บทที่6.บทลงโทษคนดื้อ

1506 Words
เสียงกรีดร้องของฉันถูกเขาปิดกั้นไว้ มือของเขายกขึ้นมาปิดได้ทัน เวลา ไม่อย่างนั้นเหรอพนักงานด้านนอกคงแตกตื่นกันทั้งแผนก ฉันอยากโกรธเขา แต่ฉันมีสิทธิ์อะไรทำแบบนั้นได้ล่ะ ผมประคองเรือนกายอ่อนปวกเปียกของเธอไว้ ร่างกายของเธอชุ่มเหงื่อและสั่นระริก เธอเอียงตัวพิงอกของผมยังสั่นกระตุกไม่หยุด “ปะ ปล่อยวิทเถอะค่ะ!!” ฉันรวบรวมแรงที่เหลือ ยกมือผลักอกเขาแรงๆ พยายามทรงตัวให้ได้ แม้เรียวขายังสั่นและอ่อนแรงพร้อมที่จะทรุดฮวบลงไปกองที่พื้น “อย่าดื้อน่าวิท เวลานี้เธอทำแบบนั้นไม่ได้หรอก” ผมเตือนเสียงเรียบ เธอไม่รู้หรอกว่าผมทรมานยิ่งกว่าเธอนับร้อยเท่า ผมต้องการเธอเดี๋ยวนี้ ทรมานจนปวดแปลบไปทั้งหน้าขา เพราะอยากปลดปล่อยความต้องการของตัวเองบ้างเหมือนกัน “วิทดูแลตัวเองได้ค่ะ ปล่อยสิคะ!!” ฉันตอบเสียงแข็ง อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี อยากจะไปให้พ้นตรงนี้แทบแย่ แต่สภาพร่างกายฉันยังไม่พร้อม...และไม่เอื้ออำนวยพอให้ทำเช่นนั้นได้ “ทางที่ดีนะวิท...เธอปรับสภาพตัวเองให้เหมือนตอนที่เดินเข้ามาในห้องฉันก่อน ไม่อย่างนั้น คนที่จะตกเป็นขี้ปากคนอื่นคือเธอ ไม่ใช่ฉัน” ผมเตือนเสียงเรียบ เพราะขืนปล่อยหล่อนออกไปในสภาพเช่นนี้ พรุ่งนี้คงมีข่าวฉาวเรื่องใหม่เป็นอาหารปากของพนักงานในบริษัท แทนข่าวฉาวๆ ของผมกับนางแบบชื่อดังเมื่อวันก่อน ฉันสูดลมหายใจแรงๆ ฝืนเดินก้มหน้าเข้าไปที่หลังโต๊ะทำงานของเขา สภาพของฉันยับเยินอย่างไม่น่าเชื่อ ลิปสติกจางหายไปจากริมฝีปากเกือบทั้งหมด กลีบปากฉันบวมฉึ่ง สภาพผมฉันก็ไม่ได้ต่างกันเลย หลุดลุ่ยไม่เป็นทรง...ชุดเดรสสีอ่อนนี่ก็เช่นกัน เนื้อผ้ายับยู่ยี่ ฉันรีบจัดการกับตัวเองอย่างเร่งด่วน ลูบความยับย่นบนตัวเสื้อจนดูดีขึ้นกว่าเก่า สางผมที่หลุดลุ่ยไม่เป็นทรง จนดูเหมือนเดิม ที่สำคัญ.. ฉันสบถออกมาด้วยความขัดใจ นึกเข่นเขี้ยวเขาแทบกัดลิ้นตาย เขาจงใจทำให้ฉันกลายเป็นผู้หญิงร้อนรัก เริงสวาทกับเขาข้างตู้เอกสารในห้องทำงานของเขานั่นเอง และเขาทำให้ฉันรู้สึกว่าตนเองไร้ยางอาย...ฉันควรเกลียดเขา และเกลียดตัวเองด้วยที่ไม่เคยต่อต้านเขาได้สักที “จะไปแล้วเหรอ?” ฉันชะงักกำมือแน่น พยายามข่มอารมณ์ไว้ ไม่สนใจเสียงกระแนะกระแหนนั่น “ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว วิทขอตัวไปทำงานต่อนะคะ ฉันทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้หรอก ฉันเป็นลูกจ้าง ในขณะที่เขาเป็นนายจ้าง นายจ้างที่สามารถปลดฉันออกจากงานแบบฟ้าผ่าเลยก็ได้ “เธออยากได้เงินก้อนไว้ช้อปปิงอีกไหมล่ะ” ผมถามแบบเป็นต่อ ทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้และเผลอตัวสูดปากครางเสียงแผ่วๆ เมื่อความอึดอัดที่หน้าขาแทบทิ่มเป้ากางเกงทะลุ ความกระหายของผมยังไม่ลดลงสักนิด ฉันยืนตัวแข็งทื่อ เบิกตามองเขาจนตาโต ผู้ชายคนนี้ปากไม่มีหูรูด คำพูดของเขาทำให้ฉันเดือดจัด เขามองฉันเป็นอะไรกันนะ ในสายตาเขาฉันคือผู้หญิงขายบริการอย่างนั้นเหรอ ฉันสูดลมหายใจลึกๆ พยายามใจเย็นที่สุด ฉันนับหนึ่งถึงร้อย วนกลับมานับหนึ่งใหม่อีกรอบ เพื่อให้ฉันสงบลงมากกว่านี้ “ขอบคุณค่ะ ช่วงนี้วิทมีกินมีใช้ ยังไม่ขัดสนอะไร เชิญคุณไปหาคนอื่นก่อนเถอะค่ะ” ฉันปฏิเสธ ยกมือดันประตูแรงๆ ปัง!! สาวเท้าเดินเร็วๆ ตรงดิ่งไปยังโต๊ะทำงาน รีบฉวยกระเป๋าสะพายคล้องหัวไหล่ เดินตรงไปยังลิฟต์ ฉันควรไปจากที่นี่ทันที ไม่อย่างนั้นฉันคงคลุ้มคลั่ง... ฉันยกมือทุบกำแพงในห้องน้ำ โขกศีรษะกับผนังปูนดังปักๆ ฉันเจ็บหน้าผากจนน้ำตาเล็ด แต่ความรู้สึกบ้าๆ ในร่างกายก็ยังไม่จางหายไป ฉันยังรู้สึกเหมือนมือคู่นั้นของเขายังวนเวียนอยู่ที่กึ่งกลางร่างกาย นิ้วของเขาทำให้สติฉันกระเจิดกระเจิง ฉันไม่อยากคิดเลยหากมีใครสักคนโผล่หน้าเข้าไปในช่วงเวลาที่ฉันและเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ ฉันจะตกเป็นขี้ปากคนทั้งบริษัท ฉันจะใช้ชีวิตยังไงภายใต้การถูกนินทา... ฉันกัดริมฝีปากล่างกลั้นเสียงร้อง อยากจะลบสัมผัสของเขา แต่คงไม่มีทางทำได้ ร่างกายของฉันจดจำสัมผัสนั่นได้ขึ้นใจ ฉันกำลังถูกเข้าป่วนประสาทใช่ไหม ในเมื่อผู้ชายคนนั้นสามารถเลือกผู้หญิงคนไหนก็ได้ที่เขาต้องการ ไม่จำเป็นต้องเป็นฉันสักนิด “อยากจะบ้าตาย ครั้งเดียวขายขี้หน้าไม่พอหรือไงวิท” ฉันบ่นพึมพำ อับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน ฉันครองตัวอย่างดีมาตลอด ไม่เคยเหลวไหลกับความสัมพันธ์ฉาบฉวย พิทยุตม์พยายามที่จะเข้าถึงตัวฉันตลอดเวลาที่คบหาดูใจ แต่ฉันก็รอดมาได้ ไม่ได้เผลอตัวเผลอใจให้กับเขา แล้วทำไมล่ะ...ทำไมฉันถึงเผลอตัวกับผู้ชายคนนั้น ฉันคลั่งดาราซีรี่ย์ก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะพลีกายให้พวกเขานี่ ฉันโดนมนตราบทไหนเป่าใส่ล่ะ ฉันถึงได้เดินตามเขาไป และพลาดในที่สุด “เป็นอะไรวิท...ใครทำอะไรแก หรือว่าไอ้หมอนั่นมันพูดไม่ดีกับแกหะ” เสียงเพื่อนสนิทดังอยู่ใกล้ๆ ฉันลืมตาเอียงคอมอง ฐานิฏฐ์ยืนขมวดคิ้วจ้องหน้าฉันอยู่ “เปล่า ปัญหาเรื่องงานน่ะ” “แล้วไป...ฉันนึกว่าไอ้ผู้ชายขี้แพ้นั่นมาพูดไม่ดีกับแก ผู้ชายที่เอาตัวเข้าแลกเพื่อหน้าที่การงานไม่มีศักดิ์ศรีพอให้แกจำหรอกวิท เลิกได้น่ะดีแล้ว” พิทยุตม์กร่างใส่เพื่อนๆ เพราะเขาเติบโตแบบก้าวกระโดด จากพนักงานต๊อกต๋อยเลื่อนเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ เพราะกิจการของใบบัวขายให้ NS กรุ๊ปไปแล้ว แต่นั่นก็ทำให้พิทยุตม์ยืดอกชูคอข่มเพื่อนๆ ได้ไม่น้อย “ฉันเห็นหัวหน้าแผนกเดินเข้าเดินออกห้องผู้อำนวยการเป็นว่าเล่น แกเกี่ยวอะไรด้วยล่ะวิท” ฐานิฏฐ์หันมาถามฉันหลังด่าพิทยุตม์ไปหลายคำ “พี่สายกลัวจนขาสั่น เลยให้ฉันไปแทนน่ะสิ” “อ้อ...ดีสิ เจอใกล้ๆ เขาหล่อเหมือนรูปถ่ายหรือเปล่าล่ะ นายใหม่ของเราคนนี้” ฉันกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เพราะโครงหน้าฟ้าประทานของเขาไง ฉันเลยหลงเพริดไปจนกู่ไม่กลับ ทั้งที่ฉันเตือนเขาและตัวเองไปพร้อมกันแล้ว ในวินาทีที่โผเข้าหากัน สติสัมปชัญญะของฉันลอยหายไปสุดขอบโลก ไม่สามารถต้านแรงปรารถนาที่ถาโถมเข้าใส่ได้เลย “กะ กะหล่อดีหรอก แต่หยิ่งๆ แล้วก็เข้าถึงยาก” “แหม...ทำไมฉันไม่มีโอกาสได้เฉียดเข้าไปใกล้เขาบ้างนะ ผู้ชายเย็นชาน่ะ โบราณว่าร้อนแรงบนเตียงด้วยสิ ทำยังไงนะฉันถึงจะมีโอกาสนั้นบ้างนะ” หน้าฉันร้อนวูบ ผิวแก้มร้อนฉ่าเมื่อเผลอนึกถึงช่วงเวลาดุเดือดที่เกิดขึ้นระหว่างคนคนนั้นกับฉัน ฉันกัดกระพุ้งแก้มเพื่อสกัดเสียงครางเอาไว้ ร่างกายของฉันสนองตอบรสสัมผัสนั่นอย่างรวดเร็ว ขนาดแค่นึกถึงเท่านั้นนะ “แกเป็นอะไรวิท หน้าแดงแจ๋เลย” “ปะ เปล่า คงแฮงมั้ง ฉันดื่มไปเยอะเหมือนกันนะเมื่อคืน” “เป็นไปได้ แกไม่เคยดื่มจัดแบบนี้นี่นะ รออยู่ตรงนี้แปบ เดี๋ยวฉันออกไปหายาแก้แฮงมาให้แกกิน” “ฐา ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวซดกาแฟขมๆ น่าจะช่วยได้” “ไหวแน่เหรอวิท ท่าทางแกดูแย่ชะมัด” “อืม...ไหวสิ ฉันไม่ตายหรอกแค่อกหัก” ฉันชี้นำความคิดเพื่อนเพราะต้องการให้ฐานิฏฐ์คล้อยตาม ฉันไม่กล้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครฟัง มันน่าอายมากกว่าน่าภูมิใจ ฉันยังมีความคิดเก่าๆ ฝังอยู่ในหัวด้วยล่ะมั้ง “อย่าคิดมากน่า ผู้ชายไม่ได้มีแค่หมอนั่นคนเดียวเท่านั้นบนโลกใบนี้ วันหนึ่งแกก็จะเจอคนดีๆ เองแหละ” ฐานิฏฐ์พยายามปลอบฉัน ฉันขอโทษเพื่อนในใจ ฉันต้องใช้เวลาสักหน่อยเพื่อจัดระเบียบตัวเอง วันหนึ่งฉันตั้งใจจะเล่าให้เพื่อนฟัง... “ฐา...ถ้าเกิดมีอะไรกับผู้ชายแล้วไม่ได้ป้องกัน มันจะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดได้ไหม” ฉันอ้อมแอ้มถาม ไม่กล้าสบตาเพื่อน แต่คนที่เชี่ยวชาญอย่างฐานิฏฐ์น่าจะมีประสบการณ์เรื่องแบบนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD