บทที่1.ปาร์ตี้คนโสด
บทที่1.ปาร์ตี้คนโสด
ฉันนั่งเหม่อไว้อาลัยให้กับความรักของตัวเองที่พังไม่เป็นท่า จู่ๆ ใครบางคนก็เดินเข้ามาและ...
“อยากลองจับดูมั้ยล่ะ ส่วนที่ควรแข็งบนตัวฉันนี่ จะแข็งมากเลยนะ”
ฉันกะพริบเปลือกตาปริบๆ มองสบตาคนแปลกหน้าที่ฉันรู้จักดีแบบอึ้งๆ ฉันคิดในใจด้วยความกังขา อะไรทำให้คนตรงหน้าฉัน คิดว่าฉันมองร่างกายของเขาอยู่นะ
เขาหล่อข้อนี้ฉันไม่เถียง แต่ที่ผิดคาดคือ ฉันไม่คิดว่าเขาจะมีรสนิยมเช่นนี้ แม้ข่าวฉาวๆ ของเขาจะหนาหูมากก็ตาม
ฉันเคยคิดมาตลอดว่าคนมีระดับแบบนี้ ไม่ใช่เพลย์บอยที่ฉันเคยเห็นทั่วๆ ไปตามซีรี่ย์ที่ฉันโปรดปราน
คำพูดเชิญชวนของเขาแค่ได้ยินฉันยังลมออกหู ทั้งอายทั้งโกรธ และนึกโทษตัวเองที่เวลสูง ดันรู้ความนัยในคำพูดของเขาเสียนี่ ฉันนึกถึงเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่ชวนฉันมาที่นี่ ความจริงฉันควรซึมเศร้าอยู่ที่ห้อง และระทมทุกข์ต่อไปกับความรักที่ไม่สมหวัง ฉันไม่ควรเสนอหน้ามาที่นี่เลย
“ไม่ต้องอายหรอก เรื่องธรรมดาจะตาย ฉันยังอยากลองจับส่วนที่นุ่มนิ่มที่สุดของเธอเลย”
ฉันควรแก้ปัญหาเฉพาะหน้านี่ยังไงดี ฉันโดนผู้ชายเสน่ห์แรงไล่ต้อน และฉันมีสติไม่เต็มร้อยเสียด้วย เพราะเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ที่ฉันซดประหนึ่งน้ำเปล่าตั้งแต่เหยียบย่างเข้ามาในสถานที่นี้แล้วนั่นไง ฉันประคองตัวเองใช้กำแพงด้านหลังเพื่อทรงตัวยืนให้มั่นคงที่สุด ยกนิ้วขึ้นชี้หน้าเขา “หุบปากเลยนะ ฉันไม่ใช่ตัวเลือกของคุณหรอกค่ะ” กฎเกณฑ์ที่ฉันเพิ่งรู้ตอนที่ฐานิฏฐ์เพื่อนของฉันหายหัวไปกับหนุ่มแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันที่นี่ ฉันคิดไปเองว่าเพื่อนของฉันพามาสนุกในงานปาร์ตี้ของคนหนุ่มสาว แต่มันกลับตรงกันข้ามกับที่ฉันคิดไว้อย่างสิ้นเชิง
“สนใจวันไนท์สแตนด์กับฉันมั้ยสาวน้อย” นั่นคือคำถามอีกคำถามที่ฉันได้ยินจากปากชายตรงหน้า
ตอนนั้นฉันอึ้งอยู่ เลยไม่ทันตอกกลับ อึ้งกับคำถามแปลกๆ และความหล่อเหลาของเขานั่นแหละ
ผู้ชายสวมสูทท่าทางสุภาพ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาสะอาดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขาดูดีมากจนฉันเผลอเปรียบเทียบกับผู้ชายที่ฉันชอบและเพิ่งสลัดฉันทิ้งหยกๆ ความรักที่ฉันมีให้เขาไม่มีค่าเทียบเท่าตำแหน่งงานที่เขาอยากครอบครอง ไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนที่ฉันรักอยากเจริญก้าวหน้า
จนสามารถสลัดความทรงจำระหว่างฉันกับเขาทิ้งเพียงเพราะ...
