ตอนที่ 4 เหตุผลของผู้ชายหน้าหม้อ

1750 Words
คืนวันเสาร์ เวลา 22.00 น. ร่างสูงกำยำยืนอยู่หน้ากระจก หมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อสำรวจความเรียบร้อย และก็เป็นอย่างเช่นทุกวัน สี่ทุ่มตรงเขาจะออกไปหาปริมลดาที่ร้าน แต่วันนี้พิเศษหน่อย กะเอาไว้ว่าหลังเลิกงานจะชวนเธอไปนั่งคาเฟ่ที่เขานั่งรอเธอเมื่อวาน เป็นคาเฟ่แบบเปิด 24 ชั่วโมง ตกแต่งสไตล์มินิมอลน่ารัก แถมยังมีน้องแมวหลายตัวคอยคลอเคลียมาเล่นกับลูกค้า หากเธอได้เล่นกับเจ้าแมวน้อยพวกนั้น ไม่แน่อาจจะทำให้สบายใจขึ้นก็ได้ รถเก๋งคู่ใจแล่นมาตามทาง ในรถเปิดเพลงรักคลอเคล้าในบรรยากาศคืนวันเสาร์ที่การจราจรพลุกพล่าน แต่คนที่อยู่หลังพวงมาลัยนั้นกลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก เขาดีใจที่ปริมลดาเลิกกับแฟน เขาดีใจที่เธอกลับมาเป็นโสดอีกครั้ง ใช่ เพราะนั่นหมายถึงมันทำให้เขามีโอกาสที่จะจีบเธอติด ตอนที่กลับมาถึงประเทศไทย สิ่งแรกที่จินทำก็คือให้คนตามสืบข่าวพี่สาวคนสวยที่เขาคิดถึง แต่ก็ต้องเศร้าไปหลายวันเพราะคนของเขากลับมารายงานว่าเธอมีแฟนแล้ว ในเมื่อเธอไม่โสด ก็คงจะทำอะไรไม่ได้ เลยเลือกที่จะไปดูหน้าเธอที่ทำงานแทนในทุก ๆ วัน แต่ตอนที่เห็นหน้าคนตัวเล็กครั้งแรกหลังจากที่ไม่เห็นมาถึงสามปี หัวใจที่คิดว่าคงไม่เป็นไรกลับเต้นแรงขึ้น ก้อนเนื้อใต้หน้าอกข้างซ้ายคล้ายกำลังสูบฉีดเลือดอย่างหนักหน่วง ทำให้จินรู้ว่า เขาคงเลิกรักเธอไม่ได้จริง ๆ ครู่ใหญ่ รถก็มาจอดอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อร้านเดิม แต่พอมองเข้าไปข้างใน กลับไม่เห็นร่างบางยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ สายตาคมกวาดมอรอบ ๆ บริเวณข้างนอก ก็ไม่เห็นปริมลดาแม้แต่เงา “อยู่หลังร้านเหรอ” เสียงทุ้มพูดกับตัวเองเบาแผ่ว ก่อนที่จะดับเครื่องยนต์แล้วเดินลงไปดูข้างในร้านให้แน่ใจ เข้ามาแล้วก็กวาดสายตามองรอบ ๆ ร้าน แต่ก็ไม่เห็นเธอเลยไม่ว่าจะเป็นมุมไหนก็ตาม “เอ่อ...ขอโทษนะครับ พี่ปริมไม่อยู่เหรอครับ” จินตัดสินใจถามพนักงานที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ “ไม่อยู่ค่ะ วันนี้ปริมไม่มาทำงาน เห็นบอกว่าไม่สบายก็เลยลาหยุดน่ะ” พนักงานสาวตอบออกมา แล้วหันกลับไปบริการลูกค้าที่ยืนต่อคิวตรงหน้าเคาน์เตอร์ต่อ “ไม่สบายงั้นเหรอ” คนตัวสูงเดินออกมาจากร้าน แล้วรีบล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขากดเบอร์โทรออกหาปริมลดาทันที เป็นห่วง กลัวว่าจะไม่สบายหนัก เผื่อได้ซื้อยาเข้าไปให้ อีกอย่าง ปริมเคยบอกว่าอยู่กับแม่แค่สองคน แถมแม่ยังไม่ค่อยสบาย หากเธอไม่สบายไปอีกคนคงวุ่นวายน่าดู ไม่รู้ใครจะต้องดูแลใคร ตื๊ด ตื๊ด... แต่รอสายอยู่นานก็ไม่มีคนรับสักที นิ้วเรียวยาวกดโทรออกหาเธอซ้ำ ๆ อีกหลายครั้ง ก็ยังไม่มีคนรับสาย จิตใจตอนนี้แทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แล้วก็คิดอะไรบางอย่างออก เขาเลื่อนหาเบอร์โทรเพื่อนสนิทคนเดียวของปริมลดาทันที คราวนี้ รออยู่ไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับสาย “สวัสดีครับพี่รี” //จินเหรอ มีอะไรหรือเปล่า// นรีตอบกลับมา แต่เสียงทางนั้นเหมือนว่าเธอจะอยู่ข้างนอก ทั้งเสียงเพลง ทั้งเสียงคนคุยกัน ผสมปนเปมั่วไปหมด “ผมอยากจะถามว่าบ้านพี่ปริมอยู่ไหนครับ พอดีผมมาหาพี่ปริมที่ร้าน พนักงานบอกว่าพี่ปริมไม่สบาย ผมเลยจะซื้อยาไปให้” //จะไปหาไอ้ปริมที่บ้านทำไม มาหาพี่นี่มา ไอ้ปริมอยู่กับพี่// พอได้ยินคำตอบ จินก็รีบถามสถานที่ที่พวกเธออยู่ทันที ทีแรกเป็นห่วงนึกว่าจะเป็นไข้ แต่ตอนนี้เป็นห่วงยิ่งมากกว่าเดิมอีก เมื่อได้รู้ว่าเธออยู่ในผับกับเพื่อน ๆ ที่มีแต่ผู้หญิงทั้งนั้น เท้าเหยียบคันแร่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่หน้าผับ โอโซน ซึ่งเป็นผับชื่อดังที่เหล่านักศึกษาชอบมาเที่ยวกัน จอดรถเรียบร้อย จินก็รีบก้าวขายาว ๆ เข้าไปด้านใน นัยน์ตาสีน้ำตาลมองหาโต๊ะที่นรีบอกเอาไว้ จนสายตาหันไปเจอกลุ่มหญิงสาวสี่คนที่กำลังเต้นอยู่อย่างสนุกสนาน และหนึ่งในนั้นก็มีปริมลดาอยู่ด้วย “จินนน มาแล้วเหรอ” นรีเอ่ยเรียกชายหนุ่มที่เพิ่งมาถึง น้ำเสียงที่หย่อนยานก็พอจะเดาได้ว่าทั้งหมดคงดื่มกันไปเยอะแล้ว โดยเฉพาะคนที่เข้าต้องการมาหา ใบหน้าสวย ๆ นั้นไม่แม้แต่จะเงยขึ้นมามองหน้าเขาด้วยซ้ำ แถมยังยกแก้วกระดกเครื่องดื่มเข้าปากตัวเองไม่หยุด “พี่ปริม พอแล้วครับ” มือหนาคว้ามือของเธอเอาไว้ ก่อนที่จะยกแก้วเข้าปากตัวเองอีกครั้ง “ครายยอะ...จินเหรอ” เสียงของเธอที่เรียกเขาก็แทบจะไม่ต่างกับเพื่อนซี้เลยสักนิด “ครับ ผมเอง” “มา ๆๆ มาดื่มด้วยกัน” ไม่เพียงแค่พูด แต่ปริมยังพยายามรินเหล้าให้เขาอีกด้วย แต่เพราะความเมาเลยทำให้เหล้าที่ว่าหกลงข้างแก้วมากกว่า “เดี๋ยวผมทำเองครับ” เขาดึงขวดเหล้ามาจากมือคนเมา แล้วรินลงในแก้วตัวเอง สายตาคมมองดูคนตัวเล็กที่เต้นอยู่ข้างกาย แล้วก็ต้องสะดุดกับชุดที่เธอสวมใส่ เสื้อสายเดี่ยวตัวสั้นโชว์เอวคอด คู่กับกางเกงยีนส์ขายาว มันก็ไม่ได้ดูโป๊อะไร แต่ความเว้าของคอเสื้อน่ะสิ มันลึกจนแทบจะเห็นจุกที่อยู่ด้านในแล้ว ลมหายใจถูกพ่นออกมาเบา ๆ ความรู้สึกหวงมันตีขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว “เฮ้ย! พวกแก ฉันกลับก่อนนะ ผัวโทรตามแล้วว่ะ” หนึ่งในเพื่อนสาวที่เต้นอยู่ด้วยกันพูดขึ้น ที่เหลือก็ได้แต่พยักหน้ารับ ไม่นาน เพื่อนอีกคนก็ขอตัวกลับก่อน เหตุผลก็เช่นเดียวกันคนแรก ตอนนี้เหลือเพียง จิน ปริมลดา และนรี อยู่ที่โต๊ะ อาการเมาของสองสาว ยิ่งดึกก็ยิ่งออกเยอะ จนเขาที่เป็นผู้ชายคนเดียวตอนนี้แทบจะดูแลไม่ไหวอยู่แล้ว แต่เพียงไม่นานก็ปรากฎร่างชายหนุ่มอีกคน “รี เมาขนาดนี้เลยเหรอ กลับได้แล้วมั้ง” เขาเอ่ยพูดกับนรีที่ยังเต้นไม่หยุด เมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองแล้วเห็นว่าเป็นใครก็เอาแขนคล้องคอผู้ชายคนนั้นทันที “ที่ร้ากกกก...