ตอนที่ 6
มิเกล
ตอนนี้งานในถ่ายแบบของฉันจากที่มีคิวเกือบทุกวันกลับกลายเป็นไม่มีเลยแม้แต่งานเดียว หลังเลิกเรียนวันนี้ฉันเลยว่างอีกตามเคย
“ไอ้ผู้ชายเฮงซวย”
ฉันก่นด่าฟินิกซ์ แฟนเก่าที่ฉันเคยคิดว่าเขาดีแสนดี ใครจะไปคิดว่าภายใต้หน้าตาหล่อใสแบบนั้นจะร้ายกาจได้ถึงเพียงนี้ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนมีผู้หญิงคนอื่นแท้ๆ แต่กลับมาปล่อยข่าวว่าฉันนอกใจ เป็นผู้หญิงไม่ดีจนงานฉันหดหายหมดแบบนี้
ไม่ใช่ว่าฉันไม่ตอบโต้เขานะ แต่ด้วยการที่เขามีเงินและอำนาจมากกว่ายิ่งฉันสู้ไปก็มีแต่ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ สังคมตอนนี้ คนมีเงินมีอำนาจเท่านั้นแหละที่จะเป็นผู้ชนะ ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างฉันจะไปทำอะไรได้
“อ้าว น้องมิลานคนสวย ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะจ๊ะ ไม่มีงานหรอกเหรอ”
เสียงแบบนี้ ไม่ต้องหันไปมองก็พอจะเดาได้ว่าเป็นใคร
“พี่ฟินิกซ์อย่าไปยุ่งกับผู้หญิงพันนี้เลยค่ะ”
ฉันหันไปมองทั้งคนด้วยใบหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะลุกขึ้นยืน และเดินกระแทกไหล่ทั้งคู่ออกมาจากตรงนั้น ไม่อยากอยู่เสวนาคุยกับคนพวกนี้เดี๋ยวชีวิตจะต่ำตม
“ถ้าเธอยอมคุกเข่าขอโทษฉันผ่านโซเชียล บางทีฉันอาจจะเห็นใจก็ได้นะ”
มือฉันกำแน่นด้วยความโมโห คุกเข่าขอโทษอย่างนั้นเหรอ เขากล้าพูดอย่างนี้ออกมาได้อย่างไรกัน ทั้งๆ ที่เป็นเขานั่นแหละที่ควรทำแบบนั้น
“พลอยว่าคุกเข่าขอโทษยังน้อยไปนะคะ ควรจะคลานเข่าเข้ามาเลยดีกว่า ฮ่าๆ”
เสียงหัวเราะของคนทั้งคู่ทำให้ความอดทนฉันขาดสะบั้น เดินกลับไปสาดน้ำใส่หน้าทั้งคู่ พลอยกรี๊ดออกมา เธอยกมือขึ้นหมายจะตบฉันแต่เพียงชั่ววินาที เธอเปลี่ยนเป็นร้องไห้ออกมาแทนจนฉันถึงกับยืนงง
“ฮึก ทำไมมิเกลต้องทำร้ายพลอยด้วย”
“...”
“ทั้งที่มิเกลเองที่นอกใจพี่ฟินิกซ์ พลอยแค่มาคอยดูแลพี่ฟินิกซ์ในฐานะน้องที่มีความหวังดีเท่านั้น”
“ว่ายังไงนะ” ฉันยิ่งงงหนักไปกว่าเดิมเมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารของเจ้าหล่อน
“มิเกลนี่ร้ายจริงๆ เลยนะ”
“ใช่ มีชู้แล้วยังมารังควานอีก”
เสียงซุบซิบดังขึ้นรอบด้าน ฉันหันมองผู้คนรอบๆ ด้วยความรู้สึกเจ็บ จุกอยู่ข้างในใจ ทั้งที่ฉันเป็นผู้โดยกระทำ ทำไมถึงกลายเป็นฉันที่โดนด่าแบบนี้ล่ะ
“หน้าตาก็ดีแต่หน้าด้านจริงๆ”
ความรู้สึกเจ็บในอก ดันขึ้นมาจนน้ำตาเริ่มเอ่อล้นบริเวณขอบตา ฉันต้องใจแข็งพยายามห้ามไม่ให้มันไหลออกมา
“ปล่อยพวกเราไปเถอะค่ะมิเกล อย่าทำร้ายพี่ฟินิกซ์อีกเลย”
พลอยดึงมือฉันขึ้นไปจับ พูดด้วยสีหน้าอ้อนวอน การแสดงของเธอในตอนนี้เรียกคะแนนสงสารได้จากคนอื่นไปเต็มๆ
การแสดงของพลอยว่าแสแสร้งแล้ว ฟินิกซ์ยิ่งกว่าเธอเสียอีก เขาคุกเข่าลงต่อหน้าฉัน ก้มหน้าลงพร้อมพูดทั้งน้ำตา
“ที่ผ่านมาฟินิกซ์รักมิเกลแต่ถ้ามิลานคิดว่าคนอื่นดีกว่า รวยกว่า ดูแลมิเกลได้มากกว่า ฟินิกซ์คงไม่อาจรั้งมิลานไว้ได้แต่มิเกลอย่ามาทำร้ายพลอยเลยนะ พลอยเขาไม่เกี่ยวจริงๆ”
ฉันมองหน้าฟินิกซ์นิ่ง ไม่คิดเลยว่าผู้ชายที่ฉันเคยคิดว่าเป็นคนดี ผู้ชายที่ฉันคบมาได้เกือบปีแท้จริงแล้วจะเสแสร้งได้ถึงเพียงนี้
ผู้คนต่างเริ่มมุงกันมากขึ้น หลายคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิป และพูดด่าฉันต่างๆนานา ฉันอยากจะตะโกนออกไปว่าคนตรงหน้าฉันตอแหลแค่ไหนแต่กลับทำไม่ได้ แม้แต่แรงจะขยับปากยังไม่มีเลย
“อย่าถ่ายคลิปเลยนะครับ ผมไม่อยากให้มิเกลเสียหาย”
“ตอแหล!”
ฉันสะบัดมือออกและตะโกนออกมาเสียงดังอย่างเหลืออด เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นอีกครั้ง ฉันหลับตาลงเพื่อข่มอารมณ์
พรุ่งนี้คลิปฉันและฟินิกซ์คงกระจายทั่วโซเชียลเป็นแน่ ในขณะที่หัวสมองของฉันเหมือนว่างเปล่า คิดอะไรไม่ออก อยู่ๆ ก็มีมือหนึ่งดึงฉันออกจากตรงนั้น
“นี่คุณ”
“ไม่ต้องพูด ตามฉันมา”
ผู้ชายคนที่ดึงฉันออกมาเป็นผู้ชายหน้าหล่อแต่สติไม่ค่อยดี คนนั้นที่มาทานข้าวร้านพี่มิลินเมื่อสองวันก่อน
ตอนนี้เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน และเขากำลังจะลากฉันไปไหน ไม่ทันที่ฉันจะได้ตามอะไร เราทั้งคู่ก็เดินมาถึงรถตู้สีดำ ประตูรถตู้เปิดออกก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะจับฉันยัดเข้าไปด้านใน
“โอ๊ย เบาๆ สิคุณ”
“สำออย”
บรรยากาศภายในรถตู้เย็นเฉียบ ฉันมองไปรอบๆ รถอย่างหวาดระแวง ด้านหน้ามีคนขับรถหนึ่งคนและผู้ชายในชุดยูนิฟอร์มดำที่ฉันเจอที่ร้านพี่นิลินส่วนในห้องโดยสารมีเพียงฉันและผู้ชายหน้าหล่อสติไม่ดี
“จะให้ฉันจัดการยังไง”
“จัดการอะไรเหรอ?”
ฉันถามขึ้นด้วยความสงสัย ไม่ใช่ว่าเขาจะจับฉันกลับไปโรงพยาบาลบ้ากับเขาด้วยหรอกนะ ฉันยังไม่อยากไปกินน้ำแร่เถือกเขาหิมาลัยอะไรนั่น
“ไอ้ผู้ชายที่ทำเธออับอายคนนั้น ให้ฉันส่งคนไปเก็บมันเลยมั้ย”
ดวงตาฉันเบิกกว้าง รีบยกมือขึ้นห้ามพร้อมทั้งส่งยิ้มให้เขา
“ใจเย็นก่อนคุณ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก”
“แต่มันทำเธอร้องไห้!”
ฉันสะดุ้งเล็กน้อย บ้าไปแล้ว ทั้งที่เราไม่ได้รู้จักฉันสักนิด ทำไมเขาต้องมาเป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนี้ด้วยนะ หรือเขาหลงรักในฝีมือการทำไข่ลูกสะใภ้ของฉันจนเข้าขั้นบ้าไปแล้ว
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้คุณ ว่าแต่คุณมาที่นี่ได้ยังไง?”
ใบหน้าหล่อเลิ่กลั่กเล็กน้อยเมื่อฉันถามคำถามนี้ออกไป เขาหันมองซ้าย ขวาก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“เอ่อก็… ฉันแค่จะไป… ไป… เอ่อ…”
“อย่าบอกนะว่าคุณยังเรียนไม่จบ”
“ตลกเหอะ ฉันจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งนะจะบอกให้”
“อ้อ แล้วตกลงคุณไปที่มหาวิทยาลัยฉันด้วยเหตุผลอะไร”
“ฉันแค่คิดว่าจะไปซื้อมหาวิทยาลัย ใช่จะไปซื้อมหาวิทยาลัย”
คำตอบของเขาทำเอาฉันถึงกับเบิกตากว้าง สงสัยว่าเขาคงเป็นคนไม่ปกติจริงๆ นั่นแหละ
“เอาเถอะ ไม่ว่าคุณจะไปด้วยเหตุผลอะไรแต่ยังไงก็ขอบคุณนะที่ช่วยฉันออกมาจากตรงนั้น”
ผู้ชายคนนั้นมองหน้าฉันนิ่ง ฉันเลยส่งยิ้มกว้างให้เขาแทนคำขอบคุณอีกครั้ง เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นว่ารถขับมาถึงหน้าบ้านฉันแล้ว ฉันจึงขอบคุณเขาอีกครั้ง
“ขอบคุณที่มาส่งฉันด้วยนะ”
ขณะที่ฉันกำลังจะเอื้อมไปเปิดประตูรถ ผู้ชายคนดันก็ขยับตัวมาดักฉันไว้ เราทั้งคู่มองตากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเขาจะโน้มตัวลงมาจูบฉัน เดิมทีฉันตั้งใจจะผลักเขาออกไปแต่ไม่รู้ทำไมร่างกายถึงรู้สึกคุ้นชินกับสัมผัสแสนหวานนี้เหลือเกิน
มือที่ตอนแรกตั้งใจจะผลักอกเขากลายเป็นเลื่อนมาโอบรอบคอเขาแทน ความหวานละมุนลอยฟุ้งไปทั่วอากาศ บรรยากาศเย็นเฉียบก่อนหน้านี้กลายเป็นอบอุ่นอย่างน่าประหลาด
“ลงไปได้แล้ว”
“...”
“ถ้ายังนั่งอยู่ ฉันคงหยุดแค่นี้ไม่ได้แน่”
———————