เริ่มต้น

2207 Words
เพียงขวัญและคณินทร์สองพี่น้องยังคงเปิดร้านขายอาหารเป็นปกติ มีลูกค้าบ้างไม่มีบ้าง ต้องลุ้นกันเป็นวันๆไป ส่วนนายคำนึงมีอาการทรงกับทรุด นางขนิษฐาทุกข์ใจมาก สองคนเห็นลูกทำงานเปิดร้าน วันไหนมีลูกค้าก็ดี วันไหนลูกค้าน้อยก็เศร้ากันทั้งคู่ เพียงขวัญบอกให้น้องชายปิดร้านเมื่อเวลาบ่ายสามโมง ตั้งแต่เช้าขายข้าวได้สองจาน และดูว่าจะเงียบ เธอมีโอกาสได้คุยกับเจ้าของร้านอาหารหน้าปากซอยเข้าบ้าน เขาขึ้นป้ายปิดกิจการ หลายร้าน ทุกคนสู้ไม่ไหว อยากขายแต่ไม่มีคนซื้อ ยิ่งเห็นแบบนั้นยิ่งทำให้เพียงขวัญเครียด งานที่หว่านใบสมัครไว้ เรียกไปสัมภาษณ์แต่ไม่มีการติดต่อกลับมา เธอไม่อยากไปทำงานที่เดียวกับอาวุธ เธอรู้ว่าเขาสามารพาเธอเข้าไปทำงานได้ เงินเดือนดีด้วย แต่นั่นหมายความว่าเธอต้องใกล้ชิดกับเขา หญิงสาวไม่ได้ชอบนิสัยของเขานัก นอนไม่หลับคิดมากไม่มีทางออก “พี่ขวัญโทรศัพท์ครับ ดังตั้งนานแล้วไม่ได้ยินเหรอครับพี่” “พี่ไม่ได้ยินเลยมัวแต่คิดอะไรเพลินๆขอบใจนะเขต”เพียงขวัญรับโทรศัพท์จากน้องชาย นึกสงสัยว่าใครโทรหาเธอ แอบดีใจว่าอาจเป็นบริษัทฯที่เคยไปสมัครงานไว้ติดต่อมา “สวัสดีค่ะ เพียงขวัญพูดสายค่ะ” หญิงสาวได้แต่รับคำ ปลายสายวางไปแล้วเพียงขวัญเหมือนจะวูบ แต่พยายามกัดฟันพาตัวเองเดินกลับไปที่ห้องพัก นึกขอบคุณปลายสายที่เลือกโทรหาเธอ ไม่โทรหาพ่อหรือแม่ พรุ่งนี้เธอต้องเข้าไปคุยกับบริษัทฯที่เป็นเจ้าหนี้ หญิงสาวเตรียมเอกสารสำคัญที่เกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน เธอขอแม่กับพ่อมาไว้สักพักแล้ว นั่งดูนอนดูเกือบทุกคืนว่าจะหาเงินจากที่ไหนมาจ่ายเจ้าหนี้ เช้าวันใหม่ เพียงขวัญปิดร้านอีกวัน บอกกับทุกคนว่าออกไปสัมภาษณ์งาน พ่อกับแม่อวยพรให้เธอได้งาน คณินทร์อาสาขับรถไปส่งพี่สาว แต่หญิงสาวไม่อยากสิ้นเปลือง เอารถออกก็ต้องใช้น้ำมัน เก็บน้ำมันไว้ใช้ยามจำเป็นดีกว่า เลือกที่จะนั่งรถเมล์เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ใช้เวลาพูดคุยไม่นาน เพียงขวัญเดินทางกลับบ้านตัวเบา ทนายความแจ้งกับเธอเรื่องบ้านที่เธออยู่หลังจากหักหนี้สินแล้วเธอยังต้องหาเงินใช้หนี้อีกจำนวนห้าแสนบาทและให้โอกาสเธอผ่อนชำระหนี้ได้ แต่มีข้อแม้ว่าเธอต้องทำงานกับบริษัทฯของเจ้าหนี้เท่านั้น และต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด เพียงขวัญคิดไม่นาน จำนวนเงินห้าแสนบาท ใช้เวลาหนึ่งปีครึ่ง รายละเอียดการทำงานทนายความได้แจ้งให้เธอทราบแล้ว ทุกอย่างมีสัญญา เงินเดือนๆละห้าหมื่นบาท หักหนี้จากเงินเดือนเดือนละสี่หมื่น เธอจะเหลือใช้หนึ่งหมื่นบาทกินอยู่พร้อม หยุดเสาร์อาทิตย์ สัญญาและข้อเสนอเหมือนจะงงๆ หญิงสาวตัดสินใจตอบตกลงและเซ็นสัญญาทันที เริ่มต้นทำงานต้นเดือนที่จะถึงนี้นึกไม่ถึงว่าเจ้าหนี้จะใจดีให้ครอบครัวเธออาศัยอยู่ที่บ้านต่อได้ และครอบครัวเธอยังสามารถเปิดร้านขายอาหารได้ หญิงสาวโล่งอกโล่งใจที่ไม่ต้องไปทำงานที่เดียวกับอาวุธ ปีครึ่งหนี้ก็จะหมด เงินทุกเดือนเหลือหนึ่งหมื่นบาท ไม่เป็นไรเธอจะอดทน อย่างน้อยช่วงที่เธอไปทำงาน น้องชายอยู่ในช่วงปิดเทอมใหญ่ ยังสามารถดูพ่อกับแม่ได้ เธอยังพอมีเงินเก็บ และยังมีทองคำบางส่วนที่แม่เคยซื้อให้เมื่อสมัยที่ยังพอมีเงิน หญิงสาวไม่ได้บอกใคร เก็บไว้ยามฉุกเฉิน เคยคิดว่าจะขายแล้วเอาเงินมาเพื่อเป็นการผ่าตัดพ่อ แต่คำนวณดูแล้วไม่น่าจะพอ หากจำเป็นจริงเธอจะขายนำเงินมาเป็นค่าเทอม และมอบให้พ่อกับแม่ไว้ใช้จ่าย เสาร์อาทิตย์เธอยังสามารถกลับมาบ้านเพื่อเยี่ยมครอบครัวได้ จันทบุรี เป็นสถานที่ที่เธอต้องไปทำงาน ต้องหาข้อมูลของจังหวัดนี้ ถ้าพ่อกับแม่รู้เรื่องที่เธอมาคุยกับเจ้าหนี้ และผลออกมาเป็นบวกทั้งสองคนคงจะสบายใจมากยิ่งขึ้น เธอเครียดมานานเครียดมาก เพิ่งจะโล่งวันนี้ เพียงขวัญยิ้มออกมาได้ ขนาดเธอยังโล่ง เชื่อว่าพ่อกับแม่คงจะโล่งใจมากเหมือนกับเธอ หญิงสาวตรงกลับบ้านเพื่อแจ้งข่าวดีกับทุกคนทันที หวังว่าพ่อกับแม่จะดีขึ้น เมื่อได้ยินข่าวดี “จริงเหรอหนูขวัญ หนี้เราเหลือเท่านั้นจริงๆใช่ไหม”นายคำนึงและนางขนิษฐาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ลูกสาวคนโตของเขาไปพูดคุยกับเจ้าหนี้ เป็นข่าวดีที่สุด “จริงๆค่ะแม่ นี่ไงคะสัญญา ขวัญเซ็นมาแล้ว และสิ้นเดือนนี้ขวัญต้องเดินทางไปทำงานที่ต่างจังหวัด ช่วงที่ทำงานยังสามารถกลับบ้านมาเยี่ยมบ้านได้ด้วยนะคะ” “นี่พ่อรู้สึกดีขึ้นมาทันทีเลยนะลูก เหมือนว่าหายป่วยแล้วเลย” ทุกคนดีใจโล่งใจ สี่คนพ่อแม่ลูกพูดคุยกันจนเกือบเที่ยงคืน เหลือเวลาอีกสองอาทิตย์ เพียงขวัญจะใช้เวลานี้อยู่กับครอบครัวให้เต็มที่ก่อนที่จะเดินทางไปทำงาน เวลาสมัยนี้ผ่านไปรวดเร็วมากปีครึ่งไม่นานเลย หญิงสาวตั้งใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ไม่ว่าจะเจออะไรเธอจะอดทนให้ถึงที่สุด เพียงขวัญเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้า หญิงสาวเตรียมไปแค่สำหรับใช้หนึ่งเดือน ตั้งใจจะกลับมาเยี่ยมบ้านเดือนละครั้ง จันทบุรี ไกลจากกรุงเทพฯเหมือนกัน ถ้าเธอเดินทางทุกเดือนค่ารถคงหลายบาท ไม่รู้ว่าปลายทางจะเป็นยังไง แค่อยากใช้หนี้ให้หมดเร็วๆแอบหวั่นใจ แต่เมื่อตัดสินใจแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด เพียงขวัญและคณินทร์ช่วยกันเก็บล้างอุปกรณ์ทุกอย่างที่อยู่ในร้านเก็บเข้าลัง รู้สึกใจหายกับอาชีพของครอบครัวที่ต่อไปนี้จะไม่มีใครทำแล้ว พ่อกับแม่เธออ่อนแรงลงทุกวัน ความหวังของทุกคนอยู่ที่เธอ หวังว่าเมื่อเวลาที่เธอใช้หนี้หมด เมื่อนั้นครอบครัวของเธอคงมีความสุขมากกว่านี้ และแล้วก็ถึงวันที่เพียงขวัญจะต้องออกเดินทางไปทำงานที่จันทบุรี ทนายความนัดให้เธอมารอที่หน้าห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน จะมีคนมารับไปส่งที่บริษัทฯที่จันทบุรี หญิงสาวกราบลาพ่อกับแม่ คณินทร์ขับรถมาส่งพี่สาว เขาใจหาย สงสารพี่สาวที่ต้องไปทำงานไกล ห่างครอบครัว แต่เขาเชื่อว่าพี่สาวเขาจะปลอดภัย และเมื่อทำงานครบสัญญา พี่ขวัญของเขาจะกลับมาอยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุขเหมือนเดิม เพียงขวัญเดินทางพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าเพียงหนึ่งใบ หญิงสาวให้น้องชายเดินทางกลับบ้านได้เลย เพราะไม่อยากเสียน้ำตา พยายามทำใจให้เข้มแข็ง เพื่อครอบครัว เธอจะอดทนไม่ว่าวันข้างหน้าจะเจออะไรก็ตาม เกือบสามสิบนาที มีรถกระบะข้างรถเขียนว่า ไร่เกียรติก้องไพศาล รถจอดนิ่ง สักพักมีผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ สวมกางเกงยีน เสื้อยีนสีเดียวกัน สวมแว่นกันแดดสีดำ เดินตรงมาหาเธอ “คุณเพียงขวัญ ใช่ไหม” “ใช่ค่ะ” “คุณสมหมายให้ผมมารับคุณไปที่ไร่ เกียรติก้องไพศาล เชิญ” หญิงสาวลากกระเป๋าตามผู้ชายคนนั้นไปที่รถ เขาไม่ช่วยเธอเลย ขึ้นไปนั่งที่คนขับ ไม่เป็นไรเธอไหว หน้าตาเขาไม่เป็นมิตร ขวัญเอ้ย แค่คนมารับก็ดูแปลกๆแล้ว ทำเหมือนไม่อยากมารับ ไม่พอใจ ไม่เต็มใจ ช่างเถอะเธอไม่สนใจหรอก ตอนนี้อยากไปให้ถึงที่ทำงานเร็วๆจะได้ทำงาน “อุ้ย....”เพียงขวัญยังไม่ทันที่จะปิดประตูรถให้เรียบร้อย คนขับรถก็พารถพุ่งทะยานตรงไปข้างหน้า หญิงสาวหงายหลัง นั่นทำให้เธอรีบคาดเข็มขัดแทบไม่ทัน ได้แต่คิดในใจว่าเขาจะรีบไปไหนของเขา เสียงโทรศัพท์ของเพียงขวัญดังขึ้นรัวๆหญิงสาวควานหา มันร่วงลงไปอยู่ที่ปลายเท้าของเธอเมื่อตอนที่คนขับรถ พารถพุ่งทะยานไปข้างหน้า ทนายสมหมายโทรมา “สวัสดีครับคุณเพียงขวัญ ผมเองสมหมาย มีรถไปรับแล้วใช่ไหมครับ” “ใช่ค่ะ กำลังเดินทาง” “ดีครับ งั้นเดี๋ยวเจอกันที่ไร่นะครับ น่าจะใช้เวลาเดินทางประมาณ สามชั่วโมง แล้วเดี๋ยวเจอกันนะครับ” “ค่ะ สวัสดีค่ะ”เพียงขวัญเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าอย่างดี เธอไม่ไว้ใจคนขับรถนัก หน้าตาก็เถื่อนๆไม่พูดไม่จา ตั้งใจขับรถอย่างเดียว เธอขับรถเป็น รู้เลยว่าผู้ชายคนนี้ขับรถได้ห่วยมาก ทำไมไร่ที่ดูใหญ่โตถึงได้จ้างพนักงานขับรถนิสัยแย่ๆแบบนี้นะ ได้แต่คิดในใจไม่กล้าพูดอะไรออกมา จากที่เธอได้ศึกษาเส้นทาง แผนที่ น่าจะใช้เวลาไม่ประมาณสามชั่วโมง แต่ดูจากการขับรถของผู้ชายคนนี้แล้ว น่าจะใช้เวลามากกว่านั้น ดูเขาขับรถแบบใจเย็นมาก กว่าจะออกจากกรุงเทพฯได้ก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยง เพียงขวัญไม่เข้าใจว่าเขารู้เส้นทางไหม เขาพาเธอเข้าไปอยู่ในดงรถติด ไม่เข้าใจว่าเขาจะขับเข้าเมืองทำไม แทนที่จะหาทางออกนอกเมืองไปตามทาง มัวแต่ไปเสียเวลารถติด “คุณคะ ทำไมไม่ไปอีกทางคะ นี่เรากำลังเข้าไปใจกลางเมืองกรุงเทพฯเลยนะคะ “ “เงียบเถอะน่า ไม่ต้องพูดมากหรอก ยังไงก็ถึง ฉันเป็นคนขับรถฉันรู้ทางดี” เพียงขวัญอ้าปากค้าง กับคำตอบ ทำไมเสียงผู้ชายคนนี้คุ้นจังเลย ท่าทางของเขาก็คุ้น หญิงสาวหันไปมองคนที่กำลังขับรถ พิจารณาหน้าตาของเขา หญิงสาวใจเต้นแรง เธอจำได้แล้วผู้ชายคนที่เธอเดินชนเขา และเขาไปกินข้าวที่ร้านเธอ เขาทำให้เธอกลัว “มองอะไร เสียมารยาท จ้องอยู่ได้” “เอ้อ....ขอโทษนะคะ เราเคยเจอกันไหมคะ ฉันว่าฉันเคยเห็นคุณ” “อย่าสำคัญตัวเองผิดไปหน่อยเลย โลกนี้ตั้งกว้างขวางทำไมฉันต้องเคยเจอกับเธอไม่ทราบ” เพียงขวัญนิ่งเงียบ สัญญากับตัวเองว่าตั้งแต่นี้ต่อไปเธอจะไม่พูดอะไรอีกแล้วเขาน่ากลัวเกินไป เพียงขวัญนี่เธอจะหนีเสือปะจระเข้หรือเปล่านะ เริ่มไม่ไว้ใจคนข้างๆ เขาเป็นใครกัน เป็นคนขับรถ ทำไมพูดเหมือนโกรธหรือไม่พอใจ เธอจำเขาได้ เสียงเขาเธอก็จำได้ต้องเป็นคนเดียวกันแน่นอน แต่เรื่องอะไรเขาต้องไม่พอใจเธอด้วย เสียงโทรศัพท์ของเธอดังรัวๆพี่อาวุธ “สวัสดีค่ะพี่อาวุธ” “ขวัญอยู่ไหน พี่มาหาที่บ้านเขตบอกว่าขวัญไปทำงานต่างจังหวัด ไปทำที่ไหน ทำไมไม่บอกกันบ้าง “ “เอ่อ...ขวัญขอโทษค่ะพี่อาวุธ พอดีขวัญได้งานที่ต่างจังหวัดแล้ว ขอโทษอีกครั้งนะคะ” “ขวัญทำแบบนี้ได้ยังไงกัน พี่อุตสาห์ไปคุยกับเจ้านายให้แล้วนะ พี่มิเสียเหรอ” “พี่อาวุธ ขวัญขอโทษนะคะที่ไปทำงานด้วยไม่ได้ ขวัญมีเหตุผลค่ะ ขวัญขอวางสายนะคะพอดีกำลังเดินทางค่ะ” “แฟนเหรอ” เพียงขวัญนิ่ง ไม่ตอบ เรื่องอะไรมาถามดื้อๆแบบนี้ไม่ได้รู้จักสักหน่อย” “ฉันถามว่าแฟนเหรอ” “เพียงขวัญ ได้ยินไหมว่าฉันถามว่าคนที่โทรหาเธอเมื่อกี้ แฟนเธอเหรอ” เพียงขวัญงง ตานี่เป็นอะไร เป็นใครกันแน่ ทำไมถึงกล้าพูดกับเธอแบบนี้ “ว่ายังไง คนที่โทรมาเป็นใคร”เขาไม่ถามเปล่าแต่กลับจอดรถนิ่งอยู่อย่างนั้น เพียงขวัญตกใจ เริ่มรู้สึกไม่ไว้ใจผู้ชายคนนี้ นี่เธอมากับเขาได้ยังไงกัน พยายามที่จะต่อสายหาทนายสมหมาย “ว้าย...จะบ้าเหรอคุณเอาโทรศัพท์ฉันคืนมานะ”เพียงขวัญตกใจที่อยู่ๆผู้ชายคนนั้นก็ดึงโทรศัพท์ออกไปจากมือของเธอ “ถ้าเธอไม่บอก ฉันก็ไม่คืน” “ไม่ใช่ค่ะแค่คนรู้จัก” “แค่นั้นแหละ”เขายื่นโทรศัพท์คืนให้เธอง่ายๆทำเอาหญิงสาวงงหนักมาก ไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิดที่ตัดสินใจนั่งรถมากับเขา แต่คุณสมหมายก็ไม่ได้บอกหรือเตือนอะไรเธอนะ เอาเป็นว่าอยู่นิ่งๆล่ะกัน ขอแค่เขาอย่าทำร้ายเธอก็พอ จะขับรถช้าหรือขับรถเร็วก็ไม่เป็นไร ถึงเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นขอให้เธอปลอดภัยก็พอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD