เหวินถังก้าวเท้าไปหาอาตงแต่ถูกหย่งเสียนจับมือเอาไว้เสียก่อน พร้อมกับส่ายหน้าไปมาว่าอย่าเข้าไปยุ่งในการต่อสู้ครั้งนี้เด็ดขาด
คนที่คิดมาฆ่าคุณหนูเหม่ยเยวี่ยยังยืนนิ่ง ทางที่ดีเขากับเหวินถังควรระวังเทียนเหว่ยดีกว่าไปช่วยเหลือคุณหนูเหม่ยเยวี่ยจากอาตง เพราะเขารู้ดีว่าอาตงไม่มีทางเอาชนะคุณหนูของเขาได้
ศศิกานต์ยิ้มกับคำประกาศของอาตง เห็นทีเธอควรหยุดเล่นได้แล้ว ขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้เธอคงอดเดินเที่ยวกันพอดี หญิงสาวโยนตะเกียบกับช้อนส้อมทิ้ง แล้วเงยหน้ามองชายที่เธอจะเอามาเป็นของเล่นด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย
“เข้ามาสิอาตง ฉันคอยนายอยู่”
“ไม่ต้องท้า แกตายแน่นังสารเลว!”
อาตงพุ่งเข้าหาทันทีเมื่อพูดจบ เขาอยากปิดฉากน่าเบื่อหน่ายนี่เสียที กำจัดศัตรูของคุณหนูเหม่ยชิงมันไม่ได้ยากอย่างที่คิด หากเกิดนายใหญ่เอาเรื่อง เขาก็แค่สารภาพว่าที่ฆ่าคุณหนูเหม่ยเยวี่ยก็เพราะเขาขอรักจากหล่อน แต่หล่อนกลับปฏิเสธ เขาเลยโกรธจนลืมตัว ทุกอย่างก็จบ
ปัง!!! “อ๊าก!!!”
แต่ฉับพลันร่างของอาตงก็ทรุดลงไปนั่งกับพื้นพร้อมกับเสียงปืนที่ดังขึ้นหนึ่งนัด เสียงร้องของอาตงและเสียงกรีดร้องของลูกค้าที่เดินผ่านร้านไปดังขึ้นติดๆ กัน
จากนั้นก็เริ่มมีคนมุงหันมามองภายในร้านอาหารด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ปัง! ปัง!
“อ๊าก!!!”
เสียงปืนดังขึ้นอีกสองนัด นัดก่อนหน้านี้ยิงถูกมือ นัดที่สองโดนขาข้างซ้าย นัดที่สามโดนขาข้างขวา เสียงร้องครวญครางของอาตงสร้างความตกใจให้เทียนเหว่ยกับลูกน้อง เหวินถัง หย่งเสียน และกลุ่มของเฟยหลงไม่น้อย
ทุกคนมองไปยังร่างเพรียวระหงที่เล็งปืนไปยังร่างของอาตงที่นอนจมกองเลือด ร้องโอดครวญอยู่บนพื้นด้วยความสงสาร แต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้
“คิดว่าฉันพกปืนมาแค่กระบอกเดียวเหรอ? อาตง”
ศศิกานต์พูดด้วยรอยยิ้มหวานที่ใครๆ มองก็คิดว่ามันไม่ใช่รอยยิ้มอ่อนโยนแม้แต่น้อย แต่มันเหมือนรอยยิ้มของปีศาจเสียมากกว่า รอยยิ้มที่ปีเตอร์ หวัง มักจะยิ้มยามสังหารศัตรู
“ฉันจะบอกให้นายรู้เอาไว้ ฉันมีปืนอยู่สองกระบอก”
แล้วหันไปมองเทียนเหว่ยกับลูกน้องอีกสี่คนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆ จากนั้นก็หันไปมองสองบอดีการ์ดของพี่ชายต่างมารดา
“เอาปืนอีกกระบอกของฉันคืนมาหย่งเสียน แล้วจัดโต๊ะตัวนั้นให้ฉันด้วย”
“ครับคุณหนู” หย่งเสียนรับคำ แล้วรีบปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายสาวอย่างรวดเร็ว
“นังผู้หญิงสารเลว!! ถ้าแกแน่จริงก็ฆ่าเลยสิ!”
“จะรีบตายไปไหนล่ะอาตง”
ศศิกานต์พูดพลางยิ้มหวานหยดแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ที่เหวินถังนำมาวางให้ ส่วนหย่งเสียนพยายามดันโต๊ะมาไว้ตรงด้านขวาของเธอ ซึ่งด้านล่างก็มีร่างของอาตงนอนอยู่
“เรียบร้อยแล้วครับคุณหนู”
“ขอบใจคุณสองคนมาก”
เมื่อหันไปขอบใจสองบอดีการ์ดหนุ่มเสร็จ ศศิกานต์ก็หันมาสนใจชายที่นอนอยู่ตรงหน้าเธอด้วยรอยยิ้มอำมหิตอีกครั้ง ก่อนหันไปหยิบมีดที่ใช้หั่นเนื้อสเต็กซึ่งตกอยู่บนพื้นขึ้นมาปักลงไปบนแผลที่ต้นขาของอาตงอย่างแม่นยำ
จึ๊ก!!
“อ๊าก!”
“นังสารเลว!!!”
เสียงร้องของอาตงสร้างความหวาดกลัวให้ลูกน้องของเทียนเหว่ยกับเฟยหลงจนต้องกลืนน้ำลายเฮือก
ทุกคนมองไปยังหญิงสาวหน้าหวานอย่างพร้อมเพรียง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าสาวหน้าหวานผู้นี้ไม่ได้อ่อนหวานอย่างที่เห็นเลยสักนิด ทว่าเธออำมหิตและโหดเหี้ยมเป็นที่สุด
“รู้สึกยังไงบ้างอาตง ได้รสชาติความเจ็บปวดบ้างมั้ย”
อาตงเริ่มหวาดกลัวผู้หญิงตรงหน้าจนจับใจ เขาคิดว่าคุณหนูเหม่ยชิงดูน่ากลัวและโหดเหี้ยมแล้ว แต่ยังสู้ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เลย ทายาทคนเล็กของนายใหญ่น่ากลัวกว่าคุณหนูเหม่ยชิงเป็นร้อยเท่าพันเท่า
ความแม่นในการยิงปืนก็ถือว่าดีเยี่ยม การใช้ตะเกียบกับช้อนส้อมเป็นอาวุธก็นับว่าสุดยอด เขายังไม่เคยเห็นใครใช้ของที่อยู่รอบกายมาเป็นอาวุธเลยสักคน เพิ่งจะมีทายาทคนเล็กของนายใหญ่นี่แหละ
ศศิกานต์ดึงปิ่นปักผมออกมาจากศีรษะ ผมยาวสลวยคลายออกมาแผ่กระจายเต็มแผ่นหลัง หล่นลงมาปกคลุมใบหน้าที่ดูหวานอยู่แล้วให้หวานยิ่งขึ้นไปอีก
ดวงตาคู่งามระบายไปด้วยรอยยิ้ม ทว่าแฝงไปด้วยความเยียบเย็นจนน่าหวาดหวั่น
“นี่อาวุธที่ฉันคิดค้นและปรับปรุงใหม่ แค่ดูนายก็คงคิดว่ามันเป็นปิ่นปักผมหรือตะเกียบใช่มั้ยอาตง แต่ปักตรงต้นคอหรือหัวใจของนายแค่ครั้งเดียว รับรองได้เลยว่านายได้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรกแน่นอน”
เหวินถังกับหย่งเสียนมองอาวุธในมือของเจ้านายสาวแล้วหวาดเสียว มันดูเหมือนตะเกียบหรือปิ่นปักผมก็จริง แต่ตรงปลายกลับแหลมคม ถ้าปักลงตำแหน่งที่เป็นจุดตาย รับรองได้เลยว่าได้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรกอย่างที่เจ้านายสาวบอกชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ สองบอดีการ์ดหนุ่มรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เมื่อคิดว่าหากพวกตนทำให้คุณหนูเหม่ยเยวี่ยไม่พอใจขึ้นมา จุดจบก็อาจไม่สวยเท่าไร
“นายว่าฉันควรจะปักมันลงบนหน้าอกของนายดูดีมั้ย มันคงให้ความรู้สึกที่สุขสุดยอดไปเลย นายว่ามั้ย รสชาติของความเจ็บปวดและความน่ากลัวเนี่ย”
ยิ่งเห็นอาวุธที่ทายาทคนเล็กของปีเตอร์ หวัง พกติดตัวมา ยิ่งทำให้กลุ่มของเฟยหลงและกลุ่มของเทียนเหว่ยหวาดระแวงสาวหน้าหวานมากกว่าเดิม แต่ส่วนลึกเทียนเหว่ยกับเฟยหลงกลับชื่นชมในความสามารถของหญิงสาว ต่างคิดตรงกันว่านี่แหละบุตรสาวของเจ้าพ่อมาเฟียที่แท้จริง
“ฉันมีพ่อเป็นอดีตเจ้าพ่อมาเฟียใหญ่ ซ้ำพี่ชายของฉันยังสานต่อธุรกิจทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมายของตระกูล แน่นอนว่าศัตรูก็ต้องมีมากตามไปด้วย ฉันไม่ใช่คนดีอย่างที่นายคิดหรอกอาตง ฉันไม่คิดจะอภัยให้กับคนที่คิดร้ายกับฉันหรือครอบครัวของฉัน”
ขณะที่พูดก็ยังไม่ลืมส่งยิ้มให้อาตงและสองบอดีการ์ดหนุ่มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เลือดที่ไหลออกมาจากมือและขาของชายหนุ่มไม่ได้ทำให้ศศิกานต์รู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด กลับมองมันด้วยแววตาเฉยชา ไร้ความรู้สึกจนบางคนเริ่มหวาดกลัวเธอจับหัวใจ
“นายคิดว่าฉันโง่มากหรือไง ฉันมาอยู่ฮ่องกงแค่หนึ่งเดือน นายคิดว่าฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยเหรอ นายคิดผิดแล้วอาตง ฉันรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นภายในตระกูลหวัง รู้แม้กระทั่งมีใครบางคนแอบเข้าห้องคุณหนูเหม่ยชิงตอนดึกๆ แม้กระทั่งใครบางคนแอบไปเล่นชู้กับคุณนายรอง จนฉันนึกสงสัยว่าแท้ที่จริงแล้วคุณหนูเหม่ยชิงเป็นบุตรสาวของพ่อฉันด้วยหรือเปล่า”
สิ่งที่ศศิกานต์พูดออกมาไม่เพียงแต่อาตงเท่านั้นที่ตกใจจนอ้าปากกว้าง เทียนเหว่ยกับเฟยหลงก็มีอาการไม่ต่างกัน
ทุกสายตามองไปยังหญิงสาวร่างเพรียวระหงด้วยความตื่นตระหนก และแสดงความหวาดกลัวออกมาให้ได้เห็นกันเลยทีเดียว
/////////////////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...