สาปส่งทิ้งรอยแค้น

1358 Words
หลังจากที่เรียนจบธนาวัฒน์และภัทรทิมาก็ไม่เคยเจอกับอุณารินทร์อีกเลยต่างก็แยกย้ายไปเติบโตและทำงานแต่อุณารินทร์ยังคงตามสืบข่าวของทั้งคู่ไม่เลิกรา จนกระทั่ง5ปีผ่านไปวันที่อุณารินทร์ไม่อยากรับรู้แต่มันก็เกิดขึ้นจนได้ ธนาวัฒน์และภัทรทิมาได้แต่งงานกันท่ามกลางความยินดีของญาติ เพื่อนสนิทของทั้งสองฝ่าย งานถูกจัดขึ้นที่บ้านของเจ้าสาว เป็นพิธีผูกข้อมือและรดน้ำสังข์แบบเรียบง่าย ในขณะที่แขกเหรื่อมาร่วมงานด้วยความยินดี แต่อุณารินทร์กลับใส่ชุดดำเข้ามาในงานแบบแขกที่ไม่ได้รับเชิญ เธอแต่งหน้าจัดและใส่แว่นดำเดินตรงดิ่งมาที่รดน้ำสังข์ของคู่บ่าวสาว คนที่มาร่วมงานพากันมองเธออย่างแปลกๆ แม้กระทั่งบ่าวสาวก็แปลกใจไม่น้อยที่ใครกันใส่ชุดดำมางานของพวกตน "จำเพื่อนเก่าไม่ได้หรือ"อุณารินทร์ถอดแว่นดำมองหน้าเจ้าบ่าวเจ้าสาว "รินทร์!" ภัทรทิมาอุทานตกใจ จนธนาวัฒน์โอบไหล่เธอเอาไว้และจ้องมองอุณารินทร์แบบระวังตัว "จุ๊ๆๆ ปกป้องกันดีเหลือเกินนะ เปล่า...ฉันไม่ได้มาทำอะไรแค่มาแสดงความยินดี" อุณารินทร์ทำเสียงจุ๊แบบกวนอารมณ์ใส่ก่อน แล้วค่อยๆพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ธนาวัฒน์และภัทรทิมาต่างก็ไม่เชื่อในสิ่งที่อุณารินทร์พูดเพราะการแต่งกายและการพูดด้วยน้ำเสียงยียวน "ไม่ต้องตกใจค่ะ ดิฉันเป็นเพื่อนรักของเจ้าบ่าวเจ้าสาว มาวันนี้มีความยินดีแบบสุดซึ้งที่จะแสดงความไว้อาลัย เอ๊ะ!ไม่ใช่สิ มาแสดงความยินดีกับทั้งคู่" อุณารินทร์ประกาศกลางงานเสียงดังเรียกความสนใจเป็นอย่างมาก "ขอให้ความรักของมึงวิบัติ เจ็บปวด มีแต่ความทุกข์ทรมาน เมื่อไรก็ตามที่กูมีโอกาสจะขอทำทุกวิถีทางที่จะสร้างความเจ็บปวดให้พวกมึงต่อให้ความเจ็บปวดนั้นต้องตกไปที่ลูกหลานของพวกมึงก็ตาม" อุณารินทร์พูดแค่นเสียงสาปแช่งในขณะที่จดปลายสังข์และรดลงที่มือเจ้าสาว "ขอให้ทุกท่านมีความสนุกกับงานวันนี้นะคะ ฮ่าๆๆๆ" อุณารินทร์หัวเราะร่าและเดินออกไปแบบไม่แคร์สายตาใคร สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคน ธนาวัฒน์ได้แต่เพียงโอบกอดภัทรทิมาไว้และปลอบใจเธอว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยญาติของทั้งสองฝ่ายก็ออกมาเคลียร์สถาณการณ์และบอกกับคนในงานว่าน่าจะเป็นคนเสียสติมากกว่าขอให้ทุกคนร่วมงานกันต่อได้ นับจากวันนั้นจวบจนปัจจุบันทั้งธนาวัฒน์และภัทรทิมาก็ได้ผ่านเหตุการณ์ที่ไม่ดีไปได้และครองรักกันมาจนมีลูกสาวที่สวยน่ารักด้วยกันหนึ่งคนคือ "กษิรา" นั่นเอง ฝ่ายอุณารินทร์ก็ได้แต่งงานกับคนชนชั้นระดับเดียวกันจนสามีเธอได้เสียชีวิตจากเธอไปมีเพียงศษิลันทร์ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่เป็นทุกอย่างให้เธอ แต่แล้วฟ้าก็เล่นตลกเมื่อศษิลันทร์และกษิราโคจรมาพบกันในฐานะคนรัก ...................................................................... "เอ่อ...คุณแม่ครับผมมีเรื่องอยากจะขอคุณแม่ครับ" ศษิลันทร์เอ่ยปากพูดกับมารดาในขณะที่นั่งบนโต๊ะทานอาหาร "ว่ามาสิจ๊ะลันทร์มีอะไร" "ผมอยากให้ษิเข้าทำงานที่บริษัทเราครับ ษิเขาเป็นคนขยันแล้วก็เก่งมากๆเลยนะครับ เรียนรู้เร็ว หัวไว" ศษิลันทร์สาธยายคุณสมบัติของแฟนสาวให้แม่ฟังเหมือนกลัวว่าแม่จะไม่อนุญาต "ไม่ต้องอวยแล้วจ้ะตาลันทร์ แม่ก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ได้นี่จ๊ะ ดีเสียอีกทำงานเข้าขากัน แล้วอย่าลืมพาหนูษิมาทานข้าวที่บ้านเรานะแม่อยากรู้จักให้มากขึ้น เพื่อแน่ใจว่าแกไม่ได้ไปคว้าผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่ไหนมา ถ้าคิดจะมาเกาะแกกินนี่แม่ไม่เอานะ" "ครับคุณแม่ ยังไงพรุ่งนี้เย็นผมจะรับษิมาทานข้าวที่บ้านเรานะครับ" "จ้ะ" ...................................................... "ษิ พรุ่งนี้เย็นผมไปรับที่ร้านนะ ผมจะพาษิมาทานข้าวที่บ้าน คุณแม่ผมอยากรู้จักษิ" พอแม่อนุญาต ศษิลันทร์ก็รีบโทรหาคนรักทันทีราวกับว่าเด็กน้อยดีใจที่แม่ตามใจให้ซื้อของเล่นได้ "พรุ่งนี้หรือคะ ษิกลัวว่าที่ร้านพ่อกับแม่จะไม่มีใครช่วยน่ะสิคะ" กษิราคุยโทรศัพท์ไปพลางในขณะที่มือก็หยิบจับเตรียมขนมเข้าตู้ที่ร้านเบเกอรี่ของพ่อแม่เธอไปด้วย "ไปเถอะลูก ไปพักผ่อนเสียบ้าง ลันทร์มารับใช่ไหมไม่ต้องเป็นห่วงแม่ทางนี้พ่อก็ช่วยแม่อยู่" แม่ของกษิราไม่ได้ล่วงรู้ถึงบทสนทนารู้แค่ว่าศษิลันทร์โทรมาเหมือนจะพาลูกสาวไปข้างนอก "ไปเถอะ พ่อช่วยแม่ได้สบายมาก" พ่อช่วยเสริม "โอเคค่ะลันทร์ สองหนุ่มสาวเขาอยากอยู่กันตามลำพังแค่สองคน" กษิรามองหน้าพ่อกับแม่ว่าไหวแน่นะเมื่อทั้งสองยืนยันจึงตอบกลับคนรักไปแบบกระเซ้าพ่อและแม่ไปด้วยในที ธนาวัฒน์และภัทรทิมาส่ายหน้าหัวเราะที่ถูกแซว ครอบครัวของกษิรามีกันเพียงสามคนแต่ก็มีความอบอุ่นเป็นอย่างมากเพราะทั้งพ่อและแม่เลี้ยงดูเธอมาอย่างความเข้าใจและทะนุถนอมถึงจะไม่ได้ร่ำรวยอะไรแต่กษิราก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองด้อยไปกว่าคนอื่น กษิราจะมีห่วงบ้างว่าแม่เริ่มสุขภาพไม่ค่อยดีเพราะมีโรคประจำตัวคือ"โรคหัวใจ" ...................................................................................... เมื่อถึงเวลาตามที่นัดหมายศษิลันทร์ก็มารับกษิราที่หน้าร้านกาแฟและเบเกอรี่ที่พ่อแม่เธอเป็นเจ้าของ เขาลงไปสวัสดีทักทายผู้ใหญ่แบบมีมารยาทและคุ้นเคย สมัยเรียนอยู่เขามักจะมาสิงตัวช่วยที่ร้านนี้บ่อยๆจนพ่อแม่ของกษิราเอ็นดูเขาเป็นอย่างมากและหวังจะฝากผีฝากไข้ให้เขาดูแลกษิรา "สวัสดีครับ คุณพ่อ คุณแม่" ศษิลันทร์ทักทาย "สวัสดีจ๊ะ วันนี้จะพาลูกสาวแม่ไปเที่ยวกันที่ไหน" ภัทรทิมาถามไถ่ "ผมจะพาษิไปทานข้าวครับพอดีว่าผมขอให้ษิไปทำงานด้วยกันที่บริษัท คุณแม่ก็เลยอยากรู้จักษิ" "ดีจังเลยบริษัทของลันทร์ใหญ่โตมั่นคง ษิจะได้ทำงานกับคนเก่งๆนะลูกนะ" ภัทรทิมาเห็นดีเห็นงาม "ยังไงฝากขอบคุณคุณแม่ลันทร์ด้วยนะจ๊ะที่ให้โอกาสษิ" ผู้เป็นแม่ฝากฝัง "ครับคุณแม่ ไม่ต้องห่วงครับคุณแม่ผมท่านใจดีมากครับ" หลังจากที่กษิรานั่งรถออกไปกับศษิลันทร์ ธนาวัฒน์และภัทรทิมาก็มองหน้ากันแล้วยิ้มมีความสุขเพราะคาดหวังว่าลูกสาวจะมีอนาคตที่ดีไม่ลำบากอีกต่อไปเพราะที่ผ่านมาเธอเป็นคนที่มีความกตัญญูช่วยงานพ่อกับแม่ทุกอย่างและหารายได้พิเศษเพื่อมาเป็นค่ารักษาโรคหัวใจให้กับผู้เป็นแม่ด้วยเช่นกัน .............................................................................. ณ บ้านกัมพนวรพจน์ "สวัสดีค่ะ" กษิรารีบสวัสดีทักทายเมื่อเจอหน้าแม่ของศษิลันทร์ "สวัสดีจ้ะ ตามสบายนะหนู" อุณารินทร์ต้อนรับอย่างเป็นมิตร "วันนี้แม่ให้แม่บ้านทำแต่ของโปรดแกเลยนะตาลันทร์ แต่ไม่รู้หนูษิจะชอบแบบเดียวกับแกหรือเปล่า" "ษิทานง่ายค่ะ ที่บ้านษิกินง่ายอยู่ง่ายค่ะ" กษิราออกตัว "ดีจริง มาๆมานั่งทานข้าวไปคุยไปทำความรู้จักกัน" อุณารินทร์เชื้อเชิญ กษิรามองหน้ากับศษิลันทร์ยิ้มปลื้มที่อุณารินทร์ต้อนรับขับสู้แบบเป็นกันเองทำให้เธอไม่เกร็ง ซึ่งระหว่างรับประทานอาหารอุณารินทร์ก็ชวนคุยอย่างออกรสชาติ .............................................................................................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD