"เอ่อ...คุณแม่ครับผมมีเรื่องอยากจะขอคุณแม่ครับ" ศษิลันทร์เอ่ยปากพูดกับมารดาในขณะที่นั่งบนโต๊ะทานอาหาร
"ว่ามาสิจ๊ะลันทร์มีอะไร"
"ผมอยากให้ษิเข้าทำงานที่บริษัทเราครับ ษิเขาเป็นคนขยันแล้วก็เก่งมากๆเลยนะครับ เรียนรู้เร็ว หัวไว" ศษิลันทร์สาธยายคุณสมบัติของแฟนสาวให้แม่ฟังเหมือนกลัวว่าแม่จะไม่อนุญาต
"ไม่ต้องอวยแล้วจ้ะตาลันทร์ แม่ก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ได้นี่จ๊ะ ดีเสียอีกทำงานเข้าขากัน แล้วอย่าลืมพาหนูษิมาทานข้าวที่บ้านเรานะแม่อยากรู้จักให้มากขึ้น เพื่อแน่ใจว่าแกไม่ได้ไปคว้าผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่ไหนมา ถ้าคิดจะมาเกาะแกกินนี่แม่ไม่เอานะ"
"ครับคุณแม่ ยังไงพรุ่งนี้เย็นผมจะรับษิมาทานข้าวที่บ้านเรานะครับ"
"จ้ะ"
......................................................
"ษิ พรุ่งนี้เย็นผมไปรับที่ร้านนะ ผมจะพาษิมาทานข้าวที่บ้าน คุณแม่ผมอยากรู้จักษิ" พอแม่อนุญาต ศษิลันทร์ก็รีบโทรหาคนรักทันทีราวกับว่าเด็กน้อยดีใจที่แม่ตามใจให้ซื้อของเล่นได้
"พรุ่งนี้หรือคะ ษิกลัวว่าที่ร้านพ่อกับแม่จะไม่มีใครช่วยน่ะสิคะ" กษิราคุยโทรศัพท์ไปพลางในขณะที่มือก็หยิบจับเตรียมขนมเข้าตู้ที่ร้านเบเกอรี่ของพ่อแม่เธอไปด้วย
"ไปเถอะลูก ไปพักผ่อนเสียบ้าง ลันทร์มารับใช่ไหมไม่ต้องเป็นห่วงแม่ทางนี้พ่อก็ช่วยแม่อยู่" แม่ของกษิราไม่ได้ล่วงรู้ถึงบทสนทนารู้แค่ว่าศษิลันทร์โทรมาเหมือนจะพาลูกสาวไปข้างนอก
"ไปเถอะ พ่อช่วยแม่ได้สบายมาก" พ่อช่วยเสริม
"โอเคค่ะลันทร์ สองหนุ่มสาวเขาอยากอยู่กันตามลำพังแค่สองคน" กษิรามองหน้าพ่อกับแม่ว่าไหวแน่นะเมื่อทั้งสองยืนยันจึงตอบกลับคนรักไปแบบกระเซ้าพ่อและแม่ไปด้วยในที
ธนาวัฒน์และภัทรทิมาส่ายหน้าหัวเราะที่ถูกแซว ครอบครัวของกษิรามีกันเพียงสามคนแต่ก็มีความอบอุ่นเป็นอย่างมากเพราะทั้งพ่อและแม่เลี้ยงดูเธอมาอย่างความเข้าใจและทะนุถนอมถึงจะไม่ได้ร่ำรวยอะไรแต่กษิราก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองด้อยไปกว่าคนอื่น กษิราจะมีห่วงบ้างว่าแม่เริ่มสุขภาพไม่ค่อยดีเพราะมีโรคประจำตัวคือ"โรคหัวใจ"
......................................................................................
เมื่อถึงเวลาตามที่นัดหมายศษิลันทร์ก็มารับกษิราที่หน้าร้านกาแฟและเบเกอรี่ที่พ่อแม่เธอเป็นเจ้าของ เขาลงไปสวัสดีทักทายผู้ใหญ่แบบมีมารยาทและคุ้นเคย สมัยเรียนอยู่เขามักจะมาสิงตัวช่วยที่ร้านนี้บ่อยๆจนพ่อแม่ของกษิราเอ็นดูเขาเป็นอย่างมากและหวังจะฝากผีฝากไข้ให้เขาดูแลกษิรา
"สวัสดีครับ คุณพ่อ คุณแม่" ศษิลันทร์ทักทาย
"สวัสดีจ๊ะ วันนี้จะพาลูกสาวแม่ไปเที่ยวกันที่ไหน" ภัทรทิมาถามไถ่
"ผมจะพาษิไปทานข้าวครับพอดีว่าผมขอให้ษิไปทำงานด้วยกันที่บริษัท คุณแม่ก็เลยอยากรู้จักษิ"
"ดีจังเลยบริษัทของลันทร์ใหญ่โตมั่นคง ษิจะได้ทำงานกับคนเก่งๆนะลูกนะ" ภัทรทิมาเห็นดีเห็นงาม
"ยังไงฝากขอบคุณคุณแม่ลันทร์ด้วยนะจ๊ะที่ให้โอกาสษิ" ผู้เป็นแม่ฝากฝัง
"ครับคุณแม่ ไม่ต้องห่วงครับคุณแม่ผมท่านใจดีมากครับ"
หลังจากที่กษิรานั่งรถออกไปกับศษิลันทร์ ธนาวัฒน์และภัทรทิมาก็มองหน้ากันแล้วยิ้มมีความสุขเพราะคาดหวังว่าลูกสาวจะมีอนาคตที่ดีไม่ลำบากอีกต่อไปเพราะที่ผ่านมาเธอเป็นคนที่มีความกตัญญูช่วยงานพ่อกับแม่ทุกอย่างและหารายได้พิเศษเพื่อมาเป็นค่ารักษาโรคหัวใจให้กับผู้เป็นแม่ด้วยเช่นกัน
..............................................................................
ณ บ้านกัมพนวรพจน์
"สวัสดีค่ะ" กษิรารีบสวัสดีทักทายเมื่อเจอหน้าแม่ของศษิลันทร์
"สวัสดีจ้ะ ตามสบายนะหนู" อุณารินทร์ต้อนรับอย่างเป็นมิตร
"วันนี้แม่ให้แม่บ้านทำแต่ของโปรดแกเลยนะตาลันทร์ แต่ไม่รู้หนูษิจะชอบแบบเดียวกับแกหรือเปล่า"
"ษิทานง่ายค่ะ ที่บ้านษิกินง่ายอยู่ง่ายค่ะ" กษิราออกตัว
"ดีจริง มาๆมานั่งทานข้าวไปคุยไปทำความรู้จักกัน" อุณารินทร์เชื้อเชิญ
กษิรามองหน้ากับศษิลันทร์ยิ้มปลื้มที่อุณารินทร์ต้อนรับขับสู้แบบเป็นกันเองทำให้เธอไม่เกร็ง
ซึ่งระหว่างรับประทานอาหารอุณารินทร์ก็ชวนคุยอย่างออกรสชาติ
.............................................................................................
ระหว่างทานอาหารนอกจากที่อุณารินทร์ชวนกษิราคุยเรื่องสัพเพเหระทั่วไปแล้วเธอเริ่มที่จะอยากรู้จักกษิราให้มากกว่านี้เนื่องจากมีความสงสัยเป็นทุนเดิม
"พ่อ กับแม่หนูษิเปิดร้านอยู่แถวไหนจ๊ะ ครั้งก่อนที่เราเจอกันที่งานรับปริญญาตาลันทร์เห็นบอกแม่ว่า พ่อกับแม่ของหนูเปิดร้าน กาแฟ เบเกอรี่"
"อยู่ออกไปชานเมืองหน่อยค่ะเกือบถึงเมืองนนท์ ร้านไม่หรูอะไร ราคาถูกๆค่ะ" กษิราถ่อมตัว
แต่พอฟังชื่อที่ตั้งของร้านเธอก็สะดุดหู ว่าเหมือนใกล้ๆบ้านของพ่อเธอ หลังจากที่แต่งงานเธอก็ย้ายออกมาอยู่บ้านหลังปัจจุบันที่สามีสร้างไว้เป็นเรือนหอ
"พ่อกับแม่ของหนูชื่ออะไรจ๊ะ ขอถือวิสาสะถามนะจ๊ะ พอดีแม่ว่าหน้าของหนูคุ้นมากๆเลยเผื่อจะเป็นคนที่แม่รู้จักมาก่อน"
"คุณพ่อธนาวัฒน์ กับคุณแม่ภัทรทิมาค่ะ ชื่อเล่นก็วัฒน์กับภัทรสั้นๆตามชื่อจริงเลยค่ะ"
"แล้วคุณตาคุณยายหนูล่ะจ๊ะ" อุณารินทร์เริ่มถามต่อเพื่อให้แน่ใจ
"คุณตาคุณยายเสียไปนานแล้วค่ะตั้งแต่ษิยังเด็กๆแต่คุณปู่คุณย่ายังอยู่ค่ะ คุณปู่ชัยกับคุณย่าเนืองแต่ตอนนี้ท่านแก่มากแล้วค่ะ" กษิราเล่าไปเรื่อยถือว่าเป็นการชวนคุยไม่ได้ระแวงอะไรว่าทำไมมาถามถึงคนในบ้าน
"แคร้ง!" กษิราเล่าเท่านั้นอุณารินทร์ก็ทำช้อนหล่นจากมือ
"ใช่พวกแกจริงๆ" อุณารินทร์พูดเบาๆคนเดียว
"คุณแม่ว่าอะไรนะคะ?" กษิราได้ยินไม่ถนัด
"ไม่มีอะไรจ้ะ ฟังจากชื่อแล้วไม่น่าจะรู้จักนะจ๊ะ แม่คงจำผิดไปเอง"อุณารินทร์แสร้งเก็บอารมณ์เพื่อการใหญ่ต่อไปทั้งที่ในใจร้อนระอุเหมือนมีใครมาจุดเชื้อเพลิง
"เอ่อ แล้วเรื่องที่หนูษิจะมาทำงานที่บริษัท จะมาทำพร้อมตาลันทร์เลยไหมจ๊ะ ตาลันทร์เขาอวยนักหนาว่าหนูษิเป็นคนเก่ง" อุณารินทร์รีบเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อไม่ให้ไก่ตื่น
"แหม ลันทร์เนี่ย ษิยังไม่เคยได้ลองทำงานเลยมาอวยษิแล้ว นี่ถ้าษิไม่เก่งอย่างที่ลันทร์คุยเสียหน้าแย่เลยนะคะ" กษิราหัวเราะเบาๆ
"อวยที่ไหนกันสมัยเรียนก็เป็นเด็กกิจกรรม ประสานงานเองตั้งหลายอย่าง ษิเก่งมากจริงๆ" ศษิลันทร์เยินยอคนรักด้วยความปลาบปลื้ม
"แต่ชีวิตจริงมันไม่เหมือนตอนเรียนหรอกนะ เตรียมตัวเตรียมใจไว้บ้างก็ดี" อุณารินทร์พูดน้ำเสียงเรียบแต่ฟังดูแปลกพิกล
"มีผมอยู่ไม่ต้องกลัวเลยครับ ที่สำคัญประธานบริษัทอย่างคุณอุณารินทร์ก็ใจดีที่สุดในโลก" ศษิลันทร์หยอดลูกอ้อนให้มารดา
"เอาไว้มาทานอาหารที่บ้านแม่บ่อยๆนะ เราต้องทำความรู้จักกันอีกนานแสนนานเลยจ้ะ" อุณารินทร์เน้นเสียงเรียบเย็น
"ค่ะคุณแม่" กษิราไม่คิดว่าอุณารินทร์จะประชดเพราะตั้งแต่เธอมาอุณารินทร์ก็ต้อนรับอย่างเป็นกันเอง
"เธอยังต้องเจออะไรต่อ นี่แค่เริ่มต้นนะกษิรา" อุณารินทร์ยิ้มเยาะในใจ
..............................................................................................