“ถ้าจะขนของมาเยอะขนาดนี้ ทำไมเธอไม่เอาบ้านใส่กระเป๋ามาด้วยเลยล่ะ” บาสเตียนยืนดื่มน้ำและมองกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบของกณิศา ที่เธอเพิ่งลากเข้ามาในเพนท์เฮาส์สุดหรู เขายังอยู่ในชุดเดิม เพียงแต่ชายเสื้อเชิ้ตถูกดึงออกมาด้านนอก เพื่อเพิ่มความสบายให้ตัวเอง
“ฉันมีชุดทำงานมาด้วย”
“ชุดทำงาน? ชุดแม่บ้านแบบในหนังเอวีเหรอ” บาสเตียนตา ลุกวาวอย่างเก็บไม่อยู่ หูผึ่งทันทีที่ได้ยิน
“ชุดทำงานของฉัน ฉันมีงานต้องทำ ฉันจะไม่ทำงานบ้านให้คุณเฉยๆ หรอกนะ ฉันต้องหาเงินมาใช้หนี้คุณด้วย”
“ใครบอกเธอว่าฉันจะให้ออกจากที่นี่ไปทำงานอื่น”
“ไม่ได้นะคุณ ฉันต้องทำงาน ไม่งั้นฉันจะเอาเงินจากไหนมาใช้หนี้คุณ”
“งานของเธอคืออะไร อย่าบอกนะว่าเป็นนักต้มตุ๋นเหมือนพี่ชาย” บาสเตียนวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ เดินตรงมาหากณิศาที่ยังยืนอยู่ที่เดิม เขากอดอกยืนพิจารณาว่ารูปร่างหน้าตาที่เห็นตรงหน้ามีอาชีพอะไร
“นักบัญชี”
“โอ้โห! มิน่าล่ะเธอถึงกล้าเอาเรื่องตัวเลขมาต่อรองกับฉัน ไม่ทราบว่าทำงานอยู่บริษัทไหนครับคุณนักบัญชี บริษัทเค้าจะล่มจมหรือเปล่าที่ให้โอกาสคนอย่างเธอทำงาน เพราะเท่าที่ฉันรู้มา พื้นฐานของคนเป็นนักบัญชีจะต้องมี... ความซื่อสัตย์” บาสเตียนประชดประชัน และเขาไม่พูดเปล่า ปลายนิ้วไล่สัมผัสไปตามแก้มของกณิศา จนเธอต้องรีบถอยหนี
“หรือบริษัทของเธอรับจากผลิตลอตเตอรี่ปลอม ส่วนเธอก็ทำหน้าที่ตรวจเช็กว่ามันเหมือนของจริงมากพอจะหลอกลวงคนอื่นได้หรือยัง”
“ดูถูกฉันพอหรือยัง ถ้าสะใจคุณแล้วก็ช่วยพาลูกหนี้อย่างฉันไปที่ห้องพักด้วย” กณิศาพยายามอดทนอย่างถึงที่สุด เพราะภาพที่ปวริศพี่ชายของเธอโดนทำร้ายมันผุดขึ้นมาในหัวอยู่ร่ำไป
“ตามมา” บาสเตียนมองเธออย่างเย้ยหยัน ก่อนจะเดินนำเธอไปยังห้องนอนที่อยู่ติดกับห้องนอนของเขาแต่มีขนาดเล็กกว่า
“วันจันทร์ฉันต้องการให้เธอไปยื่นใบลาออกที่บริษัทของเธอซะ”
“อะไรนะ!”
“ฉันจะจ่ายเงินเดือนให้เธอเป็นสองเท่า ขณะที่เธอทำงานกับฉันที่นี่ ฉันไม่ต้องการให้เธอคลาดสายตา เพราะนั่นแปลว่าเงินสามล้านของฉัน ฉันอาจจะไม่ได้คืน หรือถ้าเธอคิดจะหนีจริงๆ ล่ะก็ เธอควรจะคิดใหม่ เพราะลูกน้องฉันรู้จักบ้านของเธอ บ้านที่มีพ่อกับแม่เธออาศัยอยู่น่ะ แล้วไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องหาข้ออ้าง ฉันให้เวลาเธอเก็บของหนึ่งชั่วโมง เสร็จแล้วออกไปหาฉันที่ระเบียง คืนนี้เธอกับฉัน เรายังมีเรื่องต้องคุยกันอีกเยอะ” บาสเตียนส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ไปให้ แล้วหันหลังเดินออกมาจากห้อง แถมยังมีน้ำใจปิดประตูให้เธออีกด้วย
“ทำไมมันซวยอย่างนี้วะ” กณิศาไม่เข้าใจเลยจริงๆ เมื่อวานเธอยังใช้ชีวิตสาวออฟฟิศทั่วไป ใช้ชีวิตติดฝนอันแสนหดหู่ในเย็นศุกร์ยืนรอรถกลับบ้าน แต่ภายในเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงที่ผ่านมา พี่ชายของเธอฉ่อโกงบริษัท เธอถูกลอตเตอรี่แต่มันกลายเป็นของปลอม ความฝันแตกสลาย โดนไอ้ผู้ชายทุเรศคนนี้ขืนใจ และสุดท้ายเธอก็ต้องมาใช้ชีวิตในห้องนี้อีกสามเดือน ห้องที่อยู่ติดกับผู้ชายคนนั้น
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป กณิศาออกมาพบเจ้านายตามคำสั่ง ทว่าความจริงเธอจะจัดข้าวของต่างๆ ที่มีอยู่เล็กน้อย เสร็จตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้าแล้ว แต่ใช้เวลาที่เหลือเดินดูรอบๆ ห้องที่มีเฟอนิเจอร์อำนวยความสะดวกครบครัน ไม่มีข้าวของเครื่องใช้ใดๆ บ่งบอกว่าไม่มีคนอาศัยอยู่ในห้องนี้เป็นประจำ เขาคงจัดห้องนี้ไว้สำหรับแขก ด้านนอกยังมีเก้าอี้เบาะนุ่มวางไว้ตรงระเบียงอันกว้าง วิวจากตรงนี้ทำให้เธอสามารถมองเห็นตึกที่ทำงานของเธอได้อย่างชัดเจน เพราะเพนท์เฮ้าส์ของเขาตั้งอยู่ในกลางเมือง ถ้าไม่รวยจริงคงไม่สามารถเป็นเจ้าของสถานที่แบบนี้ได้
ว่าแล้วเธอสูดลมหายใจรับความสดชื่นจากลมเย็นๆ ที่พัดผ่าน ก่อนจะกลับเข้าไปในห้องและทิ้งตัวลงบนเตียงนอน ครุ่นคิดทบทวนว่าเธอจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง ทำไมเธอต้องเสียสละเพื่อปวริศทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ แถมยังเป็นพี่ชายยอดแย่อีกต่างหาก แต่ถ้าเธอไม่ทำคนที่เดือดร้อนมากกว่าพี่ชายของเธอ ก็คงจะเป็นคนที่เธอรักที่สุดในชีวิตทั้งสองคน พ่อกับแม่คงทุกข์กว่าเธอร้อยเท่า และท่านไม่ควรต้องพบเจอเรื่องแบบนั้น
กณิศานอนคิดไปเรื่อยๆ กระเพาะอาหารก็เริ่มส่งสัญญาณว่าต้องการอาหาร แต่ที่นี่ไม่ใช่บ้าน จะลุกไปเปิดตู้เย็นหาอาหารประทังชีวิตก็ไม่กล้า ได้แต่ปล่อยให้เวลาผ่านไป แต่ทุกวินาทีภาวนาให้เข็มนาฬิกาผ่านไปช้า ๆ ทว่าคำขอไม่เป็นผล เธอจึงข่มใจเดินออกมาจากห้องนอน และมองไปรอบๆ ห้องโถงผ่านๆ ก่อนจะเดินไปยังประตูกระจกบานใหญ่ที่คั่นกลางระหว่างเธอกับบาสเตียนเอาไว้
เขากำลังนั่งจิบไวน์ ทอดสายตาไปข้างหน้า ขาพาดกับโต๊ะเล็ก ท่าทางสบายๆ ไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเขา ทำให้กณิศาเกิดความคิดว่าอยากจะหยิบขวดไวน์ฟาดหัวเพื่อแก้แค้นในสิ่งที่เขาทำร้ายร่างกายและจิตใจ ในขณะเดียวกัน บาสเตียนก็ก้มมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง และหันกลับมามองว่าเธอจะมาหรือยัง กณิศาสบตากับเขาเพียงเสี้ยววินาทีก็เลื่อนประตูเปิดออก ลมเย็นๆ ที่สัมผัสตัวไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นเหมือนก่อนหน้านี้เลยสักนิด
“นั่ง” เขาเขยิบตัวไปอีกฝั่งของเก้าอี้ตัวยาว กณิศาหมดทางเลือก เพราะไม่มีเก้าอี้ตัวอื่นให้เธอบ่ายเบี่ยงที่จะอยู่ใกล้เขา ครั้นจะนั่งลงกับพื้น ก็มีโต๊ะและกระถางต้นไม้วางกินพื้นที่เต็มไปหมด
“รินไวน์” บาสเตียนสั่งเสียงนิ่ง แต่กณิศาไม่ทำตามคำสั่ง จนเขาต้องสั่งอีกครั้งด้วยเสียงที่วางอำนาจกว่าเดิม
“ริน! ไวน์!”
“ค่ะ” เธอขยับตัวไปเทไวน์ใส่แก้วให้เขาอย่างจำยอม นี่มันเป็นการกระทำของเด็กนั่งดริ๊งตามร้านเหล้าชัดๆ
“เป็นแม่บ้านที่นี่ต้องรู้จักวิธีรินไวน์ที่ถูกต้องด้วย ถ้าทำไม่เป็นก็ไปหาดูคลิปมาซะ”
“มีเรื่องสำคัญกว่านี้ไหมคะ”
“พรุ่งนี้แม่บ้านคนเก่าจะเข้ามาสอนงานเธอตอนเก้าโมงเช้า”
“ค่ะ”
“ฉันไม่ได้บอกพี่ชายเธอว่าเธอมาอยู่กับฉัน เดี๋ยวพี่ชายเธอจะปากพร่อยไปบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่เธอ ฉันไม่อยากถูกจับแต่งงานกับผู้หญิงขี้โกง”
“ค่ะ”
“ไปลาออกจากงาน...”
“คุณบอกฉันเรื่องนี้แล้วค่ะ ฉันจะไปลาออก แต่ฉันขอตกลงเงินเดือนกับคุณก่อน”
“ว่ามา...” เขาชายตามองเธอ แม้จะทำเป็นไม่ใส่ใจแต่ก็ตั้งใจฟัง
“เงินเดือนฉันสองหมื่นห้าพันบาท ไม่รวมค่าเบี้ยเลี้ยงพิเศษเวลาฉันต้องออกไปทำงานต่างจังหวัด คุณบอกว่าจะจ่ายให้ฉันสองเท่า นั่นเท่ากับว่า เงินเดือนของฉันตลอดสามเดือนคือ ห้าหมื่นบาท แต่ฉันไม่รับนะคะ คุณเอาไปหักหนี้ของพี่ชายฉันได้เลย ส่วนเบี้ยเลี้ยงพิเศษ ถ้าคุณให้ฉันทำงานนอกเหนือจากงานบ้าน คุณจะต้องจ่ายให้ฉันวันละหนึ่งพันบาท”
“แล้วอีกสองล้านแปดแสนห้าหมื่นบาทล่ะ” บาสเตียนกระตุกยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ เขาหมั่นไส้ไม่น้อยที่เธอทำเป็นเก่งกาจเรื่องตัวเลข แต่พอเขาถามกลับหน่อยก็ตอบเสียงเบา ไม่ดังเหมือนตอนเถียงเลย
“...นั่นมันเรื่องของฉัน”
“โอเค ฉันไม่ซีเรียสอยู่แล้ว”
“ไม่ซีเรียสก็ปล่อยฉันไปสิ ทีเพื่อนพี่ชายฉัน คุณไม่เห็นจะให้ญาติพี่น้องเค้ามาทำงานใช้หนี้เลย”
“หนึ่งในสามคนของเพื่อนพี่ชายเธอ กำลังคิดจะหนีฉันไปประเทศเพื่อนบ้าน แถวนั้นป่าเยอะดี ฉันกำลังคิดว่าอาจจะ...”
“พอเถอะ! ฉันไม่อยากรู้หรอกนะว่าคุณมีความคิดแย่ๆ อีกกี่เรื่องในหัว เท่าที่ฉันเจอมันก็สะเทือนใจมากพอแล้ว”
“ปากดีจริงๆ! ไอ้ปากของเธอที่ฉันจูบไปเนี่ย มันไม่ได้ทำให้เธอคิดจะสงบปากสงบคำเลยหรือไง”
“มีเรื่องสำคัญอะไรอีกไหมคะ ถ้าไม่มีฉันขอตัว ในฐานะลูกจ้าง ฉันควรจะมีเวลาส่วนตัวด้วย”
“หึ...” บาสเตียนทำเสียงเย้ยหยัน มีผู้หญิงมากมายที่อยากเข้ามาอยู่กับเขาในเพนท์เฮ้าส์นี้ แต่เธอกลับคิดตรงกันข้าม
“สงสัยจะต้องใช้ปากของฉัน ปิดปากดีๆ ของเธอให้มันเงียบลงสักหน่อย” เขาพูดจบก็ค่อยๆ โน้มตัวมาหาเธอ กณิศาลุกหนี แต่แขนยาวๆ ก็รั้งเธอไว้ได้ทัน และนั่นทำให้เธอทรงตัวไม่อยู่ หญิงสาวล้มลงบนตักแกร่ง บาสเตียนยิ้มเจ้าเล่ห์ เธอมันก็แค่ลูกไก่ในกำมือ จะบีบให้ตายตอนนี้เลยก็ยังได้ ไม่มีอะไรยากเกินกว่าที่เขาจะควบคุม
“ดิ้นเยอะๆ สิ ตอนอยู่บนเตียงจะได้หมดแรงสู้กับฉัน!” เขาจู่โจม จูบกณิศาที่หันหน้าหนีไปมา แต่สุดท้ายมันก็ไม่รอดพ้นจากปากหยักได้รูปอยู่ดี บาสเตียนบดขยี้ริมฝีปากของกณิศาอย่างอดทน เพราะมันถูกปิดสนิทเหมือนเป็นกำแพงหินที่ไร้ประตูทะลุผ่าน เขารู้สึกถูกท้าทาย จะว่าไป เธอเป็นผู้หญิงคนแรกด้วยซ้ำที่ปฏิเสธจูบจากเขา และเขาจะทำให้เธอเปิดปากให้ได้
สิ้นความคิด... เขาใช้สองมือสอดเข้าใต้ชายเสื้อ กณิศาตกใจกับสัมผัสอันล่วงเกินจึงลืมตามองเขาด้วยความไม่พอใจ อ้าปากเพื่อเตรียมพ่นคำต่อว่า จังหวะเดียวกันนี้เอง บาสเตียนก็แทรกลิ้นเข้าไปในโพรงปาก เขาตวัดลิ้นวนเวียนเรียกร้องให้กณิศายอมโอนอ่อน แต่เธอก็ใจแข็งยิ่งกว่าเพชร เมื่อเธอสู้ เขาก็สู้กลับอย่างไม่ลดละ ก่อนจะตัดสินใจอุ้มร่างบางไว้ในอ้อมแขนและพาเธอเข้าไปด้านใน ใช้เท้าดันประตูห้องนอนของเธอให้เปิดกว้าง
เขาวางเธอลงบนเตียง จับข้อมือทั้งสองข้างให้อยู่นิ่ง เพื่อที่เธอจะได้ไม่เอามันมาทุบตีได้อีก กณิศาดิ้นไปดิ้นมาจนแทบหมดแรง แต่สัมผัสอันใกล้ชิดของบาสเตียน ที่ทั้งจูบ ทั้งหอม ทั้งบีบคลึงสองเต้า ทั้งลูบไล้ที่เป้ากางเกง ลีลาของผู้เชี่ยวชาญเรื่องบนเตียงของเขา ทำให้หญิงสาวที่อ่อนประสบการณ์เริ่มเผลอไผลไปตามอารมณ์ที่เป็นความปรารถนาของหนุ่มสาว
เมื่อบาสเตียนจับความรู้สึกของเธอได้ เขาก็ยิ้มกริ่มอย่างพอใจ มือที่เคยล็อกข้อมือของกณิศาก็แปรเปลี่ยนเป็นจับประสานกันไว้เป็นหนึ่งเดียว ช่วงเวลาแห่งการเล้าโลมของบาสเตียนกำลังจะสิ้นสุดลง เขาไม่อยากชักช้าเสียเวลาที่จะเดินหมากเนิบนาบแบบนี้อีกต่อไปแล้ว เขาจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ของกณิศาทีละชิ้น... ทีละชิ้น...
“อย่าห้าม... ไม่อย่างนั้นเธอขาดใจตายคาเตียงแน่” บาสเตียนเห็นเธอกำลังจะห้ามไม่ให้เขาถอดแพนตี้จึงขู่ไว้ก่อน และเพื่อไม่ให้เธอเถียงได้อีก เขาก็ยกตัวคร่อมตัวเธอเอาไว้
“อ๊ะ” กณิศาเสียวที่เขาเลียยอดอก และรู้ตัวอีกทีก็เปลือยเปล่าเสีย แถมเธอยังหลวมตัวเผลอมองเขาถอดเสื้อ และจ้องมัดกล้ามเป็นลอน บาสเตียนเห็นแววตาของเธอที่บ่งบอกถึงความตื่นตาตื่นใจและเขินอาย จึงถอดกางเกงของตัวเองออก เพื่อให้แก่นกายแข็งตัวอันใหญ่ ปรากฏต่อสายตาของเธอเข้าเต็มๆ
“รู้ไหมว่าเธอโชคดีแค่ไหน ที่ได้ของใหญ่ๆ วันเดียวถึงสองครั้ง” เขาพูดจบก็จับปลายหัวของมันจ่อไปยังกลีบดอกไม้ที่ชุ่มไปด้วยน้ำหวาน
“โอ้ว...” เสียงครางแหบพร่าของบาสเตียนดังขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ มันเสียว มันฟิน จนร่างกายสะท้าน เขาใจเย็นอีกต่อไปไม่ได้ จึงจับขาเรียวทั้งสองแยกออกกว้าง และดันเจ้ามังกรยักษ์เข้าไปในถ้ำที่เขาติดใจในบรรยากาศและสัมผัสสุดเสน่หา
“อาห์...” กณิศาไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเผลอส่งเสียงเสียวออกมา แต่บาสเตียนได้ยินเต็มสองหู เขาพอใจมากจริงๆ ที่ได้ยิน และมีแรงจัดหนักจัดเต็มให้เธอยิ่งกว่าเก่า ณ เวลานี้เสียงแท่งร้อนกับที่กระทบเสียดสีกับโพรงสวาทดังตับๆ สนั่นลั่นห้อง
“คุณ...” อยู่ดีๆ กณิศาก็รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว มันอึดอัดจนหายใจไม่ออก
“อยากขึ้นสวรรค์เหรอ...”
“ฉัน... อาห์... เบาๆ หน่อย”
“อย่ากลัวไปเลยน่า... อยากขึ้นสวรรค์ชั้นสูงๆ มันก็ต้องใช้แรงเยอะหน่อย...” กณิศาบีบแขนเขาไว้แน่นเพื่อระบายความเสียวที่มี เธอรู้สึกได้ว่าปากทางรักของเธอรัดแก่นกายของเขาแน่นขึ้นเรื่อยๆ
บาสเตียนเสียวจนทนไม่ไหว มันขมิบเขาดีเหลือเกิน เขาออกแรงกระแทกแก่นกายเข้าไปในโพรงสวาทไม่ยั้ง และในที่สุดความเสียว ซ่านทั้งหมดที่มีก็ถูกปลดปล่อย น้ำสีขาวขุ่นอุ่นรักพุ่งเข้าใส่ช่องท้อง ของกณิศาเต็มๆ หญิงสาวรู้สึกอุ่นวาบอยู่ข้างในช่องท้อง ร่างกายของเธอรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก แต่ทว่าจิตใจนั้นแสนละอายที่หลงใหลกับการกระทำสุดป่าเถื่อน และเจ็บช้ำเข้าไปใหญ่เมื่อเขาออกจากห้องไปทั้ง ๆ ที่เปลือยเปล่าโดยที่ไม่พูดจาอะไร ก่อนจะกลับเข้ามาอีกครั้ง พร้อมกับวางเงินหนึ่งพันบาทไว้บนโต๊ะหัวเตียง
“จ็อบพิเศษนอกเหนือจากงานบ้านไง ฉันต้องจ่ายให้เธอไม่ใช่เหรอ” เขาบอกสบาย ๆ ทว่ามันทำลายความรู้สึกคนฟังจนแหลกสลาย
เมื่อเสียงประตูปิดสนิท กณิศาก็เดินอย่างยากลำบากเพื่อไปล็อกประตู ทันทีที่เธอแน่ใจเขาจะเข้ามาอีกไม่ได้ น้ำตาก็ไหลนองหน้าอย่างหมดความอดทน คิดในใจว่าตัวเองไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงขายตัว แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่ายังดีกว่าไม่ได้เงิน หนึ่งพันบาท... แม้จะไม่มากแต่ก็ใช้หนี้เขาได้เหมือนกัน