ตอนที่6

1310 Words
ตอนที่ 6 มิเกล ตอนนี้งานในถ่ายแบบของฉันจากที่มีคิวเกือบทุกวันกลับกลายเป็นไม่มีเลยแม้แต่งานเดียว หลังเลิกเรียนวันนี้ฉันเลยว่างอีกตามเคย “ไอ้ผู้ชายเฮงซวย” ฉันก่นด่าฟินิกซ์ แฟนเก่าที่ฉันเคยคิดว่าเขาดีแสนดี ใครจะไปคิดว่าภายใต้หน้าตาหล่อใสแบบนั้นจะร้ายกาจได้ถึงเพียงนี้ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนมีผู้หญิงคนอื่นแท้ๆ แต่กลับมาปล่อยข่าวว่าฉันนอกใจ เป็นผู้หญิงไม่ดีจนงานฉันหดหายหมดแบบนี้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ตอบโต้เขานะ แต่ด้วยการที่เขามีเงินและอำนาจมากกว่ายิ่งฉันสู้ไปก็มีแต่ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ สังคมตอนนี้ คนมีเงินมีอำนาจเท่านั้นแหละที่จะเป็นผู้ชนะ ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างฉันจะไปทำอะไรได้ “อ้าว น้องมิลานคนสวย ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะจ๊ะ ไม่มีงานหรอกเหรอ” เสียงแบบนี้ ไม่ต้องหันไปมองก็พอจะเดาได้ว่าเป็นใคร “พี่ฟินิกซ์อย่าไปยุ่งกับผู้หญิงพันนี้เลยค่ะ” ฉันหันไปมองทั้งคนด้วยใบหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะลุกขึ้นยืน และเดินกระแทกไหล่ทั้งคู่ออกมาจากตรงนั้น ไม่อยากอยู่เสวนาคุยกับคนพวกนี้เดี๋ยวชีวิตจะต่ำตม “ถ้าเธอยอมคุกเข่าขอโทษฉันผ่านโซเชียล บางทีฉันอาจจะเห็นใจก็ได้นะ” มือฉันกำแน่นด้วยความโมโห คุกเข่าขอโทษอย่างนั้นเหรอ เขากล้าพูดอย่างนี้ออกมาได้อย่างไรกัน ทั้งๆ ที่เป็นเขานั่นแหละที่ควรทำแบบนั้น “พลอยว่าคุกเข่าขอโทษยังน้อยไปนะคะ ควรจะคลานเข่าเข้ามาเลยดีกว่า ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะของคนทั้งคู่ทำให้ความอดทนฉันขาดสะบั้น เดินกลับไปสาดน้ำใส่หน้าทั้งคู่ พลอยกรี๊ดออกมา เธอยกมือขึ้นหมายจะตบฉันแต่เพียงชั่ววินาที เธอเปลี่ยนเป็นร้องไห้ออกมาแทนจนฉันถึงกับยืนงง “ฮึก ทำไมมิเกลต้องทำร้ายพลอยด้วย” “...” “ทั้งที่มิเกลเองที่นอกใจพี่ฟินิกซ์ พลอยแค่มาคอยดูแลพี่ฟินิกซ์ในฐานะน้องที่มีความหวังดีเท่านั้น” “ว่ายังไงนะ” ฉันยิ่งงงหนักไปกว่าเดิมเมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารของเจ้าหล่อน “มิเกลนี่ร้ายจริงๆ เลยนะ” “ใช่ มีชู้แล้วยังมารังควานอีก” เสียงซุบซิบดังขึ้นรอบด้าน ฉันหันมองผู้คนรอบๆ ด้วยความรู้สึกเจ็บ จุกอยู่ข้างในใจ ทั้งที่ฉันเป็นผู้โดยกระทำ ทำไมถึงกลายเป็นฉันที่โดนด่าแบบนี้ล่ะ “หน้าตาก็ดีแต่หน้าด้านจริงๆ” ความรู้สึกเจ็บในอก ดันขึ้นมาจนน้ำตาเริ่มเอ่อล้นบริเวณขอบตา ฉันต้องใจแข็งพยายามห้ามไม่ให้มันไหลออกมา “ปล่อยพวกเราไปเถอะค่ะมิเกล อย่าทำร้ายพี่ฟินิกซ์อีกเลย” พลอยดึงมือฉันขึ้นไปจับ พูดด้วยสีหน้าอ้อนวอน การแสดงของเธอในตอนนี้เรียกคะแนนสงสารได้จากคนอื่นไปเต็มๆ การแสดงของพลอยว่าแสแสร้งแล้ว ฟินิกซ์ยิ่งกว่าเธอเสียอีก เขาคุกเข่าลงต่อหน้าฉัน ก้มหน้าลงพร้อมพูดทั้งน้ำตา “ที่ผ่านมาฟินิกซ์รักมิเกลแต่ถ้ามิลานคิดว่าคนอื่นดีกว่า รวยกว่า ดูแลมิเกลได้มากกว่า ฟินิกซ์คงไม่อาจรั้งมิลานไว้ได้แต่มิเกลอย่ามาทำร้ายพลอยเลยนะ พลอยเขาไม่เกี่ยวจริงๆ” ฉันมองหน้าฟินิกซ์นิ่ง ไม่คิดเลยว่าผู้ชายที่ฉันเคยคิดว่าเป็นคนดี ผู้ชายที่ฉันคบมาได้เกือบปีแท้จริงแล้วจะเสแสร้งได้ถึงเพียงนี้ ผู้คนต่างเริ่มมุงกันมากขึ้น หลายคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิป และพูดด่าฉันต่างๆนานา ฉันอยากจะตะโกนออกไปว่าคนตรงหน้าฉันตอแหลแค่ไหนแต่กลับทำไม่ได้ แม้แต่แรงจะขยับปากยังไม่มีเลย “อย่าถ่ายคลิปเลยนะครับ ผมไม่อยากให้มิเกลเสียหาย” “ตอแหล!” ฉันสะบัดมือออกและตะโกนออกมาเสียงดังอย่างเหลืออด เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นอีกครั้ง ฉันหลับตาลงเพื่อข่มอารมณ์ พรุ่งนี้คลิปฉันและฟินิกซ์คงกระจายทั่วโซเชียลเป็นแน่ ในขณะที่หัวสมองของฉันเหมือนว่างเปล่า คิดอะไรไม่ออก อยู่ๆ ก็มีมือหนึ่งดึงฉันออกจากตรงนั้น “นี่คุณ” “ไม่ต้องพูด ตามฉันมา” ผู้ชายคนที่ดึงฉันออกมาเป็นผู้ชายหน้าหล่อแต่สติไม่ค่อยดี คนนั้นที่มาทานข้าวร้านพี่มิลินเมื่อสองวันก่อน ตอนนี้เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน และเขากำลังจะลากฉันไปไหน ไม่ทันที่ฉันจะได้ตามอะไร เราทั้งคู่ก็เดินมาถึงรถตู้สีดำ ประตูรถตู้เปิดออกก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะจับฉันยัดเข้าไปด้านใน “โอ๊ย เบาๆ สิคุณ” “สำออย” บรรยากาศภายในรถตู้เย็นเฉียบ ฉันมองไปรอบๆ รถอย่างหวาดระแวง ด้านหน้ามีคนขับรถหนึ่งคนและผู้ชายในชุดยูนิฟอร์มดำที่ฉันเจอที่ร้านพี่นิลินส่วนในห้องโดยสารมีเพียงฉันและผู้ชายหน้าหล่อสติไม่ดี “จะให้ฉันจัดการยังไง” “จัดการอะไรเหรอ?” ฉันถามขึ้นด้วยความสงสัย ไม่ใช่ว่าเขาจะจับฉันกลับไปโรงพยาบาลบ้ากับเขาด้วยหรอกนะ ฉันยังไม่อยากไปกินน้ำแร่เถือกเขาหิมาลัยอะไรนั่น “ไอ้ผู้ชายที่ทำเธออับอายคนนั้น ให้ฉันส่งคนไปเก็บมันเลยมั้ย” ดวงตาฉันเบิกกว้าง รีบยกมือขึ้นห้ามพร้อมทั้งส่งยิ้มให้เขา “ใจเย็นก่อนคุณ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก” “แต่มันทำเธอร้องไห้!” ฉันสะดุ้งเล็กน้อย บ้าไปแล้ว ทั้งที่เราไม่ได้รู้จักฉันสักนิด ทำไมเขาต้องมาเป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนี้ด้วยนะ หรือเขาหลงรักในฝีมือการทำไข่ลูกสะใภ้ของฉันจนเข้าขั้นบ้าไปแล้ว “ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้คุณ ว่าแต่คุณมาที่นี่ได้ยังไง?” ใบหน้าหล่อเลิ่กลั่กเล็กน้อยเมื่อฉันถามคำถามนี้ออกไป เขาหันมองซ้าย ขวาก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก “เอ่อก็… ฉันแค่จะไป… ไป… เอ่อ…” “อย่าบอกนะว่าคุณยังเรียนไม่จบ” “ตลกเหอะ ฉันจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งนะจะบอกให้” “อ้อ แล้วตกลงคุณไปที่มหาวิทยาลัยฉันด้วยเหตุผลอะไร” “ฉันแค่คิดว่าจะไปซื้อมหาวิทยาลัย ใช่จะไปซื้อมหาวิทยาลัย” คำตอบของเขาทำเอาฉันถึงกับเบิกตากว้าง สงสัยว่าเขาคงเป็นคนไม่ปกติจริงๆ นั่นแหละ “เอาเถอะ ไม่ว่าคุณจะไปด้วยเหตุผลอะไรแต่ยังไงก็ขอบคุณนะที่ช่วยฉันออกมาจากตรงนั้น” ผู้ชายคนนั้นมองหน้าฉันนิ่ง ฉันเลยส่งยิ้มกว้างให้เขาแทนคำขอบคุณอีกครั้ง เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นว่ารถขับมาถึงหน้าบ้านฉันแล้ว ฉันจึงขอบคุณเขาอีกครั้ง “ขอบคุณที่มาส่งฉันด้วยนะ” ขณะที่ฉันกำลังจะเอื้อมไปเปิดประตูรถ ผู้ชายคนดันก็ขยับตัวมาดักฉันไว้ เราทั้งคู่มองตากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเขาจะโน้มตัวลงมาจูบฉัน เดิมทีฉันตั้งใจจะผลักเขาออกไปแต่ไม่รู้ทำไมร่างกายถึงรู้สึกคุ้นชินกับสัมผัสแสนหวานนี้เหลือเกิน มือที่ตอนแรกตั้งใจจะผลักอกเขากลายเป็นเลื่อนมาโอบรอบคอเขาแทน ความหวานละมุนลอยฟุ้งไปทั่วอากาศ บรรยากาศเย็นเฉียบก่อนหน้านี้กลายเป็นอบอุ่นอย่างน่าประหลาด “ลงไปได้แล้ว” “...” “ถ้ายังนั่งอยู่ ฉันคงหยุดแค่นี้ไม่ได้แน่” ———————
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD