ศศิกานต์เงยหน้าขึ้นมองชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำอย่างแปลกใจ ชายห้าคนนี้ไม่ใช่กลุ่มที่ตามเธอมา หรือจะเป็นอีกตระกูลที่มีความขัดแย้งกับตระกูลหวัง หญิงสาวหันไปมองสองบอดีการ์ดหนุ่มอย่างต้องการคำตอบ
“ศัตรูอีกแล้วใช่มั้ยคุณเหวินถัง คุณหย่งเสียน”
สองบอดีการ์ดหนุ่มพูดไม่ออก เพราะมีชายห้าคนที่หยุดอยู่หน้าโต๊ะไม่ใช่ศัตรูอย่างที่เจ้านายสาวถาม แต่ผู้ชายห้าคนนี้เป็นลูกน้องของคุณหนูเหม่ยชิง เขาสองคนก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่าเหตุใดลูกน้องของคุณหนูเหม่ยชิงถึงโผล่มาอยู่ที่นี่
“พวกคุณมีธุระอะไรกับฉันหรือคะ”
ศศิกานต์ถาม สายตามองห้าหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ เห็นสีหน้าลำบากใจของหย่งเสียนกับเหวินถังก็บอกได้เป็นอย่างดีว่าผู้ชายห้าคนนี้ไม่ใช่ศัตรูของบิดากับพี่ชายต่างมารดา แต่อาจจะเป็นคนในตระกูลหวังก็ได้
คงไม่ได้มาดีแน่นอน เธอไม่ต้องเดาให้ยุ่งยากก็พอรู้ว่าพวกเขาเป็นลูกน้องของใคร
“ไม่ต้องตอบหรอก ฉันรู้ว่าพวกคุณมาทำไม”
“คุณรู้เหรอว่าพวกผมมาทำไม”
หนึ่งในห้าชายชุดดำถาม มองหญิงสาวที่คุณหนูเหม่ยชิงสั่งให้พวกเขามากำจัดด้วยความประหลาดใจ เพราะสาวสวยคนนี้เป็นทายาทคนเล็กของนายใหญ่มิใช่หรือ แล้วก็เป็นน้องสาวต่างมารดาของคุณหนูเหม่ยชิงด้วย แต่เมื่อได้รับคำสั่งมาแล้วพวกเขาก็ต้องทำตามอย่างเคร่งครัด
“พวกคุณถูกส่งมาให้ฆ่าฉันใช่มั้ย ฉันมองตาพวกคุณก็รู้แล้ว คิดดีแล้วเหรอที่จะฆ่าฉันน่ะ คิดว่ามากันห้าคนแล้วจะฆ่าฉันได้หรือไงคุณเทียนเหว่ย”
ชื่อที่หลุดจากปากของคุณหนูเหม่ยเยวี่ยสร้างความตื่นตระหนกให้กับเจ้าของชื่อไม่น้อย ชายหนุ่มแทรกกายออกมาจากด้านหลัง มายืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะ
สายตาก้มมองน้องสาวของเจ้านายสาวอย่างประหลาดใจ สาวน้อยคนนี้รู้ได้อย่างไรว่าพี่สาวต่างมารดาส่งพวกเขามากำจัดหล่อน
หย่งเสียนกับเหวินถังเองก็ตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่เจ้านายสาวเอ่ยออกมา สองหนุ่มลุกขึ้นเดินไปยืนขนาบข้างผู้เป็นนายอย่างระวังภัยให้ สายตามองไปยังลูกน้องของคุณหนูเหม่ยชิงอย่างไม่พอใจ
‘นี่คิดจะฆ่าแม้กระทั่งน้องสาวของตนเองเชียวหรือ เห็นทีพวกเขาต้องรายงานกับนายใหญ่แล้ว ขืนปล่อยเอาไว้คุณหนูเหม่ยเยวี่ยจะยิ่งไม่ปลอดภัย’
“พวกคุณอย่าลืมสิว่าปีเตอร์ หวัง เป็นเจ้าพ่อมาเฟียใหญ่ของเกาะฮ่องกง ศัตรูก็มีรอบด้าน ฉันซึ่งเป็นบุตรสาวคนเล็กของท่านก็ต้องตกเป็นเป้าหมายในการกำจัดหรือถูกศัตรูของปีเตอร์ หวัง จ้องจับไปเป็นข้อต่อรองเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ลูกน้องของคุณพ่อ พี่แดนเนียล เหม่ยชิง ฉันก็รู้จักทุกคน”
เทียนเหว่ยมองหน้าบุตรสาวคนเล็กของเจ้านายใหญ่อย่างตะลึง ไม่คิดว่าหญิงสาวจะสามารถจดจำลูกน้องทั้งหมดของนายใหญ่ คุณแดนเนียล และเจ้านายสาวได้ ตอนนี้เขาไม่แปลกใจแล้วว่าเพราะเหตุใดเจ้านายสาวถึงหวาดระแวงและเกรงกลัวคุณหนูเหม่ยเยวี่ยผู้นี้นัก เพราะสีหน้าเรียบเฉย แววตาที่เยียบเย็นนี่ไง ถึงเป็นที่มาของการกำจัดคุณหนูผู้นี้
‘ช่างเหมือนเหลือเกิน เหมือนนายใหญ่ตอนหนุ่มๆ จริงๆ’
“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าคุณหนูเหม่ยชิงจะคิดฆ่าแม้กระทั่งน้องสาวตัวเอง อ้อ...จะพูดว่าน้องสาวตัวเองก็ไม่ได้ ต้องพูดว่าน้องสาวคนละแม่ถึงจะถูก พวกคุณเตรียมตัวตายกันมาแล้วใช่มั้ย ที่คิดจะมาฆ่าฉันในวันนี้”
ศศิกานต์ถามอย่างไม่สะทกสะท้าน ลุกขึ้นยืนมองผู้ชายห้าคนที่พี่สาวต่างมารดาส่งมาฆ่าตน คงเป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญน่าดูที่คนในตระกูลหวังฆ่ากันเพราะเรื่องสมบัติ
“คุณไม่กลัวเลยหรือครับที่ผมจะฆ่าคุณในวันนี้”
เทียนเหว่ยถามน้องสาวต่างมารดาของเจ้านายสาว สายตามองลึกลงไปในดวงตาคู่สวยอย่างค้นคว้า เขาก็ไม่พบความหวาดกลัวในดวงตาคู่สวยนี้เลย ชักสงสัยแล้วสิว่าจะมีสิ่งใดบ้างที่ทำให้ทายาทคนเล็กของนายใหญ่หวาดกลัวได้
“ฉันถือคติอย่างหนึ่งคุณรู้มั้ย ‘ตาต่อตา ฟันต่อฟัน’ ถ้าคิดจะฆ่าฉันก็ฆ่าให้ตายเลยทีเดียว เพราะถ้าฉันไม่ตาย รับรองได้เลยว่าฉันจะฆ่าล้างโคตร คนที่คิดฆ่าฉันทันทีเช่นกัน ส่วนพวกคุณคิดดีแล้วหรือที่จะฆ่าฉัน มากันตั้งห้าคนเพื่อมาฆ่าผู้หญิงคนเดียว ช่างเป็นสุภาพบุรุษเหลือเกิน”
คำพูดและสีหน้าของศศิกานต์สร้างความตื่นตระหนกให้เทียนเหว่ยกับลูกน้องไม่น้อย ไม่ต้องนับไปถึงเฟยหลงกับลูกน้องที่นั่งอยู่ไม่ไกลนัก
พวกเขาได้ยินทุกคำพูดของทายาทคนเล็กของปีเตอร์ หวัง ชัดเจนเต็มสองหู เห็นแววตาโหดเหี้ยมและอำมหิตไม่ต่างจากปีเตอร์ หวัง ผู้เป็นบิดาแม้แต่นิดเดียว
“เหวินถัง หย่งเสียน บอกให้คนในร้านออกไปให้หมด เพราะถ้าถูกลูกหลงขึ้นมาจะลำบาก แล้วบอกเจ้าของร้านด้วยว่าฉันจะจ่ายค่าเสียหายทั้งหมดให้เองไม่ต้องห่วง”
“คุณหนูครับ ผมว่าเรากลับกันเถอะครับ”
หย่งเสียนกระซิบบอกเจ้านายสาว เขาไม่อยากให้เกิดศึกนองเลือดในร้านอาหารแห่งนี้นัก นั่นเพราะห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เป็นธุรกิจอีกอย่างหนึ่งของตระกูลหวังที่มีคุณหนูเหม่ยชิงเป็นคนดูแลบริหารอยู่
“แค่สั่งให้ลูกค้าออกไปจากร้านเท่านั้นก็พอครับคุณหนู เพราะร้านอาหารแห่งนี้เป็นของคุณหนูเหม่ยชิง ส่วนห้างสรรพสินค้าก็เป็นของตระกูลหวังเหมือนกัน”
“อ้าวเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็พังมันให้ราบเป็นหน้ากลองไปเลยก็แล้วกัน”
ศศิกานต์พูดจบก็ชักปืนที่ซ่อนเอาไว้ตรงขาอ่อนขึ้นมาจ่อขมับของเทียนเหว่ยอย่างรวดเร็ว ชนิดที่ว่าคนถูกปืนจ่อยังหลบไม่ทัน ด้วยไม่คิดว่าน้องสาวต่างมารดาของเจ้านายสาวจะว่องไวถึงเพียงนี้
“คุณหนูเหม่ยเยวี่ย!! /คุณหนูเหม่ยเยวี่ย!!”
เหวินถังกับหย่งเสียนร้องเสียงหลง ไม่คิดว่าเจ้านายสาวจะพกปืนติดตัวมาด้วย นี่มันสุดยอดเกินไปแล้ว จากที่คิดว่าคุณหนูเหม่ยเยวี่ยเรียบร้อยอ่อนหวาน ตอนนี้พวกเขาขอเถียงเลยว่าผิดทั้งหมด
คุณหนูเหม่ยเยวี่ยที่เขาเห็นตอนนี้ไม่ได้เรียบร้อยอ่อนหวานเลยสักนิด แต่กลับดูเหี้ยมและโหดจนน่าหวาดหวั่น หากคุณหนูเหม่ยชิงกับเจ้านายหนุ่มมาเห็นภาพนี้ คงไม่กล้าคิดร้ายต่อคุณหนูหน้าหวานนามเหม่ยเยวี่ยเป็นแน่
////////////////////////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...