“เราเลิกกันเถอะวิท ผมมีความจำเป็นต้องแต่งงานกับคุณบัว”
ฉันแค่นยิ้มน้ำตาเอ่อ เจ็บจนจุกและไม่สามารถตอบโต้อะไรกลับไปได้เลย
“ฉันเปิดห้องไว้แล้วล่ะ และคืนนี้ฉันต้องการเธอ” เสียงแหบแต่เซ็กซี่สุดๆ กระซิบเกือบติดใบหู ฉันผงะหนี แต่กำแพงอิฐด้านหลังทำให้ฉันทำมากกว่านั้นไม่ได้ ฉันหาเรื่องให้ตัวเองจนมุมแท้ๆ
“จะ จะบ้าเหรอคุณ ฉันไม่”
ฉันรีบปฏิเสธเสียงสั่น พยายามรวบรวมสติเพื่อตั้งรับเหตุการณ์ตรงหน้า
“ทุกคนที่นี่มาเพราะจุดประสงค์เดียวกัน เธอจะอ้างว่าไม่รู้น่ะเหรอ ฟังไม่ขึ้นเลยนะ”
“ฉันไม่รู้จริงๆ ค่ะ ฉันคิดว่าทุกคนแค่อยากมาสนุก”
“ใครพาเธอเข้ามาที่นี่ล่ะ” เขาถามฉันเสียงแข็ง แววตาดุๆ มองฉันขึ้นๆ ลงๆ
“เพื่อนฉันพามาสิคะ ยัยฐานิฏฐ์ไงคะ”
รอยยิ้มน่าเกลียดที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นจากเพศตรงข้าม มุมปากเขายกขึ้นสูงเพียงข้างเดียวแถมโน้มตัวลงมาใกล้ฉันมากขึ้นเสียอีก
“แล้วเพื่อนคนนั้นของเธอล่ะ ไปไหนแล้ว”
ฉันจะตอบยังไงดีล่ะ นิสัยรักสนุกของเพื่อนสนิทที่แก้ไม่หาย แม้จะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วก็ตาม หากถูกใจใครสักคนเพื่อนของฉันก็จะไม่รีรอที่จะสานสัมพันธ์กับหนุ่มคนนั้นในที่ลับตาที่ไหนสักที่
“ฉะ ฉันไม่รู้”
ฉันตอบแล้วก็ก้มหน้าหลบแววตารู้ทันของเขา
“ที่นี่ไม่ใช่แค่ผับธรรมดานะสาวน้อย ชั้นบนนั่นแบ่งเป็นห้องๆ เพื่อให้คนที่มาปาร์ตี้นี้หาความสุขกัน และฉันกำลังโน้มน้าวเธออยู่”
ฉันส่ายหน้าแรงๆ เอนตัวติดกำแพงมากยิ่งขึ้น
“ฉันไม่ใช่คนจำพวกนั้นหรอกค่ะ”
คำโต้แย้งของฉันฟังไม่ขึ้นหรอก แต่นั่นเป็นอย่างเดียวที่ฉันคิดออกตอนนี้ ฉันจะหาทางรอดจากสถานการณ์แสนอันตรายนี่ได้อย่างไร ในเมื่อฉันกำลังถูกคุกคามด้วยเสน่ห์และพลังงานจากเพศตรงข้าม ที่มีอานุภาพเกินต้านจริงๆ
กลิ่นของเขาลอยอยู่รอบตัวฉัน และสติของฉันเหลือน้อยเต็มที
ฉันไม่ควรหลงคารมและตามฐานิฏฐ์ มาเที่ยวที่นี่เลย
“ไม่ต้องเล่นตัวหรอกสาวน้อย นาทีนี้เธอเรียกเท่าไหร่ฉันก็ยินดีจ่าย”
“เหอะ” ฉันตวัดตามองหน้าเขา
“เธอน่าจะรู้จักฉันสิ ในบรรดาหนุ่มโสด ที่อยู่ในที่นี้ มีสักคนไหมที่ดูดีกว่าฉันตอนนี้”
ฉันควรเกลียดความมั่นใจในตัวเองของชายผู้นี้เสียจริงๆ แต่เพราะฉันรู้จักเขานะสิ ฉันเลยเกลียดความคิดนี้ของเขาไม่ลง ผู้ชายคนนี้ คนที่สาวๆ กำลังตามกรี๊ดอย่างหนัก เขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีดีกรีต่อท้ายยาวจนขี้เกียจจำ ฉันไม่คิดด้วยซ้ำว่าโลกจะกลมจนพัดพาเขาหลุดเข้ามาในวงโคจรคนธรรมดาอย่างฉันได้
อนันยช ศาตนันท์ CEO NS กรุ๊ป
ผู้ชายที่ฉันกับฐานิฏฐ์ เพิ่งแอบมองเขาเมื่อตอนบ่ายในห้องประชุมของบริษัท ผู้ชายที่กำลังจะเป็นเจ้านายคนใหม่ของฉันในวันพรุ่งนี้ หลังจากเขาเทคโอเวอร์บริษัทฉันเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ NS กรุ๊ปแล้ว
ฉันกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ
“พรุ่งนี้ คุณจะเสียใจที่ลดตัวลงมาเลือกฉันค่ะ” สมองฉันเลอะเลือนไปแล้วใช่ไหมฉันถึงพูดออกมาแบบนั้น
“ไม่เคยมีคำว่าเสียใจ หากฉันตัดสินใจไปแล้ว”
ฉันก็พอรู้นิสัยหรือสันดานผู้ชายมาบ้างแหละ แต่ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเจอกับตัวเอง ความปรารถนาในร่างกายมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ หรือไม่บางทีอาจเป็นเพราะสถานการณ์เป็นใจก็เป็นได้
แหล่งซ่องสุมที่คนปกติธรรมดาไม่เฉียดเข้ามาใกล้หรอก ยกเว้นคนที่มีรสนิยมแบบเดียวกัน ฉันผิดเองที่อยู่ผิดที่ผิดทางในช่วงเวลาที่ฉันเองก็ไม่มั่นคงนักทางอารมณ์
ฉันอยากประชดประชันโลก...อยากทำในสิ่งที่ตัวไม่เคยคิด
เขาเกี่ยวปลายคางฉันด้วยปลายนิ้วชี้ ฉันเบี่ยงหน้าหลบตามสัญชาตญาณ ซึ่งไม่ได้ผลหรอกในระยะประชิดเช่นนี้ เขาไม่ได้ทำสิ่งที่ฉันคาดเดาหรอกนะ “หาที่เงียบๆ คุยกันเถอะ ฉันไม่ชอบตกเป็นเป้าสายตาเท่าไหร่นัก”
ฉันถอนใจแรงๆ ยอมเดินตามแรงรั้งของเขาไปได้ยังไงไม่รู้ คงเพราะฉันเผลอสูดกลิ่นฟีโรโมนของเขาเข้าไปมากเกินไปด้วยล่ะมั้ง ฉันเลยเคลิ้มไปกับคำเชิญชวนแสนอันตรายนั่น
ฉันเดินตัวลอยตามคนแปลกหน้าเข้าไปด้านใน ขาฉันเบาหวิวเหมือนน้ำหนักตัวฉันลดลงเกินครึ่ง ฉันเดินเปะปะเพราะการควบคุมตัวเหลือน้อยลงทุกนาที และภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้ฉันคิดไปเรื่อยเปื่อยโดยไม่กลัวอันตรายที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้เลย
“ว้าวววว...” ฉันอ้าปากมองวิวที่เห็นผ่านกระจกใสแจ๋ว
ทิวทัศน์ยามค่ำแสงไฟตกกระทบแผ่นน้ำจนเกิดประกายระยิบระยับ
“ฉันชอบเธอบนเตียงนั่นมากกว่า วิวแม่น้ำเจ้าพระยานะ” ฉันสะดุ้งสุดตัว ฉันลืมตัวจนตกอยู่ในสถานการณ์สุดอันตรายเข้าจนได้
ฉันรวบรวมสติหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับเขา ฉันเผลอตัวเดินถอยหลัง ผู้ชายรูปหล่อคนเดิมกำลังทำบางอย่างกับเสื้อผ้าของเขา ฉันมองสูทพอดีตัวสีน้ำตาลไหม้ที่วางพาดไว้เหนือพนักเก้าอี้ เขากำลังปลดกระดุมข้อมือท่าทางไม่ยี่หระกับทุกสิ่งรอบตัวเลย
“คุณกำลังเข้าใจผิดอยู่นะคะ ฉันไม่ได้มาเพื่อ...” ฉันพูดต่อไม่จบรู้สึกกระดากปากพิกล
เขายิ้มแบบเดิม มองฉันด้วยแววตาน่าขยะแขยง เปลือกตาเขาหรี่ลง และมองฉันผ่านแพขนตาดกหนาที่ฉันนึกอยากลองสัมผัสสักครั้ง
“ไม่ต้องเล่นบทสาวใสไร้เดียงสาหรอกน่า ที่นี่มีแค่เธอกับฉัน”
ทำไมฉันต้องเข้าใจสิ่งที่เขาพูดด้วยก็ไม่รู้ ฉันอยู่ท่ามกลางเพื่อนที่เป็นคาสโนวี่ ประสบการณ์ผ่านเรื่องเล่าที่กรอกหูฉันอยู่หลายปีมันเลยทำให้คำพูดกำกวมเหล่านี้ ฉันก็ยังเข้าใจ
ฉันไม่ได้รู้สึกโกรธเขาเลยนะ เขาโตมากับสภาพแวดล้อมแบบนี้มั้ง ผู้หญิงทุกคนที่วิ่งเข้าหาเขาคงมีแต่จำพวกนี้สินะ ผู้ชายตรงหน้าฉันเลยมองโลกในแง่ลบไปสักหน่อย
“คุณกับฉันต้องคุยกันก่อนค่ะ”