ติ๊ง...ต๊อง...
เสียงสัญญาณหน้าประตูดังขึ้น นั่นแสดงว่ามีลูกค้าเข้ามาในร้าน ปริมลดาที่กำลังประจำอยู่ตรงเคาน์เตอร์จึงเงยหน้าขึ้นมาดูเหมือนอย่างทุกครั้ง
ผู้ชายตัวสูง รูปร่างกำยำ ผมสีน้ำตาล เขาใส่หน้ากากอนามัยทำให้เห็นเพียงดวงตาเท่านั้น ‘น่าจะหล่อดี’ เธอได้เพียงคิดในใจ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะที่ร้านสะดวกซื้อแห่งนี้ก็มีลูกค้ามากหน้าหลายตาหมุนเวียนมาเป็นประจำอยู่แล้ว
“ไม่ทราบว่ากำลังหาอะไรอยู่เหรอคะ” เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นเขาเอาแต่หันหน้าไปมา ราวกับกำลังหาอะไรอยู่สักอย่าง
พอได้ยินสิ่งที่ถาม ผู้ชายตัวสูงก็เดินเข้ามาหาปริมลดายังเคาน์เตอร์ที่เธออยู่ทันที
“เอ่อ...” เหมือนอยากจะถามอะไร แต่เขาก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย “ที่นี่มีถุงยางไซส์ 62 หรือเปล่าครับ”
พอได้ยินคำตอบ ก็ทำเอาเธอแอบอมยิ้มอยู่คนเดียว ท่าทางก็ไม่น่าจะไม่เคยซื้อ แต่ไอ้ทีท่าเขินอายนี้ก็ทำเอาปริมลดาอดที่จะแอบขำไม่ได้
“มีค่ะ คุณลูกค้าเดินไปดูตรงนั้นได้เลยค่ะ” มือเล็กผายออกไปยังชั้นวางของด้านตรงข้ามที่มีกล่องถุงยางอนามัยวางเรียงกันอยู่หลายยี่ห้อ เพราะที่นี่เป็นโซนท่องเที่ยวกลางคืน มีลูกค้าทั้งไทยและต่างประเทศ จึงมีถุงยางไซส์พิเศษขายอยู่บ้าง
เขาก้ม ๆ เงย ๆ อยู่สักพัก ก่อนที่จะหันกลับมาหาปริมที่เคาน์เตอร์อีกครั้ง
“พี่ครับ พี่ชอบกลิ่นไหนเหรอครับ”
คำถามของเขาทำเอาเธอนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ปกติแล้วมันมีใครถามความชอบกลิ่นถุงยางอนามัยจากผู้หญิงแปลกหน้ากัน
“เอ่อ...สตอเบอร์รี่ค่ะ” อ้อมแอ้มตอบกลับไป “คิดว่าผู้หญิงทุกคนก็น่าจะชอบค่ะ”
ให้ตายเถอะ อายก็อายที่ต้องตอบคำถามแบบนี้ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อเธอดันเป็นพนักงานขายของที่นี่ ถ้าไม่ตอบก็หาว่าไม่บริการลูกค้าอีก
“คิดเงินด้วยครับ” เขาวางถุงยางที่เพิ่งหยิบมาสองกล่องลงบนเคาน์เตอร์เพื่อให้ปริมลดาคิดเงิน
ระหว่างที่กำลงสแกนราคาสินค้า ดวงตาคู่สวยก็เหลือบมองหน้าเขาเป็นระยะ จากการพิจารณาส่วนที่โผล่พ้นมาจากหน้ากากอนามัย เขาเป็นคนที่หล่อมากทีเดียว แต่ว่า ตั้งแต่ทำงานที่นี่มา มีผู้ชายตรงหน้าแค่คนเดียวที่เรียกเธอว่าพี่ ปกติลูกค้าจะเรียกปริมลดาว่าน้องมากกว่า เพราะเธอตัวเล็กเหมือนเด็กมัธยม ทั้งที่กำลังจะขึ้นปีสามแล้ว
“ทั้งหมด 450 บาทค่ะ” เธอเอ่ยบอกคนตรงหน้า และเขาก็รีบล้วงเงินจากกระเป๋ากางเกงมาจ่าย
“ขอบคุณมากนะคะ โอกาสหน้าเชิญใหม่ค่า” ศีรษะทุยก้มลงเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่วายมองตามแผ่นหลังกว้างจนลับสายตา ‘เป็นผู้ชายที่ประหลาดดี’
วันต่อมา
“ปริม วันนี้ก็เข้ากะดึกอีกเหรอลูก” ปรางทิพย์ คุณแม่ของปริมลดาเอ่ยถามลูกสาวเพียงคนเดียว เพราะตัวเองร่างกายไม่แข็งแรง ซ้ำผู้เป็นสามีก็เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต ทำให้ปริมต้องทำงานเพื่อหาเงินมาไว้ใช้จ่ายในครอบครัว และเก็บไว้สำหรับจ่ายค่าเทอม
“ค่ะแม่ พอดีกะดึกคนไม่พอ เจ้านายเลยให้หนูอยู่กะดึกยาว ๆ เลยค่ะ” ระหว่างที่ตอบคำถาม เธอก็เก็บของลงกระเป๋าเตรียมตัวไปทำงาน
“หนูไปก่อนนะแม่” พูดพลางเดินเข้ามาสวมกอดมารดาอย่างเช่นทุกวัน “ตอนเช้าหนูจะซื้อกับข้าวมาฝากนะ”
“ไปดีมาดีนะลูก ระวังรถ ระวังคนด้วย” ปรางทิพย์เอ่ยย้ำคำเตือนเหมือนกับทุกวันที่ลูกสาวจะไปทำงาน
“ค่ะแม่ หนูไปก่อนนะ”
คุยกับแม่เสร็จ ปริมลดาก็ออกมายืนรอรถแท็กซี่หน้าปากซอย ร้านที่เธอทำงานกับบ้านไม่ห่างกันมากนัก นั่งแท็กซี่ก็ไม่เปลืองเงินเท่าไหร่ แถมสะดวกกว่าไปเบียดบนรถเมย์
มาถึงร้าน ปริมก็รีบเปลี่ยนชุดแล้วมายืนประจำที่หน้าเคาน์เตอร์เช่นเคย ลูกค้าหมุนเวียนเข้าออกมากมาย ยิ่งดึกคนก็ยิ่งเยอะ
“คุณลูกค้าคะ ยังไม่ได้จ่ายเงินเลยนะคะ” เธอรีบเอ่ยท้วงชายวัยเกือบสี่สิบปีคนหนึ่ง ที่เดินเข้ามาหยิบเบียร์สามกระป๋องแต่กลับไม่เดินมาจ่ายเงิน
“จ่ายอะไร ฉันจ่ายไปแล้ว” คำพูดที่ออกมาบวกกับท่ายืนที่ดูไม่มั่นคงเท่าไหร่ มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเมา และก็มักจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดเป็นประจำแทบจะทุกวัน
“คุณลูกค้ายังไม่ได้จ่ายค่ะ หากคิดว่าดิฉันโกหก เราเปิดกล้องวงจรปิดดูได้นะคะ” เบียร์สามกระป๋องถึงแม้ไม่ได้แพงมากนัก แต่เรื่องอะไรที่จะต้องยอมจ่ายให้คนเมาตรงหน้า
“เอ๊ะ! ฉันบอกว่าจ่ายแล้วไง” นอกจากจะหน้ามึนไม่ยอมจ่าย ตอนนี้ยังขึ้นเสียงใส่เธออีกต่างหาก
“ยังไม่จ่ายค่ะ”
“นังนี่ วอนโดนตบเหรอวะ”
ทันทีที่พูดจบ ผู้ชายคนนั้นก็เดินปรี่มาหาปริมลดาที่หน้าเคาน์เตอร์ ง้างแขนขึ้นจนสุด ฝ่ามือกางออกหมายจะตบเธอให้เต็มแรง
“ว้าย!!”
ผลัวะ!