มาแล้วเหรอ เค้ารออยู่เลย” จากคำเรียก คงจะเป็นแฟนหนุ่มของเธอแน่ ๆ “พี่ขอพารีกลับก่อนนะ” “ครับพี่ เชิญครับ” จินตอบกลับพร้อมพยักหน้าให้อีกฝ่าย นรีกับแฟนกลับไปแล้ว ตอนนี้ก็เหลือเพียงปริมลดากับเขาแค่สองคนเท่านั้น คนเมายังเต้นต่ออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พร้อม ๆ กับมือที่ยกแก้วเหล้ากระดกเข้าปาก “พี่ปริม กลับเถอะครับ เพื่อน ๆ กลับหมดแล้ว” เขารีบแย่งแก้วเหล้าจากมือของเธอ แล้วประคองให้เดินออกมาทางหน้าร้าน ร่างเล็กดิ้นขัดขืนนิดหน่อย เพราะความเมาทำให้ไม่มีแรงจะต่อกรอะไรกับผู้ชายตัวโตได้มากนัก จนสุดท้าย เธอก็ถูกยัดให้เข้ามานั่งอยู่ข้างในรถคันเดิมที่เคยไปส่งที่บ้านเมื่อวาน จินหันมองคนที่นั่งอยู่ตำแหน่งข้างคนขับแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา หัวใจรู้สึกเจ็บเหมือนมีอะไรบีบคั้นอยู่ข้างใน ตอนนี้ปริมลดากำลังร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตาย นั่นจึงทำให้เขารู้ว่าเธอรักผู้ชายคนนั้นมาก “รักมากเหรอครับ ถึงได้เสียใจขนาดนี้” เขาถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แฝงความประชด รู้ว่าไม่มีสิทธิ์อะไร แต่ไม่อาจข่มความรู้สึกอิจฉาเอาไว้ได้ อิจฉาที่เธอรักมันมากขนาดนี้ “รักสิ รักมาก” ปริมตอบออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “แต่ที่ร้องเนี่ยไม่ใช่เพราะรักมากหรอกนะ ร้องเพราะเหตุผลของไอ้ผู้ชายหน้าหม้อนั่นต่างหาก" แม้จะเมา แต่ความรู้สึกเจ็บใจมันก็คับแน่นอยู่ในอก เหตุผลที่เธอไม่ยอมมีอะไรด้วย เพราะเพิ่งคบกันได้มีกี่เดือน อยากจะรอให้นานกว่านี้อีกหน่อย แต่ไอ้ผู้ชายหน้าหม้อคนนั้นกลับเอามาเป็นข้ออ้างในการนอกใจ เป็นใครจะไม่เจ็บใจ “เหตุผลคืออะไรเหรอครับ” จินถามต่อด้วยความอยากรู้ เก็บไว้เป็นข้อมูลในการจีบเธอ “อย่ารู้เลย” ตอบเสร็จก็หันมายิ้มให้บาง ๆ “พี่รู้ว่าเจ้าหมาน้อยจะไม่เป็นแบบนั้นแน่นอน” นิ้วเรียวยกขึ้นมาแล้วดึงแก้มทั้งสองข้างของเขา เหมือนว่าเธอกำลังเล่นกับลูกหมาไม่มีผิด “แน่นอนครับ อะไรที่ทำให้พี่เสียใจ ผมจะไม่มีวันทำมันเด็ดขาด” เขาตอบออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ถึงแม้ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าจะมีสติสัมปชัญญะมากพอที่จะจำได้หรือเปล่า “เจ้าหมาน้อยของพี่ น่ารักที่สุดเลย” น้ำเสียงหย่อนยานตอบกลับมาเพียงเบา ๆ แล้วก็เงียบไป ศีรษะทุยเล็กพิงกับหน้าต่างรถ เธอหลับไปแล้ว “ผมรักพี่นะครับ พี่ปริม” จินพูดออกไปแม้จะรู้ว่าเธอคงไม่ได้ยิน ฝ่ามือดันใบหน้าสวยให้หันมาทางตัวเอง ใบหน้าคมโน้มลงไปใกล้ ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะประทับจูบลงไปบนหน้าผากมนแผ่วเบา “ถ้าพี่ยอมรับรักผมเมื่อไหร่ ผมจะทำให้พี่เป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลกเลย” ///////////////////////////////////////////////////////
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD