอนห้องนี้ได้วะ ห้องที่กูเปิดไว้ให้อยู่ข้าง ๆ ไม่ใช่เหรอ” พี่ต๋องตะโกนถามเพื่อนเสียงดัง
“ก็มึงไม่ใช่เหรอที่เอากุญแจห้องนี้มาให้กู”