เสียงกรีดร้องดังขึ้นด้วยความตกใจ รีบยกแขนขึ้นมาบังหน้าตัวเองเอาไว้ แล้วเธอก็ได้ยินเสียงเหมือนของหนักกระทบกับอะไรสักอย่างหลายครั้งติดกัน
เธอไม่ได้โดนตบ เมื่อรู้ตัวปริมก็ค่อย ๆ เปิดแขนที่บังหน้าตัวเองออกดู ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังสาวหมัดใส่คนเมาที่จะตบเธอเมื่อกี้จนลงไปกองกับพื้น
“คุณ คุณ พอแล้วค่ะ เดี๋ยวเขาตาย” รีบวิ่งออกมาจากเคาน์เตอร์แล้วคว้าแขนของเขาเอาไว้ ก่อนที่จะปล่อยหมัดใส่คนที่อยู่บนพื้นอีกชุด และเขาก็หยุดตามที่เธอขอร้อง
“พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถาม พร้อมกันหันมามองหน้าเธอด้วยความเป็นห่วง
ปริมลดามองหน้าเขานิ่ง เธอจำได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นลูกค้าที่มาซื้อถุงยางอนามัยกลิ่นสตอเบอร์รี่เมื่อคืน แต่ว่า พอเขาไม่สวมหน้ากากอนามัยแล้ว ทำให้รู้สึกคุ้นหน้ามาก เหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน
ดูจากอายุก็ไม่น่าจะห่างกันเท่าไหร่ แต่เธอก็มั่นใจว่าในคณะที่เรียนอยู่ไม่มีคนหน้าตาแบบนี้แน่ ๆ
“พี่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เขาถามขึ้นอีกครั้ง นั่นถึงทำให้สติของเธอกลับคืนมา
“ไม่ค่ะ ไม่เป็นอะไร” ปริมลดารีบตอบและส่ายหน้าเพื่อยืนยัน “ขอบคุณมากนะคะ”
“พี่ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วครับ ผมตกใจแทบแย่”
“ขอบคุณจริง ๆ นะคะ ถ้าไม่ได้คุณลูกค้าช่วยก็น่าจะเป็นเยอะอยู่ค่ะ”
จินตนาการไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าหากโดนไอ้คนเมานั้นตบเข้าเต็มหน้าจะเป็นอย่างไร คงจะขึ้นรอยแดงไปหลายวัน หรืออาจจะบวมช้ำเลยก็ได้
“เอ่อ...วันนี้จะรับอะไรดีคะ” นึกขึ้นได้ว่าเขาเป็นลูกค้า ปริมลดาเลยรีบเอ่ยถามพร้อมกับเดินกลับไปประจำที่เคาน์เตอร์เหมือนเดิม
ผู้ชายตัวโตไม่พูดไม่ตอบอะไรกลับมา เขาเดินไปยังชั้นที่วางถุงยางอนามัยแล้วหยิบมันมาสองกล่องเหมือนกับเมื่อวาน
“คิดเงินได้เลยครับ”
“รอสักครู่นะคะ”
เธอรีบสแกนราคาสินค้า แล้วเหลือบมองหน้าเขาเป็นระยะ ผู้ชายคนนี้หน้าตาดีกว่าที่เธอคิดเสียอีก ผมสีน้ำตาลรับกับใบหน้าคมอย่างลงตัว ทั้งจมูก ปาก ตา คิ้ว ราวกับได้นักวาดบรรจงสรรสร้างแต่งแต้มลงไป
“450 บาทค่ะ”
“นี่ครับ”
เมื่อบอกราคาเขาก็รีบควักเงินมาจ่ายแล้วก็เดินออกไปจากร้านเช่นเคย
“ใช้วันละสองกล่องเลยเหรอ อึดน่าดู” จะว่าแอบนินทาลูกค้าก็ได้ แต่มันอดคิดไม่ได้จริง ๆ กล่องหนึ่งมีตั้งสามชิ้น วันละสองกล่องก็เท่ากับวันละหกชิ้น ผู้หญิงคนนั้นคงรับศึกหนักน่าดู
จู่ ๆ ใบหน้าขาวเนียนก็รู้สึกร้อนผ่าว เมื่อในหัวดันจินตนาการภาพของเขาขึ้นมา
“ทำไมลามกจังวะเรา” ไม่มีใครด่าก็ด่าตัวเองนี่แหละ แต่มันอดคิดไม่ได้จริง ๆ นี่นา ทั้งหล่อ สูงยาวเข่าดี ไม่รู้ว่าข้างในตรงนั้นจะขนาดไหน
ศีรษะทุยเล็กสั่นส่ายไปมาเมื่อรู้สึกว่าจะคิดอะไรเตลิดจนเกินไป ปริมลดาหันมาจดจ่อตรงหน้าเคาน์เตอร์อีกครั้ง พอดีกับจังหวะที่มีลูกค้าคนใหม่เข้ามา
///////////////////////////////////////////////////////