12

1138 Words
หนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังยืนกอดจูบกันอย่างดูดดื่ม ฝ่ายชายใช้ฝ่ามือลูบไล้ไปตามร่างกายของหญิงสาว ก่อนจะเลื่อนใบหน้ามาซุกซอกคอ ฝ่ายหญิงก็ร้องครางเหมือนตัวเองโดนของร้อนก็ไม่ ปาน พิมพิชชาจำได้อย่างแม่นยำว่าผู้หญิงที่หลับตาพริ้ม เผยอปากร้องครางต่ำอยู่นั้นคือ พนักงานต้อนรับสาวสวยคนนั้น นอกจากจะปากไม่ดี แล้วยังหน้าไม่อายอีก ไม่สมกับเป็นกุลสตรีไทยเลย ระหว่างที่เธอกำลังยืนตื่นตะลึงอยู่นั้น พนักงานสาวก็ปรือตาขึ้นมาพอดี ดวงตาของเธอจึงประสานสายตากับพิมพิชชาที่จ้องมองมายังทั้งคู่อย่างตาไม่กะพริบ “ว้าย!” พนักงานต้อนรับร้องออกมาด้วยความตกใจ ทำให้ชายคนนั้นผละจากร่างบางด้วยความตกใจเช่นกัน “จะร้องวี้ดว้ายทำไมเนี่ย กำลังได้ฟิลเลย” น้ำเสียงของติณณพัฒน์เต็มไปด้วยความหงุดหงิด เสียอารมณ์อย่างแรง พนักงานสาวจึงชี้ไปทางด้านหลังของเขา ติณณพัฒน์จึงหันไปมองอย่างเสียมิได้ ดวงตาคมกล้าสีดำขลับจ้องมองดวงหน้าหวานของหญิงสาว ที่อยู่เฉียงไปทางด้านหลังของเขานิ่ง ผู้หญิงแต่งตัวมอซอคนนี้เป็นใคร ทำไมจึงมายืนอยู่ตรงนี้ แล้วที่สำคัญเล่นจ้องเขากับนีน่าตาไม่กะพริบด้วย “มายืนอะไรตรงนี้เนี่ย ที่ผับนี้เขาปล่อยให้ขอทานเข้ามาในนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” ติณณพัฒน์พูดดูถูกดูแคลนทันที พิมพิชชาก้มมองดูตัวเอง เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่อาจจะดูซอมซ่อไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้เหมือนขอทานอย่างที่ผู้ชายปากเสียคนนี้ต่อว่า ถ้อยคำที่หาความเป็นสุภาพบุรุษไม่ได้ทำให้พิมพิชชาอารมณ์ขึ้น ปากสุนัขชัดๆ อย่างนี้ต้องสั่งสอนให้เข็ด “นายนั่นแหละขอทาน หิวโซ อดอยากปากแห้งมากนักหรือไง ถึงได้มายืนจูบกันตรงนี้น่ะ ที่นี่มันไม่ใช่ที่ลับตาคนนะถึงได้มาทำอะไรกันแบบนี้ อีกอย่างที่นี่เมืองไทยเมืองพุทธไม่ใช่เมืองนอก หัดเคารพในความเป็นคนไทยบ้าง ไม่ใช่ว่าอยากที่ไหน ก็เล่นตรงนั้น” พิมพิชชาว่าเป็นชุด ไม่สนใจใบหน้าคมหล่อของอีกฝ่ายที่เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ เกิดมาในชีวิตไม่เคยมีใครกล้าต่อว่าเขาด้วยถ้อยคำที่รุนแรงแบบนี้เลย มีแต่ผู้หญิงหน้าสวยแต่ปากร้ายคนนี้เท่านั้นที่กล้า สงสัยคงจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ถึงได้ด่าฉอดๆ แบบนี้ นีน่าเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเดินหนีไปจากจุดนั้นทันที ปล่อยให้ทั้งคู่ทุ่มเถียงกันเอง “แล้วเธอมายุ่งเรื่องของฉันทำไม” ติณณพัฒน์เลิกคิ้วถาม เล่นเอาหญิงสาวเข่นเขี้ยวในใจแต่ก็ไม่เกรงกลัว ยังคงฉายาริมฝีปากเฉียบคมต่อไป “ก็มันทุเรศ ไร้ยางอาย น่าเกลียด แหวะ” พิมพิชชาทำท่ารังเกียจสุดฤทธิ์ “เธอกล้ามากนะที่ว่าฉันแบบนี้ ไม่เคยมีใครกล้าว่าฉันแบบนี้มาก่อนเลย” ติณณพัฒน์กัดฟันพูด จ้องมองหน้าหวานสวยเขม็ง “ก็มีซะสิ มิน่าล่ะคุณถึงมีนิสัยแบบนี้ ที่แท้ก็ไม่มีใครกล้าว่า กล้าสั่งสอนนี่เอง” คราวนี้ติณณพัฒน์ของขึ้นบ้าง ใบหน้าแดงจัด โกรธจนลมออกหู “ฉันจะสั่งสอนเธอให้รู้สำนึกว่า อย่าริอ่านมาด่า มาว่าฉันอีก” เขาเดินอาดๆ เข้ามาหาเธอทันทีที่พูดจบ พิมพิชชาเห็นท่าไม่ดีจึงถอยหลังไปสามก้าว ไม่ใช่กลัวแต่ถอยมาตั้งหลักเพื่อจะทำการบางอย่าง “โอ๊ย! ปล่อยนะ ปล่อย โอ๊ย...อูย” ติณณพัฒน์ร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อยอดอกของเขาทั้งสองข้าง ถูกนิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือของเธอคีบเอาไว้ ก่อนที่เธอจะบิดเป็นรูปวงกลม ความเจ็บแล่นฉิวเข้ามาในร่างกายของเขาทันทีมือไม้อ่อนหมดเรี่ยวแรงเอาดื้อๆ “ทีหลังอย่าริรังแกผู้หญิงอีกนะ ฉันไม่ใช่ไก่อ่อนที่คุณจะมารังแกง่ายๆ จำเอาไว้” “โอ๊ยยยยย!” เขาร้องออกมาเป็นทางยาวเมื่อเธอออกแรงบิดมากกว่าเดิม พิมพิชชาปล่อยปลายนิ้วจากยอดอกของเขาหลังจากที่หยิกจนสมใจ ก่อนจะวิ่งออกไปจากจุดนั้นทันที ไม่ปล่อยให้เขาตั้งตัวได้เพราะเธอเองก็กลัวเขาอยู่ไม่ใช่น้อย นึกสะใจที่เธอเล็งปลายนิ้วไปที่ยอดอกของเขาได้พอดีเป๊ะ ไม่อย่าง นั้นคนที่เสียทีอาจจะเป็นเธอก็ได้ “อูย...อย่าให้เจอนะแม่ตัวแสบ จะเล่นงานให้หนักเลย อูย ผู้หญิง อะไรแสบชะมัด เล่นซะแดงเลย” ติณณพัฒน์ร้องไปบ่นไป อาฆาตไป มองยอดอกที่เกิดรอยแดงผ่านคอเสื้อ เอามือมาลูบคลึงยอดอกทั้งสองข้าง เพื่อให้ความเจ็บปวดทุเลาลง ก่อนจะเดินเข้าไปในผับเพื่อไปพบกับหญิงสาวที่เขาจะว่าจ้างมาเป็นภรรยา “ทำไมไปห้องน้ำนานจังเลยพิม แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ” เบญจวรรณถามพิมพิชชาทันทีเมื่อเพื่อนสาวกลับมาที่โต๊ะหลังจากที่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ทั้งยังเห็นสีหน้าของเพื่อนที่หงิกงอเหมือนกับว่ามีใคร ทำอะไรให้ไม่สบอารมณ์ “ไม่มีอะไรหรอก พอดีไปสั่งสอนผู้ชายบ้ากาม ปากหมาก็เท่านั้นเอง” พิมพิชชาตอบอย่างคนหัวเสีย หยิบแก้วน้ำส้มที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมากระดกดื่มดับความร้อนรุ่มของจิตใจให้เบาบางลง ยังไม่ทันที่อารมณ์จะกลับมาสู่ภาวะปกติ ร่างของใครคนหนึ่งก็ทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างตัวเธอ “เฮ้ย...เธอ / เฮ้ย...คุณ” ต่างฝ่ายต่างอุทานด้วยความตื่นตกใจ เมื่อประสานสายตากันในระยะใกล้ แถมร่างกายของเขาและเธอก็ใกล้กันอีกด้วย ตุลาการกับเบญจวรรณที่นั่งติดกันมองมายังติณณพัฒน์กับ พิมพิชชาด้วยความสงสัย “เธอมานั่งอยู่ที่นี่ได้ยังไง แม่ตัวแสบ” ติณณพัฒน์ถามเสียงเข้ม จ้องมองดวงหน้างดงามไม่ไหวติง “แล้วคุณล่ะ คุณมานั่งอยู่ที่นี่ได้ยังไง” พิมพิชชาไม่ตอบแต่กลับย้อนถามอีกฝ่ายแทน “ฉันถามเธอ ไม่ใช่ให้เธอมาย้อนถามฉันนะ” “ฉันก็ถามคุณ ไม่ได้ให้คุณมาย้อนถามฉันอีกรอบเหมือนกัน” พิมพิชชาสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ “ต้น นายรู้จักพิมด้วยเหรอ” ตุลาการแทรกถามขึ้น “นั่นสิพิม พิมรู้จักคุณต้นด้วยเหรอ” เบญจวรรณถามเพื่อนสนิทเช่นกัน คำถามของทั้งสอง ทำให้ติณณพัฒน์กับพิมพิชชาเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง หันไปมองหน้าคนถาม ก่อนจะหันกลับมามองหน้าซึ่งกันและกันอีกครั